ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 347 รอยยิ้มพราวเสน่ห์ (1)
ตอนที่347 รอยยิ้มพราวเสน่ห์ (1)
ตอนที่347 รอยยิ้มพราวเสน่ห์ (1)
ในที่สุดเซียถงก็เข้าใจเสียที ถึงที่มารอยยิ้มเปี่ยมสุขสันของไป๋หลี่หาน หากปล่อยให้นางต้องนั่งด้านหน้าต่อไป อาจต้องเผชิญพบกับอีกฝ่ายที่แอบแต๊ะอั๋งโอบเอว? แต่ท้ายที่สุดนี้ ไป๋หลี่หานกลับยอมให้นางเปลี่ยนตำแหน่งนั่งไปด้านหลังแต่โดยดี ทีนี้ต่อให้หน้าอกของนางบังเอิญไปกระแทกชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา ก็ไม่มีใครสามารถตำหนิได้แล้ว แถมยังได้กำไรเข้าเต็มเปา เซียถงควบม้าขี่ต่อไปพร้อมสีหน้าดำมืดคล่ำเครียด
ประกายตาภายใต้หน้ากากของไป๋หลี่หานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายที่อยู่ด้านหลังของตนกำลังรู้สึกเช่นไรโดยไม่ต้องเหลียวมองด้วยซ้ำ น่าจะกำลังรู้สึกอยากจะเขมือบใครสักคนเข้าไป เห็นดังนั้นจึงระงับความคิดที่จะกลั่นแกล้งกันต่อ และเขยือบตัวขึ้นหน้าเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างคนสองคน
เพียงแต่ผ่านไปได้สักครู่หนึ่ง คล้ายสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มที่ถาโถมเข้าใส่ หน้าอกของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังก็เคลื่อนติดบี้กับแผ่นหลังของเขาอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองต่างปรับระยะห่างออกจากกันอีกครา ถึงจะสัมผัสได้แผ่วอ่อน แต่ก็มากเพียงพอแล้วที่ทำให้ไป๋หลี่หานรู้สึกใจสั่นเกินควบคุม ทั้งความนุ่มนวลและไออุ่นที่ส่งผ่านชั้นเสื้อผ้าออกมาจากร่างกายหญิงสาว สิ่งเหล่านี้ล้วนปลุกกระตุ้นความปรารถนาบางอย่างจากส่วนลึกภายในใจ และความปรารถนานี้ก็ยิ่งก่อทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นแล้ว ทุกครั้งที่หน้าอกอวบอิ่มของเซียถงกระแทกชน เขาก็ยิ่งรู้สึกทรมานจิตใจอย่างบอกไม่ถูก
หนึ่งชั่วยามต่อมา ม้าอาชาขาวตนนี้ได้พาทั้งคู่มาถึงเมืองอู่ถง พ้นผ่านกระแสคนเมืองที่พลุกพล่านทางเข้ามา ตรงมายังจัตุรัสกลางเมืองที่มีสระน้ำพุตั้งอยู่ ณ ใจกลาง เงาดำเบื้องหน้าเซียถงไสววูบพุ่งออกจากบนหลังม้า พร้อมกระโจนลงไปในสระน้ำพุเย็นฉ่ำใจกลางเมืองโดยตรง
เซียถงรีบหยุดม้าโดยไว กวาดสายตามองไปที่คลื่นน้ำที่สั่นกระเพื่อมตรงหน้า พร้อมกับร่างหนึ่งที่กำลังเอาหัวจุ่มน้ำเย็นซาบซ่านต่อเนื่องอยู่แบบนั้นหลายครั้ง ไป๋หลี่หานกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ด้วยความฉงนใจปนตกลึง ไม่ใช่ว่าหมอนี่คิดจะเอาหัวกดน้ำฆ่าตัวตายหรอกกระมัง? นางบังคับม้าขี่ย่ำไปรอบสระน้ำพุดังกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นไป๋หลี่หานโผล่ขึ้นจากผิวน้ำ ลุกฮือขึ้นมาเปียกชุ่มทั้งตัว เซียถงเอ่ยถามขึ้นทันควันอย่างอดมิได้ว่า
“ท่านกำลังทำอะไร? อยากเล่นน้ำกระมัง?”
“ออกไปก่อน!”
“กำลังดับอารมณ์กระมัง?”
เซียถงคิดได้เช่นนั้นพลันร้องอุทานเบาๆ ด้วยความตกใจ การที่เขาทำเช่นนี้นั่นหมายความได้ว่า ตลอดทางที่ผ่านมา เขากำลังหมกมุ่นอยู่ในกามอามรณ์ รู้สึกทรมานตัวเองอยู่ในทุกขณะจิต? ความสงสัยภายในใจถูกคลี่คลายในบัดดล ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเยาะคล้ายระฆังเงินยักษ์ระเบิดลั่นดังไปทั่วบริเวณ นางถึงกับอดขำไม่ได้เลยจริงๆ
ความคิดแรกที่ไป๋หลี่หานนึกขึ้นได้คือ เตรียมโดนเซียถงหงุดหงิดใส่อีกระลอกเมื่อทราบถึงต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว แต่ใครจะไปคิด นางกลับระเบิดหัวเราะลั่น ไป๋หลี่หานทำได้เพียงยืนจ้องอีกฝ่ายในสระน้ำพุอย่างว่างเปล่าโง่งม เสมือนดวงวิญญาณที่กำลังหลงทาง
หากเปรียบดั่งเมืองอู่ถงคือป่าไร้สีสันเทาหมอง รอยยิ้มของเซียถงในเวลานี้ก็ไม่ต่างอะไรจากแสงหิ่งห้อยแพรวพราวน่าหลงใหล มีเยาวชนชายหนุ่มนับไม่ถ้วนที่สัญจรไปมาอยู่รอบจัตุรัสมุ่งความสนใจเข้ามา เพียงได้ใบหน้าที่งดงามของนางกำลังเปรอะเปื้อนรอยยิ้ม ก็ทำเอาหัวใจของพวกเขาพองโต อดยิ้มมิได้ออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว ทั่วผืนปฐพีสีเทาและความสุขที่จางหายไป ก็มีแต่รอยยิ้มอันสดใสนี้เท่านั้นที่ประทับลงในส่วนลึกของใครหลายๆ คนให้กลับมายิ้มมีความสุขได้อีกครั้ง
ชั่วชีวิตตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามปานนี้มาก่อน
แลเห็นไป๋หลี่หานยืนโง่กลางสระน้ำพุ จับจ้องมาที่นางอย่างว่างเปล่า เซียถงก็แลบลิ้นใส่ไปทีหนึ่งและกลับสู่สภาวะเย็นชาตามปกติเดิม สะกิดท้องม้าอาชาขาวเบาๆ ทีหนึ่ง เพื่อสั่งให้มันมุ่งหน้าเดินต่อไป ไม่นานนัก เงาร่างของเซียถงบนหลังม้าก็ค่อยๆ ลับสายตาหายไปต่อหน้าทุกคนรวมไปถึงไป๋หลี่หาน
ไป๋หลี่หานกระโจนขึ้นมาจากสระน้ำพุ และเลือกที่จะเดินไปยังทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งที่นางมุ่งออกไป
เมื่อไม่เห็นไป๋หลี่หานเดินติดตามกันมา เซียถงก็ลงจากหลังม้าผูกมันไว้กับต้นไม้ร่มรื่นริมถนนคนเดินแห่งหนึ่ง นางตรงไปยังแผงร้านชาข้างทางเล็กๆ เพียงนั่งลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ ภาพฉากนี้ก็ได้ดึงดูดทุกความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาในบัดดล เพราะต้องกล่าวตามตรงเลยว่า ไม่มีอิสตรีงานใดที่งดงามเทียบเคียงเซียถงได้อีกแล้ว ต่อให้กวาดสายตาเสาะหาทั่วทั้งทวีปเทียนหลางแล้วก็ตาม ยิ่งเป็นสาวนางในเมืองอู่ถงที่เต็มไปด้วยชายด้วยแล้ว ยิ่งกลายมาเป็นเพชรน้ำหนึ่งอย่างแท้จริง
เมืองอู่ถงแห่งนี้เป็นเมืองเพียงแห่งเดียวที่มีเขตแดนบรรจบติดกับจักรวรรดิทั้งสี่ จากตรงนี้มันเชื่อมต่อกับเขตแดนอีกสามจักรวรรดิได้โดยตรง ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ก็มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ถนนคนเดินเปี่ยมล้นไปด้วยธารผู้คน และผู้ชายโดยส่วนใหญ่ในเวลานี้ ต่างจับจ้องมาทางเซียถงจนเป็นตาเดียว
ชั่วขณะต่อมา แผงร้านขายชาเล็กแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยลูกค้าผู้ชายแหแห่นกันเข้ามาจับจ้องที่นั่งและสั่งอาหารกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้งหมดเพียงเพื่อจะซื่อสิทธิ์ได้นั่งข้างๆ สาวงามถล่มเมืองนางนี้ ซึ่งเถ้าแก่เจ้าของแผงร้านขายชาก็ถึงกับยิ้มปริ่มมีความสุขอย่างยิ่ง ย่อมทราบโดยธรรมชาติว่า ที่วันนี้ขายดิบขายดีเฉกเช่นนี้เป็นเพราะเซียถง จึงถึงขนาดอาสาวิ่งออกไปหาแผงขายขนมฝั่งตรงข้าม เพื่อนำมาให้เซียถงกินโดยไม่คิดเงินสักแดง
เซียถงเองก็มิได้ปฏิเสธเช่นกัน คว้าขนมถ้วยอบร้อนๆ หอมกรุ่นขึ้นชิมอย่างแช่มช้า ซึ่งทุกอากัปกิริยาของนางล้วนงามสง่าดุจราชินีเหมันต์พันปี แทนที่อุปลักษณ์นิสัยเย็นชานี้จะบ่อนทำลายเสน่ห์ความงดงามของนางลดทอน แต่กลับตรงกันข้าม มันยิ่งเสริมสง่าบารมีให้ตัวนางดูน่าค้นหายิ่งขึ้นไป อย่างไรเสีย ในขณะเดียวกันเพราะความเย็นชานี้เอง จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางเลยสักคน
“ข้ามิทราบหรอกว่า สตรีนางนี้มาจากไหน แต่ช่างงดงามเกินบรรยาย!”
“บุปผาสวรรค์เฉกเช่นนี้หาใช่ของเราหยิบเอื้อม แต่ต้องกล่าวโดยสัตย์จริง ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยเห็นสตรีนางใดงดงามปานนี้มาก่อน! หากต้องแลกกับความตาย ขอได้ครองคู่กับนางสักวันก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว!”
“พวกเจ้าลองส่งใครสักคนไปถามชื่อแซ่นางดูสิ!”
มีใครบางคนในกลุ่มตั้งประเด็นเอ่ยเสนอขึ้นมา
โต๊ะตรงนั้นเซียถงจับจองนั่งอยู่ตัวคนเดียว และดูราวกับว่านางจะไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบตัวเลยว่า มันกำลังร้อนแรงปานใด เอาแต่ขบเคี้ยวขนมถ้วยในมือ กัดทีละคำสองคำอย่างเอร็ดอร่อย ไอเย็นเยียบจับขั้วกระดูกดำห่อมล้อมอยู่รอบตัว ก่อให้เกิดเป็นโลกส่วนตัวใบน้อยๆ เฉพาะตัวนาง