ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 350 พวกอันธพาล (2)
ตอนที่350 พวกอันธพาล (2)
ตอนที่350 พวกอันธพาล (2)
“ไม่! ข้าไม่อยากไปหอนางโลม! ข้าไม่ไปหอนางโลม!”
หญิงสาวนางนั้นกรีดร้องลั่นทั้งเจ็บทั้งตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน จึงออกแรงทั้งหมดที่มีผลักร่างกำยำใหญ่ยักษ์ของชายคนนั้น แต่กลับเป็นร่างผอมบางของนางเสียเองที่ถูกผลักกระเด็นไปชนเข้ากับโต๊ะข้างเคียงจนล้มหัวคะมำ หญิงสาวนอนหน้าซีดเผือดหาดผวา รีบพยุงตัวลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไป
“กล้าผลักพี่ใหญ่ข้างั้นรึ? คงเบื่อชีวิตมากเสียกระมัง?”
ชายกำยำอีกคนหนึ่งในกลุ่มลึกขึ้นจากโต๊ะ ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าของหญิงสาวอย่างแรง จนกระเด็นล้มไปมุมหนึ่ง นางขดตัวสั่นเทาเป็นลูกกลม เลือดสีแดงสดไหลกลบทั่วปาก
จากนั้นบรรดาชายกำยาทั้งหมดก็ลุกขึ้น แห่แหนเข้ามาทุบตีรุมกระทืบนางคาพื้นไม่หยุดหย่อน ถึงจะมีผู้รับชมเหตุการณ์อยู่จำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครแม้สักคนที่กล้าออกหน้าเข้าห้ามปราม ส่วนทางด้านเซียถงก็ยังก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะตัวเอง อย่าว่าแต่สนใจหรือหันมอง กระทั่งแยแสยังไม่มีราวกับว่านางไม่เคยรู้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันเลย
“อย่าทำข้า! อย่าทำข้าเลย! ขะ-ข้าไหว้ล่ะ!”
หญิงสาวนางนั้นยกสองมือขึ้นพนมเหนือหัว นอนคลุกฝุ่นตลบท่ามกลางบาทาของเหล่าชายร่างกำยำ
“นังโสโครกต่ำทราม! กล้าดีผลักพี่ใหญ่ของเรา สมควรกระทืบให้ตายตรงนี้แหละ!”
“นังตัวดี เพิ่งจะมาสำนึกผิดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว!”
ชายร่างกำยำใหญ่ยักษ์ที่เป็นลูกพี่ยืนกำกับ เฝ้ามองหญิงสาวนางนั้นโดนกระทืบอยู่ด้านหลังคนอื่นๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็ชำเลืองสายตาเหลือบมองไปทางเซียถงเป็นครั้งคราว
หญิงสาวนางนั้นไม่สามารถทนต่อไปได้ไหวแล้ว เช่นนั้นจึงกระโดดกอดขาของหนึ่งในนั้น แล้วออกแรงกัดสุดแรงเกิด มิทราบว่าออกแรงไปมากขนาดไหน แต่จะเห็นได้ว่ามีเศษชิ้นเนื้อแผ่นหนึ่งหลุดติดออกมาคาปากของนาง
“อ๊ากกก! ไอ้นังบัดซบนี่!! ข้าต้องฆ่ามันให้ได้!”
หนึ่งในนั้นที่โดนกัดกรีดร้องลั่นเสมือนลูกหมูถูกเชือด มันคว้าชายเสื้อของหญิงสาวนางนั้นที่คิดหนี และเขวี้ยงตัวนางออกไปอย่างแรง ร่างปลิวไปทางโต๊ะเซียถงที่อยู่ริมกำแพง
เสียงล้มดังโครมสนั่น กวาดโต๊ะอาหารที่เซียถงกำลังนั่งประทานอยู่จนคว่ำระเนระนาดไม่เหลือดี หญิงนางนั้นนอนหมอบอยู่บนพื้นพร้อมกับเศษอาหารที่ติดตามเนื้อตามตัว
เซียถงนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมตะเกียบหนึ่งคู่และชามข้าวอีกหนึ่งถ้วย เปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อยเป็นไขว่ห้าง ตักข้าวเข้าปากกินต่อไปอย่างใจเย็น เสมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง ชายร่างกำยำคนหนึ่ง เดินตรงหยุดด้านข้างนาง ตะคอกเสียงดังลั่นใส่ว่า
“ไม่อย่าซวยก็หลบไป!”
“หื้ม? เจ้านี่ก็สวยไม่เบาเลยหนิ…”
ทีแรกชายร่างกำยำคนนั้นมิทันสังเกตเห็นใบหน้าของเซียถง แต่เมื่อพินิจมองให้จงดีถึงความงดงามที่นางครอบครอง แววความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็จางหายไปในทันที แปรเปลี่ยนน้ำเสียงดูสุขุมนุ่มลึกขึ้นหลายส่วน เขายิ้มกล่าวขึ้นว่า
“สาวน้อย เจ้าเป็นใครมาจากไหนรึ? ไฉนถึงได้สวยปานนี้? เอาเช่นนี้เป็นเยี่ยงไร ยอมติดตามรับใช้พวกเราหลังจากนี้แต่โดยดี แล้วจะยอมไว้ชีวิตเจ้า”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็ค่อยๆ ยื่นแผ่นมือใหญ่เคลื่อนเข้าใกล้เซียถง หวังเชยชมโฉมงามให้เต็มสองตา
สีหน้าท่าทีของเซียถงดูเย็นเยียบในบัดดล โดยไม่แม้แต่เหลียวมองด้วยซ้ำ นางใช้ตะเกียบไม้ในมือแทงสวนออกไป เสียบทะลุเบ้าตาสองทั้งข้างของชายร่างกำยำด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า!
“อ๊ากกก!! ตาข้า! ตาของข้า!!”
ชายร่างกำยำใหญ่กรีดร้องระงมลั่น ขณะรีบยกสองมือขึ้นปิดหน้า
“เศษสวะเยี่ยงเจ้าไม่สมควรมีตาให้มอง”
ทุกคนในที่แห่งนี้สัมผัสได้เพียงสุ้มเสียงของนางที่เปล่งดัง กับเงาร่างสีขาวสายหนึ่งที่ไสววูบวาบแลดูพิสดาร วิสัยทัศน์พร่างพรายไปชั่วขณะหนึ่ง อึดใจต่อมา ก็เห็นชายร่างกำยำคนนั้นนอนคอบิดไปอยู่ด้านหลัง แผ่กายตายคาที่อยู่กับพื้นด้วยสภาพแสนอนาถ
ทั้งหมดในโรงเตี้ยมที่อยู่ในเหตุการณ์ตื่นตะลึงกับภาพฉากเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นมาก เมื่อพยายามกวาดสายตามองหาเซียถงอีกครั้ง แต่ใครจะไปรู้ พบว่านางกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม พร้อมกลับด้านตะเกียบหันฝั่งที่เปื้อนเลือดออก และจ้วงข้าวในชามเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย นั่งรับประทานอาหารในท่าเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ทุกคนต่างตระหนักชัดแจ้งดีเยี่ยม คนที่หักคอชายร่างกำยำทิ้งก็ถือเซียถง แต่กลับไม่มีใครแม้สักคนที่มองตามการเคลื่อนไหวของนางได้ทัน
บรรยากาศในโรงเตี้ยมเงียบสงัดดั่งป่าช้า ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เซียถงด้วยทีท่าผิดแปลกออกไป มองแค่ภายนอก แลเห็นว่าเป็นสาวงามรูปโฉมงดงามเหนือราคี แต่ใครจะไปคิด นางฟ้านางสวรรค์เฉกเช่นนางกลับทรงพลังว่องไว ทั้งยังใจคอโหดเหี้ยมเลือดเย็นได้ปานนี้? ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หญิงสาวนางนั้นที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมา รีบคุกเข่าขอขมาต่อหน้าเซียถง ก้มหน้าโขกศีรษะกระแทกพื้นไม่หยุด
“ท่านเทพธิดา! โปรดช่วยข้าด้วย! โปรดช่วยชีวิตข้าผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด!!”
“ข้าหาใช่เทพธิดา”
เซียถงเหลือบหางตาสบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย สบถตอบส่งๆ ออกไปคำหนึ่ง
“ได้โปรดเถิด! ช่วยข้าด้วย! ช่วยชีวิตข้าด้วย!!”
ในสายตาของหญิงสาว เซียงถงเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายแล้ว หากไม่สามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้ ชีวิตนี้จะต้องจบสิ้นไม่เหลือดี เช่นนั้นจึงคลานเข่าเข้ามากอดขาเซียถงทั้งน้ำตา กล่าวขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความดื้อรั้น
ขณะที่หญิงสาวกำลังขอร้องอ้อนวอนอยู่นั้น ก็มีกลุ่มชายร่างกำยำที่อยู่ด้านหลังยกพวกรุมเข้ามาหาเซียถง หนึ่งในนั้นยื่นมือของตนออกมาจับไหล่ของนาง ขณะที่กำลังจะแตะถึงตัว จู่ๆ ก็มีคมแสงสีเงินสว่างวาบตัดเข้าที่มือฉับหนึ่ง
ปรากฏข้อมือของชายคนนั้นร่วงลงกับพื้นพร้อมธารโลหิตสีแดงสดที่อาบสรร
“มือข้า! มือของข้า!!”
ชายคนนั้นกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจสุดขีด พยายามจะใช้มือข้างที่เหลือชักดาบขึ้นมาฟันใส่เซียถง แต่สายเกินไปเสียแล้ว ก่อนจะถูกรู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ มันก็ถูกนางยกเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ ฟาดอย่างแรงจนกะโหลกศีรษะแตกยับ หัวหุบไปด้านหนึ่ง สายโลหิตทะลักล้นไม่หยุดประดุจเขื่อนน้ำแตก ไหลนองไปทั่วทั้งบริเวณ ชายอีกคนตายคาที่ไปแล้วเช่นกัน
เห็นภาพฉากที่พี่น้องถูกฆาตกรรมอย่างน่าสยดสยองปานนี้ เสมือนจุดไฟแค้นขึ้นในใจของพวกชายร่างกำยำที่เหลือ พวกมันเหล่านั้นวิ่งแห่เข้าใส่เซียถง หวังรุมฆ่านางเอาให้ตายในคราเดียว ทว่าเซียถงยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ กับเก้าอี้ไม้แข็งชุ่มเลือดปนเศษเนื้อในมือ เห็นพวกมันวิ่งแห่แหนกันเข้ามา นางยกเก้าอี้หวดยับกระหน่ำซัดไม่มีหยุด คล้ายเสียงลูกแตงโมสุกเต็มที่แตกโผละ โลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วโรงเตี้ยมแห่งนั้น พร้อมกับร่างที่ไร้ชีวิตของกลุ่มชายกำยำ บินไปซ้ายบ้างกระเด็นไปขวาบ้างคละกัน
“อ๊ากกก! อ๊ากกก! ช่วยด้วย…อ๊ากกก!!”
สิ่งที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่าชายฉกรรจ์ เศษเนื้อเศษมันสมองหรืออย่างไรไม่ทราบ กระเซ็นออกมาเป็นระยะ บ้างก็กระเด็นโดนตัวของผู้คนโดยรอบเป็นชิ้นเละน่าอาเจียน แต่ละคนรีบหนีขึ้นโต๊ะไม่อยากให้เนื้อตัวต้องมาเลอะเทอะกับสิ่งอะไรพวกนี้กัน
โดยส่วนใหญ่ มักเป็นเศษหนังศีรษะไม่ก็ชิ้นเนื้อสมองที่ไหลทะลักออกมา เพราะทุกท่วงท่าการหวดของเซียถงล้วนเล็งไปที่ส่วนหัวของพวกมัน ในหมู่ชายร่างกำยำเหล่านั้น บางคนยังไม่ตายทันทีเพียงกะโหลกศีรษะเปิด พยายามคลานหาคนอื่นๆ รอบตัวหวังเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไปได้ไม่ทันไรก็ค่อยๆ สิ้นใจตายอย่างทรมานอยู่ดี
เซียถงสามารถปราบปรามกลุ่มชายร่างกำยำได้โดนไม่ขยับเขยื้อนเท้าแม้สักก้าว ทุกคนในเวลานี้ต่างจับจ้องไปที่นางด้วยสายตาเป็นปลื้มชื่นชมอย่างล้นหลาม!