ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 343 ความตายของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต (1)
ตอนที่ 343 ความตายของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต (1)
ตอนที่ 343 ความตายของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต (1)
“ตกลง เช่นนั้นให้เจอเผยแสดงเรือนร่างต่อหน้าข้าเป็นเยี่ยงไร?”
น้ำเสียงไป๋หลี่หานฟังดูสั่งเครือราวกับกำลังกลั้นหัวเราะ แต่เมื่อผ่านหูของเซียถง ประโยคคำกล่าวนี้เปรียบเสมือนสายอสนีฟาดผ่าเข้ากลางหัวรุนแรง ร่างกายสั่นสะท้านชาไปทุกอณู ไอ้บัดซบ! เจ้าหมอนี่เองก็มีไป๋หลี่อวี๋อิงที่ต้องหมั้นหมาย ไฉนยังมีกามอารมณ์มากมายปานนี้!
“ไอ้…หมายถึงท่าน…ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ล้อเล่นแล้วกระมัง?”
เซียถงในเวลานี้เสียเปรียบเต็มประตู ทำได้เพียงข่มโทสะเอาไว้ในใจ
“เห็นข้าเป็นพวกขี้เล่นรึไง?”
ริมฝีปากบางภายใต้หน้ากากสั่นระริกกลั้นขำสุดชีวิต ไป๋หลี่หานส่งสายตาจ้องเซียถงเขม็งอยู่ชั่วครู่ จึงค่อยเบนเบี่ยงออกมา
เซียถงพยายามจ้องตาอีกฝ่ายเอาให้ลึกที่สุด หวังคว้าหาความจริงว่าตกลงอีกฝ่าย อำเล่นหรือจริงจังอยู่กันแน่? แวบแรกที่สัมผัสได้กลับเป็นหุบเหวสีดำทมิฬไร้ก้นบึ้ง แต่หากพินิจจับจ้องให้ลึกล้ำลงไปกว่านี้ จะค้นพบว่า มีแสงประกายนวลอ่อนซ่อนไว้อยู่ในส่วนลึกอีกทีหนึ่ง ประกายนวลอ่อนเจิดจรัสเสมือนจันทร์เจ้า ทว่าเบื้องหลังความอ่อนโยนนี้ กลับปรากฏเพลิงรุ่มร้อนดั่งไฟทอแสงส่องออกมาจากเบื้องลึกสุดหัวใจ
เปลวเพลิงนี้ช่างรุ่มร้อนเสียเหลือเกิน รุ่มร้อนจนแทบจะหลอมละลายนางทั้งเป็น ถึงขณะนี้ นางรู้สึกใจสั่นเต้นแรง สิบนิ้วกำผสานบีบแน่นจนสั่นเทิ่ม เปรียบดั่งว่า ตัวนางในเวลานี้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าขุมนรกอเวจี หากก้าวออกไปข้างหน้าอีกเพียงนิดเดียว ร่างกายนี้จะต้องแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
“อ๊ะ!”
เซียถงได้สติฟื้นขึ้นบัดดล เนื่องด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนจากคนเบื้องล่างที่ทยอยสิ้นใจตาย เพิ่งจะรู้ตัวว่า ระหว่างนางกับไป๋หลี่หานจ้องหน้ากันสักครู่ใหญ่แล้ว อย่างแรกคือรีบหลบสายตาหนีชายฟผู้นี้โดยไว กล่าวขึ้นว่า
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า ท่านจะลืมไปเสียแล้วเกี่ยวกับเรื่องสัญญาหมั่นหมายของตัวท่านและองค์หญิงไป๋หลี่อวี๋อิง? หากตัวข้าเข้าไปพัวพันระหว่างเรื่องพวกท่าน เกรงว่าองค์หญิงคงไม่ปล่อยให้ข้าตายดีแน่”
ย้อนนึกไปถึงเรื่องสัญญาหมั้นหมายระหว่างไป๋หลี่หานกับไป๋หลี่อวี๋อิงขึ้นได้ เซียถงรีบใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างอย่างทันท่วงที
“โอ้? เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่เจ้ากำลังจะสื่อคือ…หากข้าไม่มีสัญญาหมั้นหมายกับไป๋หลี่อวี๋อิง เจ้าจะยอมเต็มใจกลับดินแดนอี้เฉิงกับข้าในฐานะพระชายาเอกกระมัง?”
เงยหน้าสบมองอย่างมีนัยแฝง ปลายแสงสลัวอ่อนโยนก่อตัวขึ้นในดวงตาของไป๋หลี่เย่ประดุจเกลียวคลื่นน้ำวน เซียถงในเวลานี้ตกสู่ห้วงนรกอเวจีของเขาชั่วนิรันดร์แล้ว
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ล้อเล่นอีกแล้ว ราชโองการของฝ่าบาทมีหรือจะเปลี่ยนแปลงได้?”
เซียถงเลี่ยงตอบคำถามของอีกฝ่ายข้ามไป รีบหยิบยกเรื่องขององค์จักรพรรดิตงหลี่เข้ากำบัง ซึ่งนี่ก็เป็นความจริงเช่นกัน ถึงแม้นางจะเต็มใจอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หานก็ตาม แต่มีหรือที่จะถอดถอนราชโองการของอีกฝ่ายได้โดยง่าย?
“แล้วหากว่า…ข้าผู้นี้ทำได้ล่ะ?”
ไป๋หลี่หานไม่มีทางยอมตัดใจโดยง่ายอยู่แล้ว จึงยิงคำถามเค้นเซียถงต่อทันที
ครั้งนี้เซียถงขมวดคิ้วอย่างเดียว ก้มหน้าก้มตาไม่ส่งเสียงตอบใดๆ อีกเลย
คมแสงกระบี่สาดระยิบวิบวับท่ามกลางสมรภูมิที่ลุกโชน ฉากนองเลือดสาดกระเซ็นพบเห็นได้ทั่วไป ผู้คนเกือบทั้งหมดภายในเรือนแห่งนี้ล้วนตายสิ้น ตงเหม่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกกลุ่มยอดฝีมือรุมโจมตี แต่เป็นที่น่าเศร้านัก ถึงจะรอดออกมาได้ แต่ไม่นานนัก นางก็พลาดท่าให้แก่ศัตรูคนหนึ่ง ศีรษะถูกฟันสะบั้นหลุดกระเด็นจากบ่า ตายคาที่อย่างน่าอนาถ
ฉู่จูและเซี่ยเห่อสู้ยิบตาจนหลังชนฝา ในเวลานั้นเอง พลางได้เห็นภาพฉากการตายอันน่าสังเวชของตงเหม่ย พวกนางแค้นอาฆาตจัด ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ กระชับจับกระบี่ในมือแน่นพุ่งเข้าใส่ดงศัตรูเบื้องหน้าโดยไม่คำนึงถึงชีวิตใดๆ อีกแล้ว แต่เนื่องด้วยจำนวนศัตรูที่มีมากเกินไป ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศพจมกองเลือดในเวลาต่อมา สาวงามทั้งสามเสียชีวิตลงในสมรภูมิรบ จะอย่างไร สถานการณ์ในตอนนี้ของหลัวซีค่อนข้างน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า มียอดฝีมือนับสิบคนกำลังเข้าปิดล้อมเขาไว้หนาแน่น ราวกับสามารถตายได้ทุกเมื่อ
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตที่อยู่อีกด้านั้นกำลังต้านรับขับสู้อยู่ในดงปรมาจารย์เกือบสิบคน สถานการณ์ค่อนข้างแย่แล้วเช่นกัน อนึ่ง องค์จักรพรรดิซีฉินตระหนักดีว่า ระดับพลังลมปราณและความแกร่งกล้าของชายชราคนนี้สูงส่งเพียงใด เช่นนั้นจึงทุ่มทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเพื่อจ้างวาน ยอดปรมาจารย์ในระดับชั้นเดียวกับอีกฝ่ายเกือบสิบคนเข้ามารับมือ เสียเปรียบเรื่องจำนวนยังไม่พอ ผู้อาวุโสอินทรียังต้องมาห่วงเรื่องความเป็นความตายของหลัวซีในขณะที่สัประยุทธ์ จึงทำให้ต่อสู้ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก
หากไป๋หลี่หานยังไม่รีบลงมือ เกรงว่าทั้งหลัวซีและผู้อาวุโสอินทรีโลหิตคงต้องถูกฆ่าตายในอีกไม่ช้าแล้ว และหากว่าผู้อาวุโสอินทรีโลหิคสิ้นใจขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นแล้ว เซียถงจะไปเสาะหาโอสถขับพิษเครื่องหอมจากแห่งหนใด?
พึงทราบ ถึงจะเป็นนักหลอมโอสถด้วยกัน แต่การจะคิดค้นสูตรโอสถขับพิษเฉพาะที่นักหลอมโอสถคนอื่นคิดค้นขึ้นมาเอง นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ ราวกับดำน้ำหาเข็มในมหาสมุทร เพราะเซียถงไม่ทราบเลยว่า ส่วนผสมลับที่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตใส่ลงในพิษเครื่องหอมมันมีอะไรบ้าง
เรียวนิ้วทั้งสิบบีบแน่นจิกเข้าเนื้อ ยิ่งเห็นผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเสียเปรียบเจียนจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว เซียถงก็ยิ่งเป็นกังวลวิตกหนัก ปิดปากเงียบสนิทพูดอะไรไม่ออกสักคำ
แลเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปั้นหน้าเครียดปานนั้น ท้ายที่สุดไป๋หลี่หานก็ยอมใจอ่อน ยกมือขึ้นปรบประสานกันเบาๆ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มชายชุดคลุมดำทั้งห้าสายแสดงตัวออกมาจากใต้เงามืดรอบกำแพงเรือนพัก ทะยานเข้าสู่สมรภูมิรบตรงหน้าประดุจสายฟ้า รัศมีจิตสังหารฉาบเย็นระลอกใหญ่ถาโถมเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ
“ผู้อาวุโสอินทรีโลหิต หากยอมมอบโอสถขับพิษที่อยู่ในกายเซียถงแต่โดยดี ข้าผู้นี้ขอสัญญาจะช่วยชีวิตหลานชายเจ้า!”
จากแววตาเปี่ยมล้นความอบอุ่น กลายมาเป็นเย็นชาขึ้นถนัดตา ไป๋หลี่หานลั่นวาจาส่งมอบให้แก่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตที่อยู่เบื้องล่าง
“ตะ-ตกลง! ตกลง! ตราบเท่าที่เจ้ายอมช่วยชีวิตซีเอ๋อร์ ข้าจะมอบโอสถขับพิษเดี๋ยวนี้แหละ!”
ภายใต้สถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตหาได้คำนึงถึงเรื่องไฟวิเศษในตัวเซียถงอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ หลักประกันความปลอดภัยของหชานชายตนเอง เช่นนั้นจึงตอบตกลงทันทีที่ได้ยินข้อเสนอ
ไป๋หลี่หานโบกมือส่งสัญญาณให้ กลุ่มชายชุดคลุมดำทั้งห้าต่างพุ่งเข้าปิดล้อมรอบตัวหลัวซี ประดุจเงาผีพรายห้าตน เพียงชั่วอึดใจที่พวกเขาเข้าลงมือ แลเห็นเพียงแค่เศษซากชิ้นเนื้อทั้งแขนและขาของเหล่าศัตรูทั้งหลายหลุดกระเด็นออกมาเป็นระยะ ไม่กี่อึดใจต่อมา สถานการณ์บนสมรภูมิรบพลิกกลับเป็นฝ่ายของหลัวซีที่ได้เปรียบในทันที
เห็นว่าหลัวซีผ่านพ้นหายนะมาได้ เซียถงก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก จะอย่างไร ตลอดที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจวบจนปัจจุบัน หลัวซีไม่เคยมีสักครั้งที่ลงไม้ลงมือทำร้ายนาง กระทั่งวินาทีสุดท้าย เขาเองก็เลือกที่จะปล่อยนางเป็นอิสระ ดังนั้นแล้ว ในสายตาของเซียถง ยังคงเห็นหลัวซีเป็นมิตรสหายคนหนึ่งเสมอ ในยามวิกฤตเฉกเช่นนี้ ตราบใดที่นางมีปัญญาช่วย นางก็จะเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือ