ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 35 ตาต่อตา
ตอนที่35 ตาต่อตา
เหวี่ยงมีดสะบัดคมเล็กน้อย เศษผ้าที่เกี่ยวติดก็ร่วงลงสู่พื้นโดยทันใด เซียถงเหลือบสายตาปราดมองไป๋หลี่เย่ผู้ซึ่งนอนหมดสภาพเจียนตายอยู่ตรงนั้น มุมปากกระตุกยิ้มบางเบา กล่าวว่า
“องค์รัชทายาท ใช่ว่าข้าจะไม่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันเลวร้ายแค่ไหน ตอนนั้นยั่วโมโหแม่ทัพจางให้มาก่อปัญหาแก่ข้ายังพาทำเน่า แต่ในคราวนี้ ถึงขั้นเล่นสกปรก ใช้ให้เซี่ยเสวี่ยเหลียนแอบวางยาพิษใส่อาหารเช้าของข้า นี่คงไม่เกินไปหน่อยกระมัง?”
ประโยคเพียงไม่กี่คำ และถึงแม้สุ้มเสียงของนางจะมิได้ใหญ่ แต่อาศัยลมปราณเจือผสมเล็กน้อย ทุกคำกล่าวที่เปล่งออกมาล้วนชัดเจนยิ่งเมื่อเข้าหูทุกคน
บรรดาฝูงชนทั้งหลายต่างเดือดดาลขึ้นอีกครั้ง เริ่มเกิดขึ้นถกเถียงมากมายดังกระหึ่มขึ้นมา
องค์รัชทายาทผู้เป็นเจ้าชายแห่งจักรวรรดิตงหลี่อันทรงเกียรติ เล่นสปกรกแอบวางยาพิษเพื่อต้องการเอาชนสาวน้อยนางหนึ่งที่อายุสิบห้าปีเท่านั้น! นับเป็นเรื่องอัปยศอย่างที่สุดต่อราชวงศ์เท่าที่ประวัติศาสตร์มีมา!
ไป๋หลี่เย่พยายามเงยศีรษะมองไปทางนาง ทว่าสีหน้าของเขาในขณะนี้ซีดเซียวหนัก ดูไม่ต่างจากกระดาษแผ่นขาวบาง ริมฝีปากสั่นทึม ไม่สามารถเค้นเสียงเปล่งออกมาได้สักคำ เซียถงที่เห็นสภาพอันน่าเวทนาของอีกฝ่ายก็หัวเราะเยาะอยู่คำสองคำ เสมือนสายอสนีบาตปราดพุ่งหนึ่งคำรน คู่เท้ากระตุกวูบแปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงสายยาว ทะยานเข้ามาเหยียบย่างบนหน้าอกของอีกฝ่าย เซียถงยกบาทากระทืบซ้ำสุดแรงไปคราหนึ่ง ก่อนจะยกคมมีดสั้นในมือขึ้นมา และเสียบทะลุไหล่ซ้ายมิดด้ามโดยไร้ซึ่งปราณีอันใด
ทั้งไหล่ซ้ายทั้งไหล่ขวาของไป๋หลี่เย่อาการสาหัสสากรรจ์ ถึงบาดแผลจะถูกรักษาหายในสักวัน แต่ไม่มีทางกลับมาใช้งานได้ตามปกติดังเดิมโดยสมบูรณ์แน่นอน
“ถงถง นี่เจ้าคิดจะให้ทุกคนในจวนเสนาบดีของเราถูกตัดหัวใช่หรือไม่!?”
เซี่ยหลู่เฟิงยังคงตกตะลึงไม่เลิกรา เพราะเซียถงทั้งสามารถปราบปรามชายวัยกลางคนได้ภายในหนึ่งกระบวนเดียว ทั้งยังตอนนี้ ร่างกายยังแปรสภาพกลายเป็นประกายแสงวูบวาบ พุ่งเข้าซ้ำกระหน่ำโจมตีไป๋หลี่เย่ที่สภาพปางตายเต็มทนอีก
เบารีบเร่งเร้าลมปราณทั่วร่างโคจรหมุนติ๊ว พุ่งเข้าไปหยุดเซียถงมิให้กระทำการเกินขอบเขตไปมากกว่านี้
ส่วนทางด้าน ชายวัยกลางคนผู้นั้นเพิ่งฟื้นสติขึ้นอีกครา พอเห็นองค์รัชทายาทหายใจรวยริน ถึงกับหน้าเสียหนัก รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว
ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างดำเนินการว่องไวเด็ดขาด ฝั่งหนึ่งเข้ามาปกป้องร่างขององค์รัชทายาทที่ใกล้หมดลมหายใจเต็มทน อีกคนรีบเอื้อมมือคว้ามีดสั้น หยุดมือของเซียถงเอาไว้ มิฉะนั้น หากปล่อยให้ลงมีดดอกนี้เข้าไป องค์รัชทยาทไม่สามารถทนพิษบาดแผล ขาดใจได้ในทันทีแน่นอน ไป๋หลี่เย่ที่เห็นคมมีดดังกล่าวที่แข็งค้างอยู่เบื้องหน้า กรีดร้องเสียงหลง ก่อนจะเสียขวัญสุดขีและหมดสติลงในท้ายที่สุด
เซียถงแสยะยิ้มเย็นชาฉีกกว้างเล็กน้อย และเก็บมีดสั้นลงไป
ชายวัยกลางคนผู้นั้นเหลียวมองเซียถงที่หยุดมือลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แข้งขายามนี้อ่อนฮวบไปหมด เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นทั้งแบบนั้นข้างร่างของไป๋หลี่เย่ ชั่วขณะที่เซียถงกำลังจะลงคมมีดซ้ำ ขอกล่าวตามสัตย์เลยว่า ตัวชายวัยกลางคนกลัวแทบตาย!
สภาพของเซี่ยหลู่เฟินเองก็มิได้ดีกว่ากันเลย ยามนี้รู้สึกใจสั่นระห้ำเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับหัวใจของเขาแทบจะกระโดดออกจากลำคอได้ หากองค์รัชทายาทเกิดต้องตายลงในเงื้อมมือของเซียถงจริง เกรงว่าชีวิตของทุกคนในจวนเสนาบดีเซี่ยคงต้องจบสิ้นแล้ว
เซียถงมิได้ปริปากเอ่ยกล่าวอันใด เพียงหมุนตัวกลับมาจับจ้องทางฝั่งของบรรดาฝูงชน
ท่ามกลางฝูงชนทั้งหลายที่เดือดพล่าน จับกลุ่มกันสนทนากันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ ดูเหมือนว่าในบรรดาทั้งหมดจะมีแกะดำอยู่คนหนึ่ง ใบหน้านั้นปราศจากความตื่นอกตื่นเต้น แต่กลับซีดเผือดเสมือนแผ่นกระดาษ และนั่นหาใช่ใครอื่นไม่นอกเสียจาก เซี่ยเสวี่ยเหลียน
ก่อนหน้านี้ จังหวะที่นางเห็นว่า เซียถงกำลังจะเสียท่าตายลงภายใต้คมกระบี่ยาวของไป๋หลี่เย่ ภายในใจก็พลันรู้สึกพองโต มีความสุขอย่างยิ่งที่ในที่สุดก็จะได้แก้แค้นเสียที แต่ในเวลาต่อมา พอเห็นเซียถงระเบิดพลังคลั่ง ปลดปล่อยขุมพลังแห่งขอบเขตเสาหลักฟ้าขนานแท้ออกมา เซี่ยเสวี่ยเหลียนก็ถึงกับหน้าซีด แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ก็ข้า…ข้าใส่ยาพิษลงในโจ๊กที่เซียถงกินเข้าไปแล้วมิใช่รึ? แล้วเหตุใดมัน…มัน…มันถึงไม่เป็นอะไรเลย?
และที่สำคัญที่สุด เซี่ยเสวี่ยเหลียนเห็นชัดเต็มสองตาว่า เซียถงกินโจ๊กชามนั้นลงไปจริงๆ
แล้วมันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ยังไง?
แต่ยังไม่ทันจะได้ครุ่นคิดกับตัวเองถึงไหน นางก็เห็นเงาร่างของเซียถงกระโจนโดดขึ้นสูง ปรากฏวูบอยู่ตรงหน้า ม่านตาดำถึงกับตีบตันหดเล็กเท่ารูเข็มด้วยความหวาดผวาสุดขีด ใจร่วงตกไปยังตาตุ่ม ชั่วขณะอึดใจต่อมา นางรีบหมุนตัววิ่งหนีออกไปทันที แต่นั่นกลับสายเกินไป เซียถงกระโดดลงมาทับร่างของอีกฝ่ายจนล้ม นอนติดแหง็กอยู่กับพื้นอัฒจันทร์
เซียถงคลี่ยิ้มเย็นยะเยือกออกมาทีหนึ่ง ขยับเคลื่อนร่างออกจากจุดนั้น
ฝูงชนโดยรอบที่อยู่ละแวกอัฒจันทร์เดียวกัน รีบวิ่งหนีกระจัดกระจายตัวออกไปคนละทิศละทางด้วยความตกใจ ร่างของเซี่ยเสวี่ยเหลียนถูกบดขยี้ อัดติดกับพื้นอัฒจันทร์ ขณะที่นางพยายามจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นหนีด้วยท่าทีความตื่นตระหนกสุดขีด แต่ทันใดนั้น ก็ถูกบาทาเคลือบไอเย็นข้างหนึ่ง ตอกส้นจามกลางศีรษะอย่างแรง จนหน้าพับอัดกระแทกกับพื้นเสียงดัง ‘ปัง!’ ฟันแตกคางยุบรึเปล่ากลับมิทราบ แต่พื้นอัฒจันทร์บริเวณนั้นกลับแตกระแหงเป็นสายคล้ายใยแมงมุม
เซี่ยเสวี่ยเหลียนพยายามแหงนหน้าบวมเป่งประดุจหัวหมู ขึ้นเงยมองก่อนจะพบเข้ากับสายตาคู่เย็นยะเยือกกำลังจับจ้องมองลงมาที่ตน
“เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ แต่จะอย่างไร ตอนนี้ข้าสามารถโค่นองค์รัชทยาทสุดที่รักของเจ้าได้แล้ว”
ริมฝีปากกระตุกชักชูขึ้นเป็นรอยยิ้มอันปลิ้มปีติ ราวกับบุปผาปีศาจที่กำลังเบ่งบานในนรก ไอเย็นสุดหนาวเหน็บแผ่ซ่านจับขั้วกระดูกดำ
“เจ้า…มิใช่ว่าเจ้าโดนพิษไปแล้ว?! นี่เจ้ารอดมา…”
ด้วยความตื่นตระหนักสุดขีดในยามนี้ ทำให้เซี่ยเสวี่ยเหลียนเผลอหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกมา พอตระหนักได้ว่า นางเผลอไผลไปแล้ว ก็รีบกัดลิ้นตัวเองปิดปากเงียบ รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“ดี! ดีมาก! ถึงกับยอมรับด้วยตัวเองเลยว่าเป็นคนวางยาพิษ”
เซี่ยถงขานคำว่า ‘ดี’ ออกมาถึงสองคราติด สีหน้าการแสดงออกยามนี้ปราศจากระลอกคลื่นอารมณ์ผวนใด ไร้ซึ่งร่องรอยความรู้สึกหรือแม้กระทั่งอารมณ์ นางยกมีดสั้นในมือขึ้นมา คมแสงสะท้อนแวววับแสดงให้เห็นว่า มีดเล่มนี้ยังคมเพียงใด
นางยกเท้าขึ้นกระทืบกลางหลังของเซี่ยเสวี่ยเหลียน ออกแรงขยี้ย้ำให้แน่น เพื่อมิให้เป้าหมายดิ้นหลุดไปไหนได้ ดั่งมุดเหล็กที่ตอกติดกับตัวปลาบนเขี่ยง ในยามนี้ตัวเซี่ยเสวี่ยเหลียนเองก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้หนีออกไปไหนแล้วเช่นกัน
“ถงถง! โปรดเมตตาด้วย! อย่าฆ่านาง!”
เซี่ยหลู่เฟิงกวาดสายตาหันไปทางอัฒจันทร์มุมหนึ่ง มองดูคมมีดสาดไสวในมือของเซียถง ทันใดนั้นเขาใจเสียตกไปยังตาตุ่ม อดสงสัยมิได้เลยว่า เซียถงคิดจะพรากชีวิตของเซี่ยเสวี่ยเหลียนจริงหรือไม่?
แต่ชั่วขณะเดียวกับที่เซี่ยหลู่เฟิงกล่าว เพียงเห็นแสงสะท้อนคมมีดสีเงินสว่างวาบ มีดสั้นในมือของเซียถงดิ่งสะท้านแทงลงไปแล้ว!
เซี่ยเสวี่ยเหลียนกรีดร้องลั่น คมมีดสั้นปลายแหลมแทงทะลุผ่านหลังมือข้างขวาของนาง ปักตรึงเอาไว้แบบนั้นกับพื้นอัฒจันทร์
“ถงถง ขอบคุณ!”
เซี่ยหลู่เฟิงกวาดสายตาหยุดลงตรงมีดสั้นที่ปักตรึงมือข้างขวาของเซี่ยเสวี่ยเหลียนกับพื้น ถอนหายใจเฮือกยาวโล่งใจ รีบกล่าวขอบคุณเซียถงทันทีที่ยังมีเมตตา
เซียถงเหลือบหางตามองอีกฝ่าย แววตาเยียบเย็นยามนี้คลายอ่อนลงไปหนึ่งส่วน ริมฝีปากเม้มขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็มิได้พูดอะไรและเดินจากออกไป
เซี่ยหลู่เฟิงกับชายวัยกลางคนผู้นั้นต่างจับจ้องแผ่นหลังของเซียถงที่กำลังเดินไกลห่างจากออกไป หญิงสาวร่างเพรียวบางนางนี้ หากใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถเอื้อมถึงอีกต่อไปแล้ว ใช่ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เซี่ยหลู่เฟิง สัมผัสได้ถึงความห่างชั้นระหว่างตนกับเซียถงว่ากว้างใหญ่ปานใด
ระยะดังกล่าว ช่างห่างไกลประดุจฟ้าดิน
ฝูงชนโดยรอบทั้งหลาย ต่างหลีกทางให้เซียถงโดยพร้อมเพรียง ภายในหัวของพวกเขาเหล่านี้ บังเกิดทั้งความสงสัยและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน สิ่งที่สงสัยคือ เหตุใดระดับพลังลมปราณของนางถึงเพิ่มพูนได้รวดเร็วปานนี้ และที่กลัวก็คือ ความโหดเหี้ยมไร้ปรานีของนาง ภาพฉากก่อนหน้าของนางที่ประดุจเทพปีศาจจากขุมนรกจำแลงกายมา ยังคงตราตรึงสะเทือนขวัญไม่จางหาย
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศพลันเงียบสงัด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เซียถง แต่กลับไม่มีใครกล้าปริปากกล่าวอันใดแม้นสักคน
“นี่ เดี๋ยวก่อน”
แต่ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นจากเบื้องหลัง
เซียถงเหลียวศีรษะหันกลับมา ก็เห็นบางสิ่งลอยละลิ่วเข้าหานาง รีบเอื้อมมือออกไปคว้าจับดังหมับ พอคลายมือขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นขวดยาขนาดเล็กสีขาวขวดหนึ่ง
“มันคือยารักษาแผล จงกลับไปเทผงลงในอ่างน้ำและแช่งมันเป็นเวลาหนึ่งคืน แล้วอาการบาดเจ็บทั่วร่างกายของเจ้าจะดีขึ้นสักแปดในสิบส่วนในวันรุ่งขึ้น”
เป็นสุ้มเสียงของชายคนหนึ่ง ฟังดูแล้วคุ้นหูไม่น้อยเลย
เซียถงกวาดสายตาเงยขึ้นมอง ปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดกี่เพ้าโบราณ กำลังนั่งแกว้งเท้าห้อยอยู่ตรงอัฒจันทร์มุมหนึ่ง พอเขาเงยหน้าขึ้นมาและส่งยิ้มอันหล่อเหลาให้ ก็ทำเอาบรรดาหญิงสาวในฝูงชนเหล่านั้นตกอยู่ในภวังค์ในทันใด
“หลัวซี! หลัวซีหนิ!”
พวกนางต่างส่งเสียงร้องตะโกนออกมา สีหน้าการแสดงออกดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลัวซีผู้นี้เปรียบเสมือนมังกรขดหางซ่อนพลังฝีมือมาโดยตลอด เพราะที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเคยเห็นเขาเอาจริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น การที่จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ใครบ้างจะไม่ตื่นตกใจ?
หลัวซียกกุหลาบสีแดงสวขขึ้นมาสูดดมเล็กน้อย พลางรับฟังเสียงตะโกนเรียกขานชื่อของตนอยู่แบบนั้น รอยยิ้มคลี่ปรากฏขี้นอีกคราพร้อมส่งมอบแก่เซียถง กล่าวว่า
“ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งปานใด แต่ขอจงอย่าลืมว่า ตนคือสตรีเพศ รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญ หากเกิดรอยแผลเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร? ยารักษานี้ช่วยเจ้าได้”