ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 338 ไปนำโอสถขับพิษมา (2)
ตอนที่338 ไปนำโอสถขับพิษมา (2)
ตอนที่338 ไปนำโอสถขับพิษมา (2)
นัยน์ตาช่างตัดชุดหลี่ช่างแววโรจน์อัศจรรย์ใจ พึงทราบก็ยามนี้ หญิงสาวตรงหน้าช่างน่าทึ่งเกินคาดคิดจินตนาการไปไกลนัก
“นี่กลับสายเกินแก้ไขแล้วสำหรับปรับเปลี่ยนทรงชุด คุณหนูต้องลองใส่ดูก่อนสักครั้งเผื่อว่าจะถูกใจอยู่บ้าง มิเช่นนั้นข้าน้อยเองก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน”
คล้ายจะรู้สึกว่า ช่างตัดเสื้อหลี่อยู่ในห้องเป็นเวลานานเกินควรแล้ว ไม่นานนักจากนั้น เซี่ยเห่อก็สืบเท้าก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับตงเหม่ยและฉู่จู พวกนางทั้งสามต่างเฝ้ามองเซียถงสนทนากับช่างตัดเสื้อหลี่ ด้วยสีหน้าเย็นชาปนรังเกียจต่อไป
“หมายความอย่างไร? ช่างตัดเสื้อหลี่ หากทำให้ข้าไม่พอใจ เกรงว่าเรื่องนี้คงถึงหูผู้อาวุโสอินทรีโลหิต”
เซียถงเอ่ยถามอย่างมีนัยสำคัญซ่อนแฝง
“สายเกินแก้ไขแล้วขอรับ แต่ข้าน้อย…จะลองไปกลับคิดดูว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนในส่วนใดได้บ้าง จะอย่างไรข้าน้อยจะรีบกลับมาหาคุณหนูในภายหลัง”
ประกายตาช่างตัดเสื้อหลี่เฉิดฉายวาบหนึ่ง ก่อนที่สีหน้าการแสดงออกของเขาจะกลับเป็นปกติดังเดิม
วาจาประโยคนี้ใครได้ยินต่างมิได้รู้สึกระแคะระคายหูใดๆ แต่สำหรับเซียถงนี่เป็นสัญญาณเด่นชัดว่า อีกฝ่ายยอมตอบตกลงเงื่อนไขเรียบร้อย เมื่อทุกอย่างลงตัว นางจึงพยักหน้าตอบและกล่าวว่า
“ดีมาก แต่อย่าให้ล่าช้าจนต้องรอนานกันเสียล่ะ มิฉะนั้นคงทราบถึงผลที่ตามมา”
นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย หากเจ้ายังไม่สามารถเสาะหาโอสถขับพิษได้ทันเวลา เช่นนั้นก็เตรียมตัวโดยเปิดโปงตัวตนได้!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเซียถง เซี่ยเห่อก็ชำเลืองหางตาเหลือบมองด้วยความรังเกียจใจ ยิ่งได้รู้จักอสรพิษนามเซียถง นางยิ่งรู้สึกขยะแขยงต่อการกระทำอันย้อนแย้งของอีกฝ่ายนัก ก็แค่พวกหน้าซื่อใจคต! น่าละอายสิ้นดี!
ช่างตัดเสื้อหลี่พยักหน้าและหมุนตัวออกจากห้องไปโดยเร็ว
“คุณหนู ข้าจะรีบเปลี่ยนชุดให้ท่านบัดเดี๋ยวนี้”
เซี่ยเห่อคว้าชุดแต่งงานสีแดงเพลิงขึ้นมาและกล่าวคำห้วนมิไร้ความสุภาพนอบน้อมใดๆ
เนื่องจากชุดค่อนข้างซับซ้อนหลายชั้น ฉู่จูจึงเข้ามาช่วยเหลือ หลังจากที่เซียเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสีแดง พวกนางก็เริ่มลงมือช่วยทำผมต่อทันที เซียถงนั่งหน้ากระจกเงียบนิ่งสีหน้าปราศจากคลื่นอารมณ์ใด สักครู่หนึ่งเพียงชำเลืองตาเคลื่อนสบหาพวกนางทั้งสามผ่านกระจกใสตรงหน้า เอ่ยถามอย่างเฉยเมยขึ้นว่า
“มีแขกกี่คนที่เข้าร่วมงานแต่งวันนี้?”
“ก็คุณหนูไม่เต็มใจแต่งงานกับนายน้อยมิใช่รึเจ้าค่ะ? ไยถึงต้องสนใจว่ามีแขกกี่คน?”
ตงเหม่ยที่กำลังหวีผมชะงักหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง แหงนหน้ามองเซียถงผ่านกระจก แบะปากคว่ำปั้นหน้ารังเกียจพร้อมกล่าวประชดประชันใส่โดยตรง
ทางด้านฉู่จูแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และลงมือทำผมต่อไป
“คุณหนู เพราะงานแต่งครั้งนี้ค่อนข้างฉุกละหุก จึงมีแค่คนในตระกูลที่เข้าร่วมงาน”
เซี่ยเห่อเงยหน้าชำเลืองมองตงเหม่ยเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากตอบออกไป เพราะในบรรดาสามสาว ดูท่าจะเป็นเซี่ยเห่อที่ยังพอมีเยื้อใยหลงเหลืออยู่บ้าง
จับสังเกตปฏิกิริยาการแสดงออกของสามสาวในกระจก เซียถงลอบคาดการณ์กับตัวเองภายในใจอย่างลับๆ เพราะงานแต่งครั้งนี้ไม่มีแขกจากภายนอกเลย คนๆ นั้นจึงลอบปลอมตัวเป็นช่างตัดเสื้อหลี่ และแฝงตัวเข้ามายังเรือนพักของหลัวซี สันนิษฐานได้ว่า ช่างตัดเสื้อหลี่ตัวจริงคงถูกฆ่าตายไปแล้ว หรือไม่ก็หายไปไหนสักแห่งหนหนึ่ง แต่สิ่งที่ยังเป็นคำถามคาใจของนางคือ อีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ซึ่งที่มั่นใจได้แน่นอนก็คือ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ใช่ตัวนางแน่นอน
ในขณะที่กำลังขบคิดอย่างหนักกับปริศนาข้อนี้ ทั้งทรงผมและใบหน้าของเซียถงล้วนถูกสามสาวเนรมิตจนงดงามดั่งนางฟ้าเป็นที่เรียบร้อย ทั้งตงเหม่ย ฉู่จูและเซี่ยเห่อต่างเหม่มมองสตรีงามถล่มเมืองในกระจกตรงหน้า ภายใต้วงกุฎสีทองอร่ามหรูหราดุจวิหคเพลิงอมตะ ผิวหน้าหยกขาวละเอียดอ่อนน่าสัมผัส คู่คิ้วโค้งโก่งได้ทรงสวย นัยน์ตาใสบริสุทธิ์ดุจดวงดาราพร่าวประกายยามราตรี ตัดกับขั้วอารมณ์เย็นชา เมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่งบนผืนพิภพได้อย่างลงตัว เสมือนองค์ราชินีผู้ครองบัลลังก์หยกสูงส่ง
พวกนางทั้งสามรู้สึกประจับใจและชื่นชมโฉมงามของเซียถงด้วยใจจริง นับว่าหาได้ยากยิ่งที่จะพบเจออิสตรีงามเฉิดฉายขนาดนี้บนผืนพิภพ และไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนนายน้อยของพวกนางถึงหลงรักหัวปักหัวปำ ถึงจะเป็นสตรีเพศด้วยกันยังรู้สึกหลงใหล
จะอย่างไร ถึงแม้เปลือกนอกจะสวยสง่าเพียงใด ทว่าจิตใจภายในกลับเป็นพิษเน่าเฟะ อำมหิตเลือดเย็นจนเกือบสังหารชุนหลานจนเกือบตาย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่สามารถให้อภัยได้จริงๆ
“คุณหนู เชิญสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว”
ฉู่จูหยิบป้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงขึ้นติดเหนือมงกุฎสีทองอร่ามหรูหราบนหัวของเซียถง แม้นางจะต้องการเลี่ยงหลบไม่สวม ทว่าปัจจุบันขณะ ร่างกายนางกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ ทำได้เพียงปล่อยให้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวโรยพลิ้วลงมาจนปิดคลุมใบหน้าจนแนบสนิท
เซียถงพยายายามยกมือถอดมันออกจากหัว แต่เซี่ยเห่อกลับหยุดเอาไว้เสียก่อน
“คุณหนู ผ้าคลุมเจ้าสาวห้ามถอดเด็ดขาด ยกเว้นก็แค่เจ้าบ่าวเท่านั้นที่มีสิทธิ์”
“ก็มันบังตาข้า”
เซียถงยังคงพยายามยกมือขัดขืน หวังจะคว้าผ้าคลุมเจ้าสาวโยนทิ้งไปไกลๆ ให้พ้นหน้าเสีย
“คุณหนู หากยังไม่หยุดถอดผ้าคลุมทิ้ง พวกเราจะมัดมือไม้ท่านเสีย”
ฉู่จูชักจะเริ่มรำคาญขึ้นมา จึงคว้าข้อมือเซียถงบีบแน่น สบถเสียงแข็งเย็นชาใส่
เซียถงหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆ อีกต่อไป เพียงชักข้อมือที่อีกฝ่ายจับคว้ากลับเข้ามา โดยส่วนตัวแล้ว นางค่อนข้างมั่นใจว่า คนพวกนี้กล้าจับนางมามัดมือจริงๆ และลำพังตอนนี้ พละกำลังของนางมีจำกัด ก็เสียเปรียบจะแย่แล้ว หากถูกมัดมืดอีก เกรงว่า คงทำอะไรไม่ได้อีกเลย
“คุณหนูมากับข้า”
แลเห็นเซียถงยอมสงบลง เซี่ยเห่อก็กล่าวเรียกชอบประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายควบคู่ไปกับฉู่จู
“ไปไหน?”
เซียถงเอ่ยถาม
“เข้าโถงพิธี”
เซี่ยเห่อเอ่ยตอบ
“นี่เที่ยงวันแล้วรึไง? ไฉนถึงเร็วปานนี้?”
เม็ดเหงื่อเย็นจำนวนมากผุดซึมซาบทั่วหน้าผากของนาง ครั้งนี้เซียถงตื่นตูมจริงๆ พลางคิดไปว่า งานแต่งควรจะเริ่มต้นตอนเที่ยงวัน เพราะหากเป็นเช่นนั้น นางยังพอมีเวลารอให้ช่างตัดเสื้อหลี่หาโอสถขับพิษมาให้ได้ แต่ถ้าหากต้องเข้าโถงพิธีตอนนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายไม่เหลือเวลาหาโอสภขับพิษแล้ว!
คล้อยหลังบังเกิดความสับสนโฉบแล่นขึ้นมาในจิตใจ สักครู่ต่อมา นางสงบสติลงทันที ถึงจะเข้าโถงพิธีแต่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบสิ้นแล้ว จากนี้คงต้องระดมความคิดมุ่งเน้นไปว่า จะพังงานแต่งลงได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรวบรวมความคิดอย่างหนักหน่วง ร่างของนางก็ค่อยๆ ถูกหญิงสาวทั้งสองประคองขึ้นหน้าออกไป