ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 357 หวานหลีซุน (1)
ตอนที่357 หวานหลีซุน (1)
ตอนที่357 หวานหลีซุน (1)
“เจ้ากับแม่ข้าก็นอนอยู่ใต้ชายคาเรือนเดียวกัน หากนางพยายามจะหนีออกไป เจ้าเองก็ควรได้ยินเสียงอะไรหน่อยมิใช่รึ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวนอนเฝ้าอยู่หน้าประตูนอกเรือน แต่คืนนั้นกลับไม่ได้ยินสุ้มเสียงใดๆ เลยเจ้าค่ะ”
อาจูส่ายหน้าระรัวตื่นตระหนกสุดขีด ทั้งยังร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด
เซียถงขมวดคิ้วแน่นไม่พูดไม่จา หากเป็นไปตามที่อาจูกล่าวเล่าไว้จริงๆ บุคคลที่สามารถลักพาตัวคนทั้งคนออกจากจวนเสนาบดีเซี่ยได้โดยปราศจากร่องรอยหรือสุ้มเสียงใดๆ ก็มีแต่ระดับชั้นยอดฝีมือ ทักษะการต่อสู้และลอบเร้นต้องสูงมาก แต่เพียงว่า บุคคลเฉกเช่นนั้นจะจับตัวท่านแม่ไปเพื่ออะไร? หรือจะเพราะวรยุทธต่อสู้? ขนาดหลัวซีในครานั้นที่ได้สำแดงใช้วรยุทธต่อสู้เป็นประจักษ์ออกมาในระหว่างงานประลอง ยังถูกลอบโจมตีโดยเหล่ายอดปรมาจารย์ในภายหลังไม่นาน ทั้งหมดก็เพื่อแย่งชิงวรยุทธต่อสู้ลับของตระกูลหลัว ส่วนในคราวนี้ พวกมันเดินทางมาจับตัวท่านแม่ไปหวังเพื่อแย่งชิงวรยุทธ์ต่อสู้ลับของตระกูลหลี่?
คิดได้เช่นนั้น เซียถงถักคิ้วขมวดแน่นทันควัน
อาจูเร่งโขกศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงหลายสิบคราติดทันทีที่สังเกตเห็นสีหน้าของเซียถงดูเลวร้ายลงเรื่อยๆ ด้วยความตกใจ กลัวว่าอีกฝ่ายต้องการจะฆ่ากันทิ้ง จึงร้องคร่ำครวญหนักข้อไปใหญ่ หลังโขกศีรษะเสร็จ ก็รีบคลานเข่าเข้ามากอดแข้งกอดขาอีกฝ่ายไม่ปล่อย กล่าวทั้งน้ำตาว่า
“ได้โปรด! อย่าฆ่าบ่าวเลย! บ่าวมิได้มีเจตนาไม่ดีใดๆ ต่อฮูหยินใหญ่เลย!”
เซียถงสะบัดเท้าเบาๆ ปลดเปลื้องอีกฝ่ายที่เกาะแกะอยู่บนแข้งขา สบมองอีกฝ่ายเจาะลึกลงไปถึงนัยน์ตาดำ คล้อยหลังไม่เสาะพบสิ่งผิดปกติอันใด จึงค่อยกล่าวขึ้นว่า
“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าไปก่อน แต่หากสืบทราบทีหลังว่า เจ้ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องแม่ข้าหายตัวไป ก็เตรียมตัวล้างคอรอข้ากลับมาสะบั้นหัวได้เลย!”
ขณะเอ่ยกล่าว นางก็เดินผ่านหน้าอาจูไป ตรงเข้าไปในตัวเรือนพักของฮูหยินหลี่ คลื่นแรงกดดันของเซียถงพ้นผ่านออกไป เสมือนภูเขาไท่ซานที่กดทับร่างของอาจูเอาไว้ก็พลันอันตรธานหายวับไปด้วย นางทรุดตัวนอนกองอยู่กับพื้นในสภาพอ่อนแรง เสื้อผ้าทั่วทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ อิ๋งเอ๋อร์เดินเข้ามาตบไหล่อาจูเบาๆ เข้าปลอบประโลมเล็กน้อย ก่อนจะเดินติดตามเซียถงเข้าไปภายในนั้น
เซียถงกวาดสายตาสำรวจโดยละเอียดสักครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“อิ๋งเอ๋อร์ แม่ข้าหายไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“ฮูหยินใหญ่หายตัวไปได้ประมาณสามวันแล้วเจ้าค่ะ”
อิ๋งเอ๋อร์กล่าวตอบทีท่าสำรวมระมัดระวัง
“แล้วเซี่ยอี้เฉิงมันได้ส่งคนออกไปตามหารึเปล่า?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นอีกครา
“ทันทีที่รู้ข่าวการหายตัวไปของฮูหยินใหญ่ นายท่านก็ตื่นตระหนกตกใจอย่างหนัก รีบส่งคนออกไปค้นหาโดยไว แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมากลับไม่มีเบาะแสใดๆ เลย”
อิ๋งเอ๋อร์เล่าอธิบายถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นโดยละเอียด สำหรับเหตุการณ์การหายตัวไปของฮูหยินหลี่ที่เกิดขึ้น ยกเว้นเสียแค่ สองแม่ลูกอย่างฮูหยินรองเฉิงกับเซี่ยเสวี่ยเหลียน ทุกคนในจวนเสนาบดีเซี่ยต่างตกอยู่ในความโกลาหลตื่นตูมไปชั่วขณะ เร่งออกตามหาตัวฮูหยินหลี่กันอย่างกระตือรืนร้น เพราะพวกเขาทั้งหลายวิตกจริตกันหนัก กลัวว่าหลังจากเซียถงกลับมาและทราบข่าวนี้ นางจะลงมือฆ่าล้างบางพวกเขายกจวน
เซี่ยอี้เฉิงน่าจะเป็นคนที่ดูเป็นกังวลที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่เขาทราบข่าวว่า เซียถงได้คว้าอันดับหนึ่งในงานประลองสี่จักรวรรดิมาครอง เขาก็ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดวันคืน วิตกอย่างหนัก กลัวว่า เซียถงจะกลับมาคิดบัญชีกับตน
“อิ๋งเอ๋อร์ แล้วระยะนี้มีคนแปลกหน้าแวะเวียนเข้ามาในจวนเสนาบดีเซี่ยบ้างหรือไม่?”
เซียถงหันกลับมาเอ่ยถามอิ๋งเอ๋อร์อีกครา คล้อยหลังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด
“คนแปลกหน้ารึเจ้าค่ะ?”
อิ๋งเอ๋อร์ยกนิ้วขึ้นกัดแทะเล็บพลางครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“คนแปลกหน้าก็ไม่เชิงเจ้าค่ะ แต่อีกฝ่ายเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฮูหยินรองเฉิง ระยะนี้เขาคนนั้นแวะเวียนมาที่แห่งนี้ค่อนข้างบ่อยเจ้าค่ะ”
“ลูกพี่ลูกน้องของฮูหยินรองเฉิง?”
เซียถงเลิกคิ้วกระตุกทีหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันใด
“เจ้าค่ะ หลังจากที่คุณหนูใหญ่เดินทางจากตงหลี่ไป ฮูหยินรองเฉิงก็พาชายคนหนึ่งกลับเข้ามาในจวน โดยบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางที่มิได้พบหน้ากันเสียนาน มาเยี่ยมเยือนเป็นแขกของจวน แต่พอมีโอกาสเข้ามาที่นี่ครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวในจวนบ่อยครั้งขึ้น แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีพฤติกรรมน่าสงสัยอันใด”
“โอ้? ชายหญิงไปมาหาสู่กันบ่อยปานนี้ ยิ่งกว่านั้นฮูหยินรองเฉิงก็มีลูกมีสามีแล้ว ไม่กลัวจะเป็นขี้ปากคนอื่นนินทาเลยรึอย่างไร?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง ปรากฏประกายแสงโฉบสะท้อนจากในดวงตา
“ก็เพราะนางคือฮูหยินรองเฉิงนั่นแหละเจ้าค่ะ ใครบ้างจะกล้านินทา?”
อิ๋งเอ๋อร์เบะปากใส่ทีหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยตอบ
“คุณหนูใหญ่! รู้สึกว่าก่อนวันที่ฮูหยินใหญ่จะหายตัวไป ลูกพี่ลูกน้องของฮูหยินรองเฉิงคนนั้นจะมาที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ!”
อาจูที่นั่งคุกเข่าฟังบทสนทนาระหว่างเซียถงกับอิ๋งเอ๋อร์อยู่นั้นเอง ทันใดนั้นก็รีบลุกขึ้นโพล่งตัวเข้ามา กล่าวแทรกจังหวะอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มาหาแม่ข้าด้วย? แล้วอีกฝ่ายได้พูดอะไรรึเปล่า?”
เซียถงรีบเดินหน้าไปหาอาจู
“ไม่เจ้าค่ะ เพียงยืนมองอยู่หน้าเรือนสักพัก แล้วเดินจากไปเจ้าค่ะ”
อาจูส่ายหัว
อีกฝ่ายมาหาก่อนวันที่ท่านแม่ของนางหายตัวไป เกรงว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับคนๆ นี้ก็เป็นได้ ดีไม่ดี ลูกพี่ลูกน้องคนที่ว่าอาจถูกส่งตัวมาจากตระกูลเฉิง เพื่อลอบเร้นเข้ามากำจัดท่านแม่ของนางทิ้งก็เป็นได้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานนี้จะถูกต้องหรือไม่ ยังไงเซียถงก็ต้องเข้าตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน
“แล้วตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องคนที่ว่าอยู่ในจวนรึเปล่า?”
เซียถงครุ่นไตร่ตรองชั่วครู่ หันมาเอ่ยถามอิ๋งเอ๋อร์ประโยคหนึ่ง
“ไม่อยู่เจ้าค่ะ แต่เขามักจะมาดื่มชากับฮูหยินรองเฉิงที่สวนหลังจวนทุกบ่าย นี่ก็บ่ายแล้วเช่นกัน เขาน่าจะกำลังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
อิ๋งเอ๋อร์เงยหน้ามองฟ้าพลางกล่าวตอบ
“ดี เช่นนั้นข้าจะไปพบเขา”
ประกายแสงจางๆ ส่องสว่างผ่านดวงตาเซียถง นางหมุนตัวกลับ มุ่งหน้าไปยังสวนหลังจวนโดยตรง
ณ สวมหลังจวนเสนาบดีเซี่ย สถานที่แห่งนี้มิได้ใหญ่โตนัก แต่รูปแบบการตกแต่งค่อนข้างสวยงาม มีสวนหินและกอไผ่เขียว ประดับประดาสวนบุปผาขนาดย่อมอยู่ล้อมรอบ เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวที่หรูหราแห่งหนึ่ง ภายในศาลาหินอ่อน ที่นั่งด้านหนึ่งมีเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่กำลังนั่งประคองร่างฮูหยินรองเฉิงที่อาการสาหัส โดยมีชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้พวกนาง ทอดสายตาเชยชมทิวทัศน์ภายในสวนหลังจวนแห่งนี้อย่างสบายอารมณ์
“ท่านพี่ ตอนนี้ต้องรีบลงมือแล้ว นังอัปลักษณ์เซียถงมันเกือบจะสังหารข้าทิ้งอยู่หลายรอบ กระทั่งตอนนี้สามีของข้าก็ยังไม่กล้ายั่วยุหาเรื่องนางแล้ว จะมีก็เพียงท่านที่เป็นความหวังสุดท้าย!”
บริเวณลำตัวของฮูหยินรองเฉินถูกห่อผ้าแพรสีขาว ซึ่งไปตรงกับส่วนกระดูกชายโครงที่เพิ่งโดนเซียถงประเคนลูกเตะไปหมาดๆ มือข้างหนึ่งกุมถือผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาอยู่ตลอดเวลา โดยมีเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่คอยพยุงหัวไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้ ดวงตาเห่อบวมแดงก่ำ ดูน่าสงสารจับใจ
“หุหุ น้องข้า ในเมื่อเจ้าเรียกข้าเป็นดั่งพี่น้อง เช่นนั้น ข้าย่อมต้องยืนหยัดช่วยเหลือแน่นอน”
ชายคนนั้นหันกลับมา ปรากฏใบหน้าชั่วร้ายพร้อมกับพัดคลี่สีขาวในมือ ซึ่งเขาคนนี้ก็มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก ชายที่ปะทะกับเซียถงตรงหน้าแผงร้านอาหารข้างทางตรงประตูเข้าเมือง ถึงจะเอ่ยกล่าวออกไปแบบนั้น แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่เรือนร่างของเซี่ยเสวี่ยเหลียนข้างฮูหยินรองเฉิงอย่างหวานฉ่ำหยาดเยิ้ม
เซี่ยเสวี่ยเหลียนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก ดั่งว่าตนเองถูกสายตาอีกฝ่ายเข้าคุกคาม จึงหันศีรษะเบี่ยงหนีหลีกเลี่ยงออกไป
“แล้วเมื่อใดกัน? หรือจะปล่อยให้นังนั่นฆ่าข้าตายก่อนกระมัง?”
ฮูหยินรองเฉิงสบถสวนตอบทันที นางในเวลานี้ชักจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เมื่อถึงเวลาอันสมควร ข้าจะลงมือจัดการมันแน่นอน ไม่ว่ามันผู้ใดที่กล้าทำร้ายเหลียนเอ๋อร์ของข้า ข้าย่อมไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่”
ชายผู้นี้มีนามว่า หวานหลีซุน เขาหันมาส่งยิ้มให้เซี่ยเสวี่ยเหลียน แลสังเกตเห็น เรียวมือสีขาวผ่องของนางกำลังจับประคองหัวไหล่ของฮูหยินรองเฉิงอยู่ จึงฉวยจังหวะนี้ วางมือทับลงบนนั้นอีกทีหนึ่ง มือของทั้งสองเข้าสัมผัสกันโดยตรง
สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยเสวี่ยเหลียนพลันแปรเปลี่ยนกะทันหัน นางรีบชักมือดึงออกมาจากจุดนั้นทันที รู้สึกขยะแขยงในตัวหวานหลีซุนเสียเหลือเกิน นางกล่าวขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจขึ้นว่า
“ท่านลุง โปรดเอามือออกไป!”