ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 336 ปล่อยข้าไปเสีย (2)
ตอนที่336 ปล่อยข้าไปเสีย (2)
ตอนที่336 ปล่อยข้าไปเสีย (2)
เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูดดังนั้น หลัวซีย่อมทราบทันที ท่านปู่ยอมไว้ชีวิตเซียถงแล้ว เขาพยักหน้าตอบกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า กล่าวว่า
“หลานเข้าใจแล้ว”
จากนั้นผู้อาวุโสอินทรีโลหิตก็เหวี่ยงแขนเสื้อยาวสะบัด และเดินจากไป
“นายน้อย ให้พวกเราพาคุณหนูกลับห้องเถิด!”
ตงเหม่ยและฉู่จูมองหน้าสบกันสักครู่หนึ่งหลังจากที่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจากไป ลังเลทำตัวไม่ถูกอยู่ระยะใหญ่ พวกนางก็ก้าวขึ้นหน้าออกมากล่าวกับหลัวซี เนื่องด้วยพวกนางกินอยู่กับชุนหลานมาตลอดหลายสิบปี เมื่อเห็นว่าเซียถงเป็นฝ่ายทำร้ายชุนหลานจนอาการสาหัสเกือบตาย ภายในใจของทั้งคู่จึงรังเกียจอีกฝ่ายอย่างมาก แต่เพราะหน้าที่ที่ได้รับมา จึงต้องเก็บงำความเกลียดชังเหล่านี้เอาไว้ในใจ
“ไม่ ข้าจะพานางกลับไปเอง”
หลัวซีเหลือบมองเซียถงอยู่ปราดหนึ่ง ก่อนจะสอดแขนอุ้มร่างของนางขึ้นไว้ในอ้อมอก และเดินกลับห้องไป
ตงเหม่ยกับฉู่จูเดินติดตามกลับเข้าห้องมา และเป็นทางด้านฉู่จูที่รีบไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่มาเปลี่ยนให้เซียถง ส่วนตงเหม่ยก็แยกย้ายออกไปหาน้ำท่าให้ดื่ม ภายในห้องจึงเหลือแค่หลัวซีกับเซียถงเท่านั้นสองต่อสอง
“เจ้าอยากจะหนีออกจากที่นี่จริงๆ งั้นรึ?”
หลัวซีคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง เฝ้าจับตามองเซียถงที่ในเวลานั้นเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโคลน เสื้อผ้าหน้าผมของนางก็ยังเปียกชุ่มดูยุ่งเหยิง สีหน้าฉาบเย็นยะเยือกดุร้าย แตกต่างไปจากยามปกติทั่วไปโดยสิ้นเชิง
“ใช่! ปล่อยข้าออกไปเสีย”
เซียถงตอบกลับน้ำเสียงเรียบนิ่งปราศจากคลื่นอารมณ์ผวน
หลัวซีทำได้แต่จับจ้องอีกฝ่ายพร้อมแววตาแสนเศร้าสร้อยยิ่งนัก ก้มศีรษะครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง คอยหันหน้าเงยขึ้นมองเซียถง เอื้อนกล่าวว่า
“ชุนหลานได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ท่านปู่บอกว่า นางอาจถึงขั้นตายได้”
“ข้าไม่ได้…”
เซียถงอยากจะบอกไปว่า ข้าไม่ได้ทำร้ายชุนหลาน แต่เมื่อพินิจจากระดับสมองของคนพวกนี้แล้ว นางก็ค่อนข้างมั่นใจ ถึงอธิบายอะไรออกไปคงเปล่าประโยชน์ และภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่สำคัญหรอกว่า ชุนหลานจะเป็นหรือตาย กระทั่งใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายลงมือ แต่คือ…นางจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?
“เจ้าจะกล่าวอะไรรึ?”
เห็นเซียถงอ้าปากส่งเสียงได้ครึ่งจังหวะ ทว่าจู่ๆ ก็หยุดชะงักไป หลัวซีจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้าต้องการออกไปจากที่แห่งนี้”
“เมื่อครู่เจ้ายังไม่เห็นอีกงั้นรึ? ยังไม่ทันที่เจ้าจะได้หนีออกไปไหนด้วยซ้ำ ท่านปู่ก็เตรียมจะลงมือสังหารเจ้าทิ้งแล้ว! ข้ารับประกันได้เลย ขอเพียงเจ้าก้าวออกจากประตูห้องนี้อีกแค่ครั้งเดียว เจ้าโดนฆ่าทิ้งแน่!”
หลัวซีเอื้อมมือสองข้างขึ้นคว้าไหล่ของเซียถงด้วยความหงุดหงิด การที่เซียถงพยายามจะสื่อว่า นางขอตายดีกว่าต้องมาแต่งงานกับเขา นี่เป็นอะไรที่ทำให้เขาหงุดหงิดเสียเหลือเกิน
และการที่เซียถงปฏิเสธเรื่องแต่งงานกับเขา มันก็ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของเขาแล้วเช่นกัน
ณ ปัจจุบัน เซียถงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน ทั้งที่ตัวนางโดนท่านปู่ของเขาข่มขู่มาแล้วสารพัด แต่นางก็ยังคิดจะเอาแต่ เสาะหาวิธีหนีออกไปท่าเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนี้มันบานปลายเกินกว่าสิ่งที่เรียกว่า เต็มใจหรือไม่เต็มใจแล้ว ลองคิดดูสิว่า ชายหนุ่มผู้เคยชินกับการได้รับความรักจากหญิงสาวมากมาย กลับต้องมาเสาะพบกับเรื่องอะไรเช่นนี้ มันจะรู้สึกน่าขื่นขมสักเพียงใด?
“ไฉนเจ้าถึงอยากแต่งงานกับข้า? เพียงเพราะปู่ของเจ้าจ้องจะสังหารข้า? แค่นั้นเลยหรอกรึ? หากกลัวข้าต้องตายจริงๆ แค่นำโอสถขับพิษมาให้สักเม็ด เชื่อเถอะว่า อาศัยความแกร่งกล้าระดับชั้นราชันย์ม่วงของข้า อีกฝ่ายไม่มีวันโค่นข้าลงได้โดยง่าย!”
เซียถงเงยหน้าตั้งคำถามยิงใส่อีกฝ่ายทันที ซึ่งคำถามข้อนี้ดูเหมือนจะสามารถเจาะทะลวงได้ถูกจุดมาก นางยังคงยิงคำถามต่ออีกว่า
“มองหน้าข้าหลัวซี หากตอนนี้รูปโฉมของข้ามิได้งดงามเฉกเช่นปัจจุบัน แต่ยังเป็นหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่ เจ้ายังต้องการแต่งงานกับข้าอยู่หรือไม่?”
สีหน้าท่าทางของหลัวซีดูตกตะลึงอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้าเข้ากับสายตาเฉียบคมของเซียถงที่จับจ้องเข้าใส่ กลับกลายเป็นตัวเขาเสียเองที่ไม่สามารถเสาะหาคำตอบเอ่ยออกมาได้แม้แต่คำเดียว จะทำได้ก็เพียงคิดทบทวนคำถามข้อนั้นของนางกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช่แล้ว…หากจุดด่างดำบนใบหน้าของเซียถงเป็นของจริง เขายังต้องการแต่งงานกับนางอยู่หรือไม่? นี่ตัวเขาหลงรักนางเพราะอะไรกันแน่? สำหรับคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ในข้อนี้ ทำให้สีหน้าของเขาดูสับสบซับซ้อนขึ้นเป็นอย่างมาก
“หลัวซี ตอบมา! เพราะเหตุใดถึงต้องการแต่งงานกับข้า? หากมันเป็นเพียงแค่เรื่องหน้าตา เช่นนั้น…ข้าจะทำให้ตัวเองเสียโฉมบัดเดี๋ยวนี้!!”
ทันทีที่พูดจบ เซียถงก็รวบรวมพลังทั้งหมดไปไว้ในมือขวา เลื่อนมีดสั้นปรากฏขึ้นมา และหันคมแหลมแทงเข้าใส่แก้มตัวเองโดยไม่มีลังเลใดๆ
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ?!!”
ชั่วพริบตา หลัวซีรีบคว้ามีดสั้นในมือของเซียถงพร้อมกระชากโยนทิ้งไปทันที จับจ้องนางตาเขม็งด้วยความเหลือเชื่อ กล่าวว่า
“ไม่ว่าอิสตรีนางใดล้วนเห็นโฉมหน้าตัวเองสำคัญที่สุด แต่เจ้าคิดจะทำลายใบหน้าตัวเองให้เสียโฉม? นี่เจ้าคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ งั้นรึ?”
การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำเอาเซียถงหมดแรงเหือด ร่างหงายพิงกำแพงชิดแนบ มีอาการหอบหายใจถี่เล็กน้อย ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กระทั่งจะเปล่งเสียงกล่าวออกมาสักคำยังไม่มีแรงด้วยซ้ำ นางเกลียดเสียเหลือเกิน ความรู้สึกที่ไร้ซึ่งอำนาจความแข็งแกร่งเช่นนี้ มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่าง จะทำได้ก็เพียงจ้องหน้าหลัวซีอยู่แบบนั้น พยายามส่งสายตาขุ่นแค้นพยาบาทออกมา เสมือนกับว่า หวังจะใช้สายตาคู่นี้ส่งผ่านความรู้สึกที่ตนมีออกไป เพื่อให้หลัวซีได้รับรู้ว่า นางจงเกลียดจงชังมากเพียงใด
พอได้เห็นสายตาคู่นั้นของเซียถงที่พยายามถ่ายทอดความรู้สึกมอบให้ หัวใจดวงนี้ของหลัวซีพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นอีกครั้ง ทำไมกัน? ทำไมนางถึงต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น? แล้ว…แล้วทำไมคนที่มองข้าด้วยสายเช่นนั้นถึงต้องเป็นสตรีที่ข้าหลงรักด้วย?
“หลัวซี ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ครั้นหนึ่ง ข้าเคยปฏิเสธต่อเจ้าเฉกเช่นสหายรู้ใจคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เจ้าก็แค่พวกเห็นแก่ตัว อาศัยใช้ประโยชน์จากความลำบากของผู้อื่น!”
คล้อยหลังไม่นาน สายตาการแสดงออกของเซียถงก็ดูสงบลงหนึ่งส่วน และเปล่งเสียงเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา
“แต่งงานกับข้ามันแย่ขนาดนั้นเลยรึไง!! ข้าไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ! ทั้งที่ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้ามีความสุข ทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้ารู้สึกว่าอยู่กับข้าแล้วปลอดภัย ทำทุกอย่างที่คิดว่าจะส่งผลดีต่อเจ้าแล้วแท้ๆ! แต่ทำไมเจ้ายังไม่อยากแต่งงานกับข้า!?!”
หลัวซียกมือข้างหนึ่งขึ้นตบหัวตัวเองอย่างแรงทีแล้วทีเล่า ราวกับว่าเจ้าตัวไม่สามารถกักเก็บความเครียดได้ไหวอีกต่อไป ทุกคำพูดและทุกพยางค์ที่เปล่งออกมาจากปากเซียถง ล้วนแต่ทำให้จิตใจของเขาเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสเหลือเกิน
“หลัวซี อย่าทำให้ข้าเห็นเจ้าเป็นศัตรูคนหนึ่งเลย”
เซียถงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ แต่เรื่องดังกล่าวจำเป็นจะต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ มิฉะนั้น มันอาจชักนำปัญหาที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าเข้ามาได้
หลัวซีเงยหน้าขึ้นมอง กระทั่งตอนนี้ ทุกวาจาคำกล่าวที่เซียถงพ่นออกมาก็ยังไม่ต่างอะไรกับคมมีดที่กระหน่ำทิ่มแทงใส่กัน ถึงแม้จะเป็นเพียงคำเปรียบเปรย แต่หากเป็นเรื่องจริง หัวใจดวงนี้ของเขาคงพรุนเป็นรูหมดแล้ว
หลัวซีนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างว่างเปล่า ไม่พูดไม่จาใดๆ เป็นเวลานานแสนนาน ดวงตาที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาของเขา เปรียบเสมือนอัญมณีที่สูญเสียความแวววาวไป หลังจากที่บรรยายกาศภายในห้องเงียบสงัดไปสักครู่ใหญ่ หลัวซีก็เริ่มย้อนกลับมาคำนึงถึงสิ่งที่เซียถงเคยพูดไปก่อนหน้า อันที่จริงแล้ว เจ้าข้ออ้างที่ว่า หนทางเดียวที่จะช่วยเซียถงให้รอดตายได้ก็คือ การแต่งเซียถงเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลหลัว มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่ป้องกันไม่ให้ ท่านปู่ลงมือสังหารนางและแย่งชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมา ทั้งหมดมันเหลวไหลทั้งเพ และถูกต้องอย่างที่นางว่าเอาไว้ ขอเพียงได้กินโอสถขับพิษ อาศัยขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงของตัวนาง ย่อมหนีรอดจากการตามล่าของท่านปู่ได้ไม่ยาก ทั้งยังฝ่ายจักรวรรดิตงหลี่คอยคุ้มกะลาหัวอยู่อีก แล้วมีหรือทีทท่านปู่คนเดียวจะไปต่อกรอะไรได้?
แต่…จากก้นบึ้งหัวใจของหลัวซี เขาไม่ต้องการให้เซียถงจากไป
ครุ่นพินิจอยู่แสนนาน เขาก็ส่ายหัวสะบัดความคิดทั้งหมดทั้งมวลทิ้งไป กัดฟันแน่นกรอด แผดเสียงจริงจังคำรามขึ้นอย่างดื้อรั้นขึ้นว่า
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเกลียดหรือรักข้า แต่ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าจะต้องอยู่เคียงข้างข้าตลอดไป! เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้เจ้าปลอดภัย!”
เซียถงคร้านใจเกินกว่าจะเอ่ยเถียงใดๆ ขึ้นอีกแล้ว ดูจากท่าทางการแสดงออกของอีกฝ่าย นางพึงทราบแจ่มแจ้ง พูดอะไรไปคงไม่ฟังแน่นอน เช่นนั้นจึงเอนหลังพึงกำแพงและหลับตากล่าวน้ำเสียงเย็นชืดขึ้นว่า
“เช่นนั้นก็ออกไปเถอะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว”