ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 355 กลับสู่จวนเสนาบดีเซี่ย
ตอนที่355 กลับสู่จวนเสนาบดีเซี่ย
ตอนที่355 กลับสู่จวนเสนาบดีเซี่ย
“คุณหนูเซีย ข้ามาที่นี่เพื่อขอหมั่นหมายกับท่านอย่างเป็นทางการ นี่คือกำไลหยกเย็นสมบัติจากรุ่นบรรพบุรุษของตระกูลข้า โปรดรับไว้ด้วยเถิด!”
คุณชายท่านหนึ่งวิ่งฝ่าออกมาจากปราการทหารออกมาได้ รีบวิ่งไปหาเซียถงที่อยู่บนหลังม้าพร้อมยื่นกำหยกหยกสีครามเย็นนำเสนอมอบให้
ทว่าทันทีใด เสมือนน้ำหนักที่กดทับบนร่างกายของเขาก็เพิ่มทวีขึ้นรุนแรงหลายสิบทวีเท่า มีรังสีพลังงานบางอย่างที่ควบแน่นอยู่ในอากาศรอบอาณัติบริเวณ สิ่งนั้นมาจากดวงตาของไป๋หลี่หานที่มุ่งหาจับจ้องใส่ พึงสังเกตเห็นท่าทีการแสดงออกแสนเมินเฉยของเซียถงที่มีต่อกำไลหยกเย็นในมืออันแสนภาคภูมิ ชั่วขณะต่อมา เสมือนหัวใจดวงนี้ของเขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาโดยไร้เหตุผล
“คุณหนูเซีย หากไม่ชอบชิ้นนี้ ทางตระกูลข้ายังมีของดีอีกมากมายนับไม่ถ้วน พวกเราเป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดแห่งจักรวรรดิหน่านเฟิง หากปรารถนาสิ่งใด ขอเพียงพูดออกมาเท่านั้น ข้าคนนี้ย่อมสรรหามาให้แน่นอน!”
ขณะที่คุณชายคนนั้นกำลังพูดพล่าม ทว่าเขาไม่ทันสังเกตเลยสักนิด ถึงระดับความเข้มข้นของแรงกดดันที่ออกมาจากดวงตาของไป๋หลี่หาน ในยามนี้มันทวีความรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น กล่าวได้ว่า กว่าที่คุณชายคนนี้จะรู้ตัวก็หน้ามืดหมดสติลงไปเสียแล้ว
“ไม่ว่าคุณหนูเซียปรารถนาสิ่งใด ขอเพียงเอ่ยกล่าวออกมา ข้าจะกว้านซื้อให้ท่านทุกอย่าง!”
ไม่นานนักก็มีอีกสองสามคนที่แหกด่านปราการป้องกันของกองทหารเข้ามาได้ แต่วิ่งแห่กันเข้ามาหาเซียถงด้วยความตื่นเต้น
เซียถงหาได้สนใจสิ่งที่คนพวกนี้พูดออกมาเลยสักนิด หาแต่สังเกตมองดวงตาคู่นั้นของไป๋หลี่หาน ความสนใจทั้งหมดที่มีล้วนมุ่งหมายจดจ่ออยู่กับเขา นางย่อมสังเกตได้ถึงมวลพลังงานบางอย่างที่ควบแน่นกดดันอยู่ในอากาศ สีหน้าไป๋หลี่หานในเวลานี้ดูไม่ตลกด้วยแล้ว แต่ราวกับจะฆ่าแกงพวกคุฯชายกลุ่มนั้นจริงๆ พบเห็นดังนี้ เซียถงพลันรู้สึกความรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ หัวใจดวงนี้สัมผัสได้ถึงความหนักอึ้ง มุมหนึ่งก็อยากกล่าวขอโทษไป๋หลี่หานอยู่กลายๆ
ทางฝั่งเย่หลีเทียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้านหลังเซียถง สองมือของเขากำหมัดบีบแน่น นำมันซุกไว้ใต้แขนเสื้อยาวปิดบังมิให้ใครสังเกตเห็น มุ่งจิตเพ่งมองไปยังร่างของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจ้องจับผิด มีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าผืนนั้นกันแน่?
พอได้เห็นบรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์จากแดนไกลทั้งหลายแหล่ ต่างคลั่งไคล้ในตัวเซียถงเจียนเสียสติกันปานนี้ เย่หลีเทียนก็แทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะกระชากผ้าคลุมใบหน้าของนางออกมาดูเสียเหลือเกิน ปรารถนาคาดหวังจะได้เห็นผิวพรรณเรียบเนียนไร้จุดด่างดำน่าเกลียดเหล่านั้น เพราะหากกล่าวกับตามจริง ถ้าร่องรอยจุดด่างดำบนใบหน้าเซียถงสามารถลบเลือนออกไปได้ คงไม่เกินจริงเลยสำหรับคำกล่าวที่ว่า นางคือสตรีงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง
ใช่แล้ว หากว่าร่องรอยจุดด่างดำเหล่านั้นถูกลบออกไป… ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีใบหน้าของโฉมงามนางนั้นปรากฏขึ้นภายในใจของเย่หลีเทียน ชั่วขณะเขาถึงกับใจสั่นสะท้านไม่เป็นจังหวะ ใช่แล้ว! หญิงงามนางนั้นในบ่อน้ำพิสุทธิ์หรือจะเป็นเซียถง!? พอกวาดสายตาเคลื่อนมอง เงาภาพเซียถงก็สะท้อนอยู่ในดวงตาไม่จางอ่อน ครั้งสุดท้ายที่ได้มองหน้าเซียถงใกล้ๆ คงเป็นตอนที่อยู่ในเกี้ยวรถม้าเดินทางไปยังจักรวรรดิซีฉิน หากตัดเรื่องร่องรอยจุดด่างดำบนใบหน้าออกไป นางจะกลายมาเป็นหญิงงามถล่มเมืองได้ไม่เกินจริงเลย แต่จะว่าไปนั้น…หญิงสาวในบ่อน้ำพิสุทธิ์ที่เคยพบเจอก็สวมชุดแพรพรรณสีขาว กระทั่งลักษณะการตัดเย็บของชุดก็ดูคล้ายกับแบบที่เซียถงชอบใส่อยู่ตลอด
คิดมาถึงจุดนี้ เย่หลีเทียนชักจะสงสัยเข้าไปใหญ่ หรือสาวงามนางนั้นก็คือเซียถงจริงๆ?
แล้วหากเป็นนางจริงๆ แสดงว่านางก็ทราบถึงการกระทำอันแสนชั่วช้าของเขาทั้งหมด? เช่นนั้นจริงยิ่งห้ามปล่อยไว้!
หลังจากนี้ ข้าจะต้องวิธีพิสูจน์ให้ได้…
มีไอหมอกสีดำทมิฬชั้นหนาหมุนเกลียวโคจรอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเย่หลีเทียน กลิ่นอายที่แผ่สะพัดออกมาจากรอบตัวเยียบเย็นลงจนน่ากลัว
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มุ่งจับจ้องใส่ของเย่หลีเทียน เซียถงร่างกระตุกวูบเล็กน้อยโดยมิได้ตั้งใจ ปรายสายตาชำเลืองมองหนึ่งปราด แต่ในเวลานี้ นางไม่มีเวลามาสนใจเขามากนัก เพราะไป๋หลี่หานที่อยู่เคียงข้างทำให้นางรู้สึกเป็นกังวลยิ่งกว่า เป็นห่วงเสียเหลือเกินว่า เหล่าคุณชายพวกนี้จะถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้งในชั่วอึดใจเดียว
เซียถงนั่งตระหง่านต้านสายลมอยู่บนหลังม้า แสงตะวันอบอุ่นสีทองส่องแสงทอประกาย สาดกระทบลงบนเนื้อผ้าแพรพรรณละเอียดสีขาวของนาง ยามแสงสว่างหักเห ร่างของนางก็ส่องสะท้อนสีทองจางอ่อนดั่งมีรัศมีเฉิดฉาย ทั้งดูศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งในเวลาเดียวกัน กล่าวคือเทพธิดาที่เพิ่งจุติลงมาจากสรวงสวรรค์ ชั่วเวลาหนึ่ง ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกบดบัง บนเส้นสายตาวิสัยของทุกคนมีเพียงเงารัศมีแพรวพราวประดุจดวงตะวันภาพนี้เท่านั้น มันประทับฝังลึกลงสู่จิตใจของทุกคน
บรรยากาศโดยรอบพลันสงัดเงียบลง ทุกคนต่างแหงนหน้ากวาดมองไปที่หญิงสาวบนหลังม้า ตกสู่ภวังค์ความหลงใหลไปโดยไม่รู้ตัว กวาดพินิจมองทั่วเรือนร่าง เผยให้เห็นความงดงามไร้ที่ติภายใต้แสงตะวันสีทองอร่าม และเป็นอีกครั้งที่ได้ตอกย้ำว่า หญิงสาวนางนี้นี่แหละคือ สตรีงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง
ไป๋หลี่หานเหม่อมองเซียถงที่อยู่ข้างเคียง นัยน์ตาลึกล้ำสุดหยั่งถึงฉายแววตะลึงงัน เขาพึงทราบดีว่า เซียถงนั่นสวยเพียงใด แต่เขาเคยตกใจกับความงดงามที่นางครอบครองมากถึงขนาดนี้มาก่อน ลองดูประกายแสงตะวันที่ส่องกระทบบนร่างอรชรไร้ที่ติของนาง ยิ่งจับจ้องนางเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกถึงรัศมีที่เจิดจรัสออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เย่หลีเทียนเองก็จ้องตาค้างแข็ง เผยสีหน้าร่องรอยความประหลาดใจออกมาหลายส่วน ภาพฉากนี้คงรักษาตราตรึงอยู่ในประกายตาของเขาไม่จางหาย สักครู่หนึ่งสองมือที่กำหมัดแน่นยิ่งบีบรัด ยามนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กลับสุดจะหยั่งรู้ได้
เซียถงเหลือบกวาดมองทุกคน เปล่งเสียงเย็นชาดังกังวานจากลำคอว่า
“พวกเจ้าทุกคนกลับไปเสีย ข้ายุ่งเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องเหล่านี้”
“เอ่อ… คุณหนูเซีย เช่นนั้นพวกเราจะเฝ้ารอท่านจนกว่ามีเวลาอีกที”
คล้อยหลังเงียบระยะใหญ่ เหล่าพี่น้องคุณชายผู้มั่งคั่งทั้งหลายก็เพิ่งได้สติกลับมา แลเห็นความเด็ดขาดและดุดันของอิสตรีผู้เย็นชานางนี้ ปณิธานที่จะแต่งงานกับนางก็ยิ่งแรงกล้ามากขึ้น เรือนร่างของนางภายใต้แสงตะวันที่สาดส่อง ยิ่งสามารถเห็นถึงสัดส่วนอันไร้ที่ติชัดเจนถนัดตา หากนำผ้าคลุมใบหน้าออกไป มิทราบเลยว่าจะยิ่งทวีความงดงามมากล้นเพียงใด
เซียถงขมวดคิ้วเล็กน้อยปนหงุดหงิด ไม่คิดเลยว่าคนเหล่านี้จะตามตื๊อนางติดหนึบถึงปานนี้ ในเมื่อเช่นนั้น นางก็หาได้สนใจพวกเขาอีกไม่ กระโจนขึ้นหลังคาวิ่งทะยานหายวับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ในเมื่อเต็มใจรอกันดีนัก เช่นนั้นก็ปล่อยให้รอจนวันตายนั่นแหละ!
แอบปีนขึ้นมาบนหลังคาของจวนเสนาบดีเซี่ย ลอบกระโดดเข้ามาหน้าลานบ้าน เปิดประตูเข้าไปโดยตรง เดินเข้ามาตามระเบียงสักพักหนึ่ง ระหว่างทางก็พบเข้ากับสาวรับใช้กลุ่มหนึ่ง และเมื่อพวกนางเห็นว่าเป็นเซียถง ต่างคนต่างก็รีบสับเท้าหนีออกไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ราวกับว่าเพิ่งจะได้เห็นนางมารร้ายตามอาฆาต
เซียถงชะงักค้างไปชั่วขณะ สงสัยเหลือเกินว่าไยถึงต้องรีบหลบหน้ากันด้วย? สีหน้าแต่ละคนถอดสีซีดเซียวราวกับเห็นผีก็มิปาน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า มีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในจวนเสนาบดีแห่งนี้? ระหว่างครุ่นคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกดังขึ้นมาแต่ไกล
“คุณหนู! ท่านกลับมาแล้ว!!”
เมื่อเหลียวมองก็พบว่าเป็นอิ๋งเอ๋อร์ที่กำลังนั่งเล็มต้นไม้ตัดแต่งสวนอยู่ตรงลานบ้านอีกฝั่งหนึ่ง นางรีบวางกรรไกรเล็มตัดในมือทิ้งลง และวิ่งปรี่เข้ามาหาควบคู่ใบหน้าสุดแสนประหลาดใจ แรกพบก็เข้าสวมกอดอย่างแน่บแนน ยิ้มกล่าวปลื้มปีติไม่รู้จบ
“บ่าวคิดถึงคุณหนูใหญ่เสียเหลือเกิน! ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที!”
ความสุขภายในใจดวงนี้ของเซียถงพองโตขึ้นอีกครั้ง ขจัดข้อสงสัยทั้งหลายเมื่อครู่ทิ้งไป นางระบายยิ้มแผ่วเบา เอื้อมมือขึ้นตบไหล่อิ๋งเอ๋อร์ไปสองสามที กล่าวว่า
“ข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่เป็นเยี่ยงไรบ้าง? สบายดีหรือไม่?”