ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 358 หวานหลีซุน (2)
ตอนที่358 หวานหลีซุน (2)
ตอนที่358 หวานหลีซุน (2)
“เหลียนเอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าอันใดรึ?”
ฮูหยินรองเฉิงหันศีรษะมองสบแววประหลาดใจ ตอนที่หวานหลีซุนวางมือประกบกับมือของเซี่ยเสวี่ยเหลียน นางไม่ทันเห็น จะเห็นก็เพียงมือของหวานหลีซุนที่วางอยู่บนหัวไหล่ตนเท่านั้น จึงหันไปขมวดคิ้วดุใส่
“ฮ่าฮ่า นางยังเด็กไม่รู้ประสีประสา อย่าไปดุนางเลยน้องข้า”
หวานหลีซุนคลี่ยิ้มบาง พลางชักมือตัวเองเก็บกลับ ถึงแบบนั้น สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เซี่ยเสวี่ยเหลียนอย่างไม่มีลดละ
ฮูหยินรองเฉิงคล้ายสัมผัสถึงกลิ่นพิกลผิดแปลกที่ก่อเกิด เหลียวหน้าหันมองไปทางเซี่ยเสวี่ยเหลียนทีหนึ่ง ตัดสลับหาหวานหลีซุนอีกทีหนึ่ง จ้องแบบนี้กลับไปกลับมาระหว่างทั้งสองอยู่หลายรอบ ราวกับเริ่มรู้ถึงอะไรบางอย่าง นัยน์ตาสั่นไสวสักครู่แล้วค่อยเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าลงไปก่อนเถอะ ข้าขอคุยกับลท่านพี่หลานก่อนสักครู่”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนที่ไม่ค่อยรู้สึกสบายใจนักต่อสายตาที่จับจ้องเข้าหาของหวานหลีซุนเป็นทุนเดิม พอได้ยินฮูหยินรองเฉิงกล่าวดังนั้น จึงหมุนตัวหนัรีบเดินลงศาลาไปโดยไว แต่ก่อนลาจาก นางยังชำเลืองหางตามองค้อนใส่อีกฝ่ายทิ้งท้าย ทางด้านหวานหลีซุนหาได้มีน้ำโห หรือทีท่าหงุดหงิดใดๆ ต่อนาง แต่ก็ยังจับจ้องแผ่นหลังของนางที่เดินจากออกไป ลูกตาทอประกายสีดำจัด เผยแววสกปรกมากตัณหาขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ท่องยุทธภพมาหลายปี เขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่งดงามเท่าเซี่ยเสวียเหลียนมาก่อนสักครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางยังเป็นแค่หญิงสาววัยแรกรุ่น ที่เรือนร่างยังบอบบางไร้ราคีตำหนิใดๆ เวลาได้เห็นอีกฝ่ายปั้นหน้าบูดบึ้งไม่พอใจใส่ สิ่งนี้กลับทำให้เขาใจเต้นรัวทุกครั้งไป
พอเซี่ยเสวี่ยเหลียนจากออกไป ฮูหยินรองเฉิงก็เอนกายเอื้อมไปหยิบถ้วยชาและกาบนโต๊ะอย่างยากลำบาก ส่งให้หวานหลีซุนถ้วยหนึ่งพร้อมรินให้ และจู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นว่า
“พี่หวาน ท่านไม่ควรคิดไม่ซื่อเฉกเช่นนี้กับลูกสาวข้า จะสนใจใครก็ได้ในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ แต่ลูกสาวข้ากลับเป็นข้อยกเว้น”
“โอ้? เช่นนั้น…ขอเป็นเจ้าแทนได้หรือไม่?”
หวานหลีซุนถอดถอนสายตาออกจากเซี่ยเสวี่ยเหลียน เปลี่ยนชำเลืองมาทางฮูหยินรองเฉิงแทน ขณะเดียวกัน เขาก็เอื้อมมือของตนออกไป ทว่าแทนที่จะคว้าจับถ้วยชา แต่กลายเป็นว่าแตะสัมผัสกับมือของฮูหยินรองเฉิง ใบหน้าหล่อเหลาตามวัยชายกลางคนเริ่มดูกระหายต้องการ ค่อยๆ เปิดเผยสายตาดั่งไฟสวาทลุกโชน
“อย่าสิ! เอามือออกไป! หากสามีข้ามาเห็นเข้าคงจะไม่ดี…”
ฮูหยินรองเฉินทำท่าสะบัดสะบิ้งปฏิเสธ พยายามแกะมือของอีกฝ่ายทิ้งไปพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
หวานหลีซุนคลี่ยิ้มทรงเสน่ห์มอบให้ จากนั้นก็เปลี่ยนไปหยิบถ้วยชาจากมืออีกฝ่ายขึ้นริมจิบเบาๆ ทีหนึ่ง วางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง พลางคลี่พัดในมือขึ้นโบกเบาๆ กล่าวว่า
“มิใช่เจ้ารึที่บอกว่า เซียถงมีใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียด แล้วไฉนบรรดาชายหนุ่มพวกนั้นที่แห่แหนกันมารอหน้าจว นถึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นางคือสตรีงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง?”
“นังนั่นหน้าตาอัปลักษณ์แทบอยากอาเจียนจริงๆ และแทบทุกคนในตงหลี่ล้วนทราบกระจ่างแจ้งดีเยี่ยม แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่า พวกคนข้างนอกนั่นมันคลั่งไคล้อะไรนักหนา?”
พอได้ยินเรื่องนี้ ฮูหยินรองเฉิงก็ปั้นหน้าบูดบึ้งอารมร์เสียขึ้นทันใด ตอนแรกที่เห็น บรรดาคุณชายเหล่านั้นแห่สมบัติเป็นกองพะเนินเรียงแถวเข้ามาเพื่อขอแต่งงาน นางก็คิดไปว่า คนพวกนี้มีเป้าหมายมาสู่ขอบุตรสาวของตนแน่นอน จึงรีบเรียกเซี่ยเสวี่ยเหลียนให้แต่งหน้าแต่งตัว ออกมารับแขกโดยไว แต่ที่ไหนได้ กลุ่มคุณชายพวกนี้กลับมิได้สนใจนางเลยสักนิด เอาแต่ตะโกนเรียกชื่อ เซียถง ไม่หยุดหย่อน
ยิ่งได้เห็นของขวัญหมั้นหมายกองเป็นภูเขามหาสมบัติที่คุณชายเหล่านี้ขนกันมา นางกับเซี่ยเสวียเหลียนถึงกับอิจฉาตาร้อนอย่างแรง หมายที่จะฮุบของขวัญหมั้นหมายเหล่านั้นเก็บไว้ทันที พวกนางรีบปรี่ออกมายอมรับข้อเสนอของพวกคุณชายเหล่านั้นโดยไว ทว่าเซี่ยอี้เฉิงกลับออกมาห้ามปรามเอาไว้ โดยบอกว่า นี่เป็นงานแต่งงานของเซียถง ทางที่ดีก็ควรปรึกษาหารือกับเจ้าตัวเองเสียก่อน และสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจปิดประตูจวนไม่เปิดรับใครทั้งสิ้น รวมไปถึงกองภูเขามหาสมบัติเหล่านั้นล้วนปฏิเสธไม่รับใดๆ ไว้แม้แต่ชิ้นเดียว ซึ่งนี่ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดโดยแท้
“วันนี้ข้าเองก็เห็นนางแล้ว ถึงจะสวมผ้าคลุมสีขาวเอาไว้ แต่ก็มิอาจปกปิดความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในได้เลย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกสงสัย ตกลงแล้วนางมีใบหน้าอัปลักษณ์จริงๆ งั้นรึ?”
หวานหลีซุนเอ่ยถามย้ำซ้ำสองรอบด้วยความสงสัย
“หากนางสวยปานเทพธิดาจริงๆ แล้วไฉนยังต้องสวมผ้าคลุมหน้าอีก? หาใช่เพราะจำต้องปกปิดความอัปลักษณ์เอาไว้หรอกรึ?”
ฮูหยินรองเฉิงตะคอกสวนกลับทันที สีหน้าท่าทีเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ
หวานหลีซุนยิ้มหวาน ตอบกลับไปว่า
“ไม่ว่าจะสวยปานใด แต่ในความคิดเห็นของข้าก็ไม่เทียบเท่าเหลียนเอ๋อร์ ฉายาสตรีรูปงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง สมควรอยู่ในมือของเหลียนเอ๋อร์มากกว่า”
พอได้ยินหวานหลีซุนกล่าวชื่นชมดังนั้น เพลิงโทสะในใจของฮูหยินรองเฉิงก็ลดทอนลงหนึ่งส่วน ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวแปรเปลี่ยนเป็นความสุข นางค่อยๆ เอนตัวเข้าสนิทชิดข้างหูอีกฝ่าย เอ่ยกระซิบเสียงแผ่วอ่อนว่า
“แล้วท่านจัดการนางทิ้งไปแล้วรึยัง? แม่ของนังนั่นตายแล้วใช่ไหม?”
หวานหลีซุนส่ายหัว ขณะกำลังจะปริปากเอ่ยตอบ ทันใดนั้นสีหน้าการแสดงออกของเขาพลันเย็นเยียบลงฉับพลัน เคลื่อนสายตาขยับวูบไปทางกอป่าไผ่ฝั่งขวามือ พัดคลี่ในมือถูกสะบัดยิงออกไปด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า พุ่งเข้าใส่สักแห่งหนหนึ่งท่ามกลางกอป่าไผ่ตรงนั้น เงาไผ่พลิ้วไสวสั่นเครือ ปรากฏเงาสีขาวกระโจนออกมาจากด้านใน ยืนตระหง่านอยู่นอกศาลาหินอ่อนประมาณสามก้าว
พัดคลี่ที่หมุนติ้วทะลวงกอป่าไผ่ บินนย้อนกลับเข้ามือหวานหลีซุนอีกครั้ง เขาถึงกับเลิกคิ้วมองหญิงสาวในชุดขาวเบื้องหน้าที่ยืนนอกศาลาเจือแววอัศจรรย์ใจ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลบการโจมตีจากพัดในมือเขาได้ ทว่าเซียถงนางนี้กลับเลี่ยงหลบได้อย่างง่ายดาย ดูท่า สมญานามอันดับหนึ่งแห่งงานประลองสี่จักรวรรดิจะหาใช่ของปลอมเลยไม่
“ฮูหยินรองเฉิงมีท่าทีสนิทสนมกับชายแปลกหน้ามากเป็นพิเศษ เกรงว่ากำลังสวมเขาให้เซี่ยอี้เฉิงอยู่กระมัง? หรือสวมให้นานแล้วกันแน่?”
เซียถงกวาดสายตามองหวานหลีซุนคนนั้น ตัดสลับกับฮูหยินรองเฉิงไปมาอยู่รอบกว่า เดิมทีตั้งใจจะลอบเข้ามาดักฟังบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ จึงย่องเบาลอบเข้ามาดักฟังอยู่ในกอป่าไผ่ ทว่าเพิ่งจะย่างเท้าก้าวเข้ามาได้ไม่นาน นางก็ดันถูกหวานหลีซุนพบตัวเข้าเสียแล้ว
“เซียถง! อย่ามาพูดไร้สาระ! คิดจะใส่ร้ายเรื่องโสโครกให้ข้างั้นรึ?! พฤติกรรมของเจ้าช่างน่ารังเกียจสิ้นดี!”
ฮูหยินรองเฉิงหน้าถอดสีกะทันหัน ทั้งโกรธทั้งตกใจในเวลาเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงถลึงตาใส่ กัดฟันกรอดกับตัวเองในใจ หากมิใช่เพราะทักษะการต่อสู้อันเลิศล้ำของเซียถง ปานนี้นางคงจะฉีกปากของมันให้แหกไปนานแล้ว
“ฮูหยินรองเฉิง กลับเป็นตัวท่านเองที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับชายคนนี้มันไปถึงขั้นไหน สุดแท้หาแต่ใครอื่นจะทราบได้ ซึ่งข้าเองก็มิได้สนใจด้วย แต่ว่า…”
เป้าหมายหลักของเซียถงในเวลานี้คือ ตามหาเบาะแสการหายตัวไปของท่านแม่ ดังนั้นไม่ว่าจะต้องหยิบใช้วิธีใดเพื่อรีดเค้น นางย่อมทำได้ไม่มีเกี่ยง เว้นจังหวะไปหนึ่งช่องไฟ นางแสยะยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม กล่าวต่อว่า
“หากเซี่ยอี้เฉิงรู้เข้า เป็นไปได้ไหมว่า…ฮูหยินรองเฉิงอาจถูกขับไล่ออกจากจวนแห่งนี้ทันที?”