ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 333 ช่างตัดเสื้อประหลาด (2)
ตอนที่333 ช่างตัดเสื้อประหลาด (2)
ตอนที่333 ช่างตัดเสื้อประหลาด (2)
“ได้ ได้ ได้เลยขอรับ จะรีบวัดให้เดี๋ยวนี้!”
ใครหรือคาดคิด ทัศนคติอารมณ์ของเซียถงจะแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในพริบตา ช่างตัดเสื้อหลี่เองก็ประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็ไม่รอช้าเช่นนั้น เจ้าตัวปรี่ยิ้มแย้มรีบหยิบตลับวัดเส้นยาวจากมือของาสาวรับใช้ สั่งให้พวกนางประคองร่างจับเซียถงเอาไว้ ส่วนตนเองก็คอยวัดกะระยะโดยละเอียดถี่ถ้วน
เฝ้าสังเกตช่างตัดเสื้อหลี่ที่กำลังมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับมาตรวัดอย่างละเอียดประณีต เซียถงกดสายตาต่ำลงจับจ้องไปยังเรียวนิ้วทั้งสิบของอีกฝ่ายที่เคลื่อนไหวแสนช่ำช่อง แอบเชิดมุมปากกระตุกขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มออกมา ช่างตัดเสื้องั้นรึ? แล้วช่างตัดเสื้อที่ไหนถึงมีตาปลาแข็งเป็นไตขนาดนี้ทั่วนิ้วมือ?
ในช่วงชีวิตก่อนหน้า เซียถงเองก็รู้จักพวกดีไซเนอร์ในแวดวงแฟชั่นชั้นนำระดับโลกอยู่หลายคน และต่อให้พวกเขาต้องออกงานตัดเย็บเสื้อผ้าติดต่อกันหลายต่อหลายเดือน แต่มือของพวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงรักษาความเรียบเนียนเอาไว้ได้ ไม่เคยพบเห็นคนใดที่มีตาปลาเช่นนี้มาก่อน
เซี่ยเห่อยืนหน้าโง่ฉงนใจอยู่เคียงข้างเซียถง ข้อสงสัยบังเกิดขึ้นภายในใจ ไฉนคุณหนูเซียจู่ๆ ถึงยอมแต่โดยดีง่ายเช่นนี้? คล้อยหลังครุ่นคิดหาคำตอบอยู่สักครู่ นางก็ตาสว่างเป็นประกายสว่างไสวในทันใด เพราะเมื่อครู่นี้ ช่างตัดเสื้อหลี่เพิ่งเอ่ยปากพรรณนาชื่นชมถึงความงามของคุณหนูเซีย ทั้งยังบอกอีกว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับหน้าที่ตัดชุดแต่งงานให้ ดูท่าแล้ว คุณหนูเซียของนางจะชอบให้คนอื่นเอ่ยปากชม เช่นนั้น เซี่ยเห่อก็ไม่รอช้า รีบคลี่ยิ้มหวานเอ่ยปากชมเซียถงขึ้นว่า
“คุณหนูเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านจะสวมใส่ชุดอะไร ก็ล้วนแต่ดูดีโดดเด่นกว่าใครอื่นทั้งนั้นเจ้าค่ะ!”
สุ้มเสียงหญิงสาวดังชื่นชมอยู่ข้างหู สีหน้าการแสดงออกของเซียถงกลับกลายมาเป็นเย็นชาอีกครั้ง ชำลองสายตาสบปะทะเข้าใส่ เล่นเอาเซี่ยเห่อแทบหดคอใจแป๋ว รู้สึกตัวเล็กตัวน้อยดั่งมดตาใสใจบริสุทธิ์ กะพริบตาปริบๆ พลางคิดกับตัวเองไปว่า นี่ตนพูดอะไรผิดไป?
ถอดถอนสายตาเหลียวกลับเข้ามา เซียถงยังคงจดจ่ออยู่กับช่างตัดเสื้อหลี่ที่กำลังวัดขนาดสัดส่วนต่างๆ ทั่วเรือนร่างของนาง กวาดสายตาติดตามสองมือที่เคลื่อนไหวชำนาญคล่องแคล่ว ยิ่งมองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเกตเห็นรอยตะปุ่มตะป่ำซึ่งเป็นแผลตาปลานูนหนามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งแผลตาปลาพวกนี้เกิดจากการฝึกปรือกระบี่ตลอดแรมปีทุกวี่วัน
ช่างตัดเสื้อคนนี้รนู้จักวิธีใช้กระบี่? หุหุ น่าสนใจไม่น้อย! มุมปากเซียถงกระตุกยิ้มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ย่อมมีนัยซ่อนแฝงไว้อย่างชัดเจน
เห็นเซียถงจับจ้องมือไม้ของตนไม่คลายอ่อน ช่างตัดเสื้อหลี่พลางคิดว่า คุณหนูท่านนี้ใกล้จะหมดความอดทนแล้ว เช่นนั้นจึงเร่งมือวัดสัดส่วนให้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ทำการวัดสัดส่วนทุกอย่างเสร็จสิ้น เซียถงหลี่สายตาคับแคบ เหม่อมองช่างตัดเสื้อหลี่เดินจากประตูพร้อมกับสาวรับใช้ทั้งสองนาง และหันกลับมาถามเซี่ยเห่อขึ้นว่า
“นอกจากช่างตัดเสื้อหลี่แล้ว ยังมีใครอยู่ที่นี่อีกหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ ก็มีทั้งพ่อครัวกับลูกมือ แล้วก็บ่าวรับใช้ในส่วนอื่นๆ ของเรือน รวมไปถึงคนงานอีกมากมายที่เกณฑ์กันเข้ามา เพราะวันมะรืนนี้เป็นงานแต่งระหว่างนายน้อยกับคุณหนูแล้ว จึงมีคนงานมากเป็นพิเศษ”
พอได้ยินเซียถงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา เอ่ยถามถึงสิ่งต่างๆ ภายในเรือนแห่งนี้ เซี่ยเห่อก็ยิ้มแย้มมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะคิดไปว่า คุณหนูเซียอาจเปลี่ยนใจและเริ่มมีความต้องการอยากจะแต่งกับนายน้อยขึ้นแล้วจริงๆ ในเมื่อทุกอย่างลงตัวเช่นนี้ ภายภาคหน้าต่อไปคงจะมีแต่ความสุข เซี่ยเห่อเชื่อแบบนั้น
เซียถงพยักหน้าตอบ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ครุ่นคิดไปถึงเป้าหมายที่แท้จริงของช่างตัดเสื้อหลี่คนนั้น ถึงแม้เขาจะดูถ่อมตัวเป็นมิตรมาก แต่จะสังเกตเห็นได้ว่า มีบางช่วงจังหวะที่สายตาของเขาแปรเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่า ต้องมีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงซ่อนเร้นไว้อยู่ เขามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?
คืนวันนี้ฝนฟ้าคะนองรุนแรง ห่าพิรุณซัดกระหน่ำจากฟากฟ้า สายอสนีแลบผ่าแซ่ซ้อน เสียงดังน่าสะพรึงนักแล
กลางดึก หลิวซูกลับมาพร้อมกับหอบขวดโหลและไหมาจำนวนมากมาย แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่ได้เรื่องสักอย่าง
“เจ้าโดนวางยาพิษ ข้าเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตอนนี้อ่อนล้าแทบขยับตัวไม่ไหวแล้วเช่นกัน ขอไปพักผ่อนก่อนสักครู่หนึ่ง”
หลิวซูในเวลานี้สีหน้าดูซีดเซียวอ่อนแรงมากจริงๆ พบเห็นเป็นเช่นนั้น เซียถงจึงรีบอุ้มมันขึ้นนอนพักผ่อนบนเตียง
“ไม่เป็นไร แต่จะว่าไปแล้ว วันนี้ข้างนอกเรือนคนเยอะมากหรือไม่?”
เซียถงเอ่ยถามขณะกวาดมือเสาะหาในกองขวดโหลและไหที่หลิวซูนำมา เผื่อว่าจะมีอะไรสักอย่างที่พอใช้การได้อยู่บ้าง
“น่าจะเป็นเพราะงานแต่งของเจ้า ผู้คนในเรือนกำลังวิ่งหัวหมุนกันอยู่ตลอดทั้งวัน ฟังว่าจำนวนคนงานไม่เพียงพอ จึงไปเกณฑ์คนนอกเข้ามาช่วยจัดงานเพิ่มอีกไม่รู้กี่ร้อยคน”
กล่าวมาถึงจุดนี้ หลิวซูก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย พอเห็นว่าเซียถงในเวลานี้โดนกักขังกักบริเวณไม่ให้ไปไหน ตัวมันเองก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อย นางที่เคยเป็นมารปีศาจร้ายคอยข่มขู่ตัวมันไม่เว้นวันในยามปกติสุข ทว่าในตอนนี้กลับโดนกักขังมิให้มีอิสระ นี่ก็นับว่าสมควรแล้ว
เซียถงขมวดคิ้วครุ่นพินิจอย่างหนัก หลังจากที่เห็นช่างตัดเสื้อหลี่ที่ดูแปลกๆ ในวันนี้แล้ว นางมีลางสังหรณ์ว่า ตระกูลหลัวอาจต้องประสบพบปัญหาใหญ่หลวงในอีกไม่ช้า ทางดีที่สุดในตอนนี้คือรีบเสาะหาโอกาสชิ่งหนี ก่อนที่ปัญหาจะถาโถมมาถึง
“เจ้าหนุ่มคนนั้น…รู้สึกจะชื่อหลัวซีกระมัง? อันที่จริงเขาเองก็เป็นคนดีไม่น้อยเลย ไฉนถึงไม่อยากแต่งงานกับเขาเสียล่ะ?”
หลิวซูหันมาเอ่ยถามเซียถงด้วยความสงสัย
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมาทางนี้ หางตาเซียถงกระตุกวูบหนึ่ง ส่วนหลิวซูก็รีบกระโจนขึ้นจากเตียง อันตรธานหายตัววับไปทันที และคล้อยหลังไม่นาน ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกมา ชุนหลานพุ่งเข้าใส่นางทันทีพร้อมกับมีดปลายแหลมเล่มหนึ่ง
เซียถงเพียงชำเลืองมองและเอี้ยวตัวหลบสบายๆ มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นอย่างอดมิได้ แลเห็นรอยยิ้มบนมุมปากของเซียถง มันยิ่งเพิ่มพูนความเกลียดชังผ่านใบหน้าชุนหลานยิ่งขึ้นหลายทวีทบ เงาร่างปราดไสว กวาดล้างทะยานเข้าใส่เบื้องหน้าอีกฝ่ายทันที คมมีดสั้นแนบชิดติดเนื้ออุ่นบนคอของเซียถง ก่นเสียงเกรี้ยวโกรธขึ้นว่า
“คนที่นายน้อยชอบกลับเป็นเจ้า หากเจ้ากล้าหนีงานแต่ง เช่นนั้นก็จงตายไปซะ!”
รัศมีจิตสังหารอันน่าหวั่นเกรงปะทุเดือดเข้ากดขี่ทั่วร่างกายของเซียถง ทว่านางยังคงยืนนิ่งแสยะยิ้มมุมปากราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือบมองคมมีดเย็นที่ประทับบนคอแน่บชิด กล่าวตอบอย่างใจเย็นว่า
“หากเจ้าสังหารข้า มิเพียงผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจะไม่ปล่อยเจ้าไป แต่หลัวซีจะเกลียดขี้หน้าเจ้าไปชั่วชีวิต”
มือข้างนั้นที่จับกระชับมีดสั้นของชุนหลานพลันชะงักแข็งค้างไปชั่วขณะ ตัวนางหาได้กลัวเกรงต่อบทลงโทษสถานหนักของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต หากแต่ว่ากลัวถูกหลัวซีเกลียดขี้หน้าไปชั่วชีวิต
“หากข้าเป็นเจ้า ในเมื่อมีโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจได้ แล้วไยถึงยังไม่ลงมือทำ? หากหลัวซีได้แต่งงานกับข้าจริงๆ เขาก็ไม่มีวันได้ครอบครองหัวใจดวงนี้ของข้า ผลที่ตามมาคือเขาจะมิได้สัมผัสกับความสุขอีกเลย แล้วเจ้าต้องการเห็นเขาเป็นทุกข์มากใช่หรือไม่?”
เซียถงยิงคำถามประโยคหนึ่งออกไป สายตาคู่คมกริบแกร่งกล้าจับจ้องชุนหลานเขม็ง
ไอความเย็นชาทั่วใบหน้าชุนหลานพลันแตกสลายไปในพริบตา แววตาสั่นไสวแปรเปลี่ยน แลดูซับซ้อนหลากอารมณ์ถาโถมยิ่งขึ้นไป
“วิธีเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้คือ เจ้าจำต้องปล่อยให้ข้าหนีจากที่นี่ไป และข้าจะไม่โผล่หน้ามาให้หลัวซีเห็นอีก เมื่อเวลาผ่านไป ตามธรรมชาติของมนุษย์เราจะค่อยๆ ลืมกันไปเอง เจ้าก็อาศัยจังหวะนี้เติมเต็มหัวใจของเขาแทนที่ข้า”
เซียถงกล่าวอธิบายต่ออย่างรวดเร็ว
“ข้า…ข้า…จะเป็นไปได้จริงๆ รึ?”
ชุนหลานโพล่งอุทานขึ้นคำหนึ่ง มือข้างนั้นที่ถือมีดสั้นเบี่ยงหันออกจากคอของเซียถงโดยมิทันรู้ตัว
“หากไม่สารภาพความในใจออกไป แล้วมีหรือที่เขาจะรู้ว่าตัวเจ้านั้นคิดเยี่ยงไร? ขอเพียงซื่อสัตย์กับตัวเอง แล้วลองตะโกนออกไปดังๆ สักตั้ง ถึงแม้จะถูกปฏิเสธกลับมา แต่อย่างน้อยเจ้าก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว และไม่มีอะไรต้องเสียใจในภายหลัง”
เซียถงพยักหน้า กล่าวปลุกกำลังใจให้อีกฝ่าย
คล้อยหลังจากที่ลังเลอยู่สักครู่ใหญ่ ชุนหลานก็โยนมีดสั้นในมือทิ้งไป และชี้นิ้วไปทางประตูกล่าวน้ำเสียงดังฉะฉาน แววตาเปี่ยมล้นความมุ่งมั่งขึ้นว่า
“ออกประตูไปเลี้ยวซ้าย แล้วเดินตามทางยาว เจ้าจะไปถึงประตูสวนหลังเรือนซึ่งเป็นทางออกส่วนหลังของที่นี่”
เดิมทีชุนหลานตั้งใจจะอาศัยยามพลบค่ำ ลอบเข้ามาใช้อาวุธข่มขู่เซียถงเพื่อไม่ให้ไปพังงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และในความเป็นจริง นางไม่มีเจตนาที่จะลงมือฆ่าแกงกันอยู่แล้ว เพราะจะอย่างไร เซียถงก็มีศักดิ์เป็นถึงสะใภ้ของตระกูลหลัวในอนาคต ชุนหลานไม่มีความกล้าพอที่จะลงมือสังหารอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว