ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 341 ตระกูลหลัวถูกรุกราน (1)
ตอนที่341 ตระกูลหลัวถูกรุกราน (1)
ตอนที่341 ตระกูลหลัวถูกรุกราน (1)
เซียถงอยากตอบเหลือเกินว่าไม่ ทว่าภายใต้สายตาเย็นชาเหลือล้ำของไป๋หลี่หานที่จ่อปริ่มอยู่ริมคอปานนี้ นางไม่แม้แต่ปริปากออกเสียงใดๆ ได้แม้แต่คำเดียว หาใช่ว่านางเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายอันไร้เรี่ยวแรง ตัวนางไม่สามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้ได้ กล่าวคือ เป็นสัญชาตญาณการตอบสนองของร่างกาย เสมือนคนผอมแห้งที่โดนภูเขาทั้งลูกกดทับอยู่ ยิ่งมองลึกลงไปในแววตาของเขา ประดุจคมมีดนับหมื่นแสนกระหน่ำทิ่มแทงเข้ามา ถึงด้วยนิสัยจำเพาะของเซียถงจะมิได้กลัวเกรงใดๆ แต่ร่างกายของนางกลับไม่สามารถทนรับแรงกดดันขนาดนี้ได้ไหวอีกแล้ว
“ไม่ว่านางจะสมัครใจแต่งงานกับข้าหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า? ไสหัวออกไปซะ! ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า!”
หลัวซีกัดฟันกรอดตะคอกใส่เสียงดังลั่น พอสังเกตเห็นแววความกลัวของเซียถง จู่ๆ เขาก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ จึงออกหน้าขึ้นปกป้องโดยไม่สนใจอันใดอีก
“เจ้านั่นแหละ! ไสหัวไป!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงกล่าวจบ หลัวซีก็โดนคลื่นลมอัดกระแทกจากแขนเสื้อไป๋หลี่หานโบกสะบัดใส่ จนร่างบินกระเด็ฟาดประตูโถงพิธีเสียงดังปัง
เซียถงสูญเสียที่พิงพักพยุงตัวไปชั่วขณะ ร่างกายที่อ่อนยวบทรุดฮวบลงกับพื้นโดยตรงอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ขณะที่นางกำลังจะล้มกระแทกพื้น ใครจะไปรู้ เรียวแขนข้างหนึ่งของนางถูกคว้าจับเอาไว้ได้ทัน ถูกกระแสแรงขุมหนึ่งชักพา หมุนตัวเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น
เสี้ยวพริบตาที่คว้าเรียวแขนเซียถงเอาไว้ได้ ไป๋หลี่หานพลันสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างในร่างกายของนางในทันใด เขาก้มศีรษะเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลขึ้นว่า
“นี่เจ้าเป็นอะไรไป?”
เปิดเปลือกตาลืมขึ้น เซียถงสบเข้ากับสายตาคู่เฉียบคมของอีกฝ่าย ในเวลานี้ลูกตาสีดำจัดของอีกฝ่ายคล้ายคลายอ่อนลงหลายส่วน กลิ่นอายความเย็นชาเบาบางลงมาก นางพยายามเปล่งเสียงที่พอมีกล่าวตอบไปว่า
“ข้าโดนพิษเครื่องหอม ไม่มีแรงแล้ว…”
พอได้ยินเช่นนั้น หัวใจดวงนี้ที่บีบเกร็งของไป๋หลี่หานพลันคลายตัวในทันที นัยน์ตาสีดำจัดจ้านเคร่งเครียดมลายหายไปทันทีด้วยความโล่งใจ กลายมาเป็นแววความประหม่าเจือผสมความรู้สึกผิดเองที่สอดแทรกแทนที่เข้ามา เขาเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า
“เซียถง เจ้าอยากแต่งงานกับหลัวซีหรือไม่?”
เซียถงขมวดคิ้วขดตัวเล็กน้อย สบมองแววตาของชายตรงหน้าที่เผยแสดงทั้งแววความเครียด กังวล และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ดั่งชั่วเวลานี้เอง เป็นโอกาสเดียวที่นางจะสามารถได้เห็นถึงความรู้สึกภายในใจของไป๋หลี่หานทั้งหมดที่ซ่อนเร้นอยู่ และนี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อนาง
ทันใดนั้นเอง เซียถงตระหนักได้โดยพลัน เหตุที่เมื่อครู่ไป๋หลี่หานแสดงท่าทีที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้นออกมา ทั้งหมดเป็นเพราะ เขากำลังวิตกกังวลจริงๆ ว่า นางเต็มใจแต่งงานกับหลัวซี จึงก่อให้เกิดงานแต่งงานอย่างในขณะนี้ขึ้นมา เมื่อเข้าใจได้ดังนั้น เสมือนใจดวงนี้ของเซียถงรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย นางระบายยิ้มสีจางปรากฏขึ้นบนริมฝีปากช่างอ่อนโยน ตอบกลับสั้นๆ เพียงหนึ่งคำ
“ไม่”
ได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนริมฝีปากเซียถง ไป๋หลี่หานเองก็อดยิ้มออกมามิได้ กอดร่างกระชับโอบนางให้ถนัดมือยิ่งขึ้น ภายนอกแม้ดูรุนแรงแข็งกระด้าง แต่เนื้อในแล้ว เซียถงกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ ในทางตรงข้าม ไป๋หลี่หานพยายามระวังสุดชีวิต กลัวนางจะรู้สึกเจ็บ ประดุจว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา
ทอดสายตามองเบื้องหน้า เมื่อได้เห็นเซียถงในขุดแพรพรรณเจ้าสาวสีแดงเพลิงกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของไป๋หลี่หาน มิทราบเพราะเหตุใด ความรู้สึกอันระสับระส่ายและแววความวิตกกังวลทั้งหมดที่หลัวซีเคยจมอยู่กับมัน ทั้งหมดทั้งมวลพลันอันตรธานหายไปทันที แต่สิ่งที่ยังคงเหลือ ณ ขณะนี้คือ ความขมขื่นระทมจิตใจ
ไป๋หลี่หานชำเลืองสายตาสบเข้ากับหลัวซีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเคยเชื่อจริงๆ ว่า การหายตัวไปของเซียถงในครั้งนี้ มันเกิดจากที่ตัวนางปรารถนาจะแต่งงานกับหลัวซีจริงๆ จะอย่างไร ในตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อคำตอบของนางคือไม่ เขาก็พร้อมจะเชื่อใจนางอย่างไร้ข้อกังขาไม่ว่าจะในกรณีใด
เซียถงที่เพิ่งคลายใจโล่งอกได้ไปหมาดๆ ยามนี้คู่คิ้วพลันต้องขมวดยับย่นขึ้นอีกครั้ง เนื่องด้วยความใกล้ชิดที่เกินขอบเขตมากเกินจำเป็นนี้ มันทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเสียเลย ถึงแบบนั้น ไป๋หลี่หานทรงพลังแกร่งกล้าจนเกินไป เฉพาะอย่างยิ่งกับนางในสภาพเช่นนี้ ยิ่งไร้ซึ่งกำลังวังชาต่อต้าน เช่นนั้นแล้ว จึงทำได้เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายโอบอุ้มกอดเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นนั้นอย่างเชื่อฟัง
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตยืนนิ่งอยู่คตำแหน่งหัวงานพิธี สีหน้าซีดเซียวลงไปแล้วหลายส่วน ตั้งแต่แรกพบเจอ เขาก็พอจะคาดเดาได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หลี่หานกับเซียถงอยู่แล้วว่า จักต้องไม่ธรรดาตื้นเขิน ดังนั้นแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ไป๋หลี่หานที่ออกไล่ล่าควานหาตัวเซียถงอย่างบ้าคลั่งต้องมาพบเจอ ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจึงจงใจลักพาตัวนางมายังเรือนพักส่วนตัวอันแสนห่างไกลของตระกูลหลัว แต่กระนั้น อีกฝ่ายก็ยังตามมาจนเจออยู่ดี แถมยังเข้าพังงานพิธีแต่งงานอันมีความสุขของหลานชายตนซะจนป่นปี้ไม่เหลือดี แล้วพวกมันคิดจริงๆ หรือว่า จะหนีออกไปได้โดยง่าย?
ทันใดนัน้เอง ดวงตาที่เหี่ยวย่นของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตก็กลายเป็นสีแดงก่ำอาฆาตแค้น สะบัดแขนเสื้อยาว คำรามเดือดดุเสียงดังสนั่นไปทั่ว
“ราชาหมาป่าสวรรค์! อย่าได้ลำพองตนนัก!!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ คลื่นความโกลาหลปั่นป่วนสุดน่าสะพรึงพลันระเบิดคลั่งออกจากทั่วทุกอณูกายา เสื้อคลุมสีเทาโป่งพองกระพือรุนแรง สำแดงใช้ฝ่ามือมหาวินาศสันตะโรตบเข้าใส่ทางไป๋หลี่หาน กระแสลมปราณมหาศาลประดุจน้ำป่าไหลหลากท่วมท้นโถมโจมตี
เงยหน้ามองคลื่นฝ่ามือกระแทกเบื้องหน้า เคลื่อนสายตามองติดตามอย่างไม่แยแสใส่ใจนัก ทุกอากัปกิริยาของไป๋หลี่หานยังคงมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยของเซียถงในอ้อมแขนเป็นสำคัญ ดังนั้นเขาจึงเรียกกระบี่เงินอัญเชิญเข้ามือ กวัดแกว่งร่ายควงอยู่สองสามท่วงท่า ก่อกำเนิดกลายเป็นคลื่นอากาศระลอกหนึ่งชนปะทะกับคลื่นฝ่ามือกระแทกอันทรงพลัง ต้านรับเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
คนอื่นๆ ย่อมมิทราบถึงความรุนแรงที่แท้จริงของท่าฝ่ามือนี้ที่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตปลดปล่อย แต่ภายในใจไป๋หลี่หานย่อมตระหนักชัดแจ้งดีเยี่ยม สำหรับฝ่ามือโจมตีดังกล่าวของชายชรา เรียกได้ว่า นำใช้พลังความแข็งแกร่งไปกว่าแปดจากสิบส่วนเข้าไปแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงรู้สึกขบขันไม่น้อย เขาจึงกล่าวสวนออกไปว่า
“มีดีเพียงเท่านี้อาจพานพบจุดจบไม่สวย ข้าผู้นี้ต้องเตือนอะไรท่านสักอย่างหนึ่ง รอบนอกเรือนแห่งนี้ล้วนถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายล้อมไว้หมดแล้ว!”
สีหน้าการแสดงออกของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน ร้องอุทานลั่นตกใจยิ่งว่า
“เจ้าว่ากระไร?!”
“วรยุทธ์ต่อสู้ในมือหลานชายของเจ้าตกเป็นเป้าหมายของพวกไม่ประสงค์ดีเข้าให้แล้ว!”
ไป๋หลี่หานกล่าวเสียงดังฟังชัด
“ซีเอ๋อร์! ซีเอ๋อร์!”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ทันใดนั้นภาพฉากนองเลือดครั้งใหญ่เมื่อสิบหกปีก่อนพลันโฉบแล่นผ่านเข้ามาในหัวของเขา สิ่งแรกที่เขาทำเลยก็คือละทิ้งการต่อสู้ทุกอย่างลง และรีบวิ่งไปหาหลัวซีที่ถูกไป๋หลี่หานซัดกระเด็นออกไปอยู่หน้าประตูโถงพิธี และตามคาด ยังไม่ทันเข้าถึงตัวหลานชาย กลับมีลูกธนูปริศนาสีดำทมิฬกระหน่ำยิงใส่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตนับสิบกว่าดอก
ประตูโถงถูกทะลวงยิงจนพรุน และเสี้ยวพริบตาต่อมา ก็ยังมีมีดบินกว่าร้อยเล่มประดุจห่าพิรุณพุ่งจู่โจมใส่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจากทั่วทุกทิศทาง จะอย่างไร ชายชราคนนี้หาใช่ชนชั้นกินเจ รีบเรียกกระบี่อ่อนเล่มหนึ่งขึ้นกวัแกว่งต้านรับ ปัดป้องทั้งศรธนูและมีดบินนับไม่ถ้วน ชั่วขณะเดียวกัน เสียงเป่านกหวีดจากภายนอกก็ดังขึ้น
ไป๋หลี่หานรีบพาเซียถงกระโดดขึ้นหลังคาหนีทันที ลอบสังเกตการณ์จากมุมมองที่สูง เซียถงสังเกตเห็นว่า แกนนำผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนลอบโจมตีที่กำลังปิดล้อมเรือนพักอยู่ในขณะนี้ ที่แท้กลับมิใช่ใครอื่นนอกจาก ช่างตัดเสื้อหลี่คนนั้น! ปัจจุบัน ความรู้สึกที่เซียถงสัมผัสจากตัวอีกฝ่ายได้ มันให้อารมณ์แตกต่างจากตอนก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ทั้งแววความเหี้ยมโหดที่ไม่เคยจับสัมผัสได้มาก่อน รวมไปถึงจิตสังหารอันเลือดเย็นนั่น เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ เซียถงเอาแต่คิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องหลบหนี จนมิได้ย้อนกลับมาครุ่นพินิจถึงจุดประสงค์ที่ลอบแฝงตัวเข้ามาของอีกฝ่ายเลย เฉพาะตอนนี้เท่านั้นที่นางเพิ่งจะเข้าใจทุกอย่าง ปรากฏว่าเขามาที่นี่เพื่อขโมยวรยุทธ์ต่อสู้ของหลัวซี
แต่จะว่าไปแล้ว ตัวนางเองก็เคยสำแดงใช้วรยุทธ์ต่อสู้ไปในงานประลองสี่จักรวรรดิเช่นกัน แล้วคนพวกนี้ทราบหรือไม่ว่า นางเองก็มีสิ่งที่ต้องการอยู่? อย่างไร ต้องขอบคุณตัวเองในตอนนั้นจริงๆ ที่ตัดสินใจต่อรองเรื่องไร้สาระกับมัน อย่างให้ไปหาโอสถขับพิษมา เพราะนี่กลับกลายเป็นว่า นางบังเอิญช่วยเหลือชีวิตตัวเองทางอ้อมไปในตัว
ในเวลานี้เอง ได้มีกลุ่มปรมาจารย์ยอดฝีมือจำนวนเจ็ดถึงแปดคนบุกประชิด เข้าล้อมกรอบผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว