ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 359 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (1)
ตอนที่359 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (1)
ตอนที่359 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (1)
เซียถงทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ หากมีใครสักคนกล่าวว่า ระหว่างสองคนนี้มิได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอันใดข้องเกี่ยวกัน เพียงภาพฉากเมื่อครู่ที่สองคนนั้นชิดใกล้ นางกล้าใช้หัวเป็นประกัน ระหว่างชายผู้นี้กับฮูหยินรองเฉิงจะต้องมีสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่คลุมเครือไม่ชัดเจน และการหายตัวไปของท่านแม่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสองคนนี้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะกับชายคนนี้ที่เคยพบเจอก่อนหน้าตรงร้านอาหารริมทางเข้าเมือง นี่แหละผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง
“เซียถง เลิกพล่ามไร้สาระเสีย! หวานหลีซุนคนนี้ดเป็นลูกพี่ลูกน้องข้าจากแดนไกล ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะสนิทชิดเชื้อ หรือเจ้าคิดว่า ข้าผู้นี้เป็นเหมือนกับนังผีที่ขี้โรคแบบแม่เจ้าห่ะ? ที่ไม่มีใครนับญาติกับมันสักคน!”
อาศัยหวานหลีซุนคอยปกป้องอยู่เคียงข้าง ฮูหยินรองเฉิงไม่จำต้องเกรงกลัวเซียถงอีกต่อไป นางลุกขึ้นยืน ยกมือเท้าสะเอวชี้ด่ากราดอีกฝ่ายอย่างหาญกล้า
“หื้ม? ฮูหยินรองเฉิง คิดว่าเขาคนนี้จะสามารถปกป้องเศษชีวิตของท่านที่เหลืออยู่ได้สักกี่น้ำ? สมแล้วที่เป็นพวกขี้แพ้อ่อนแอ”
เซียถงชำเลืองมองหวานหลีซุนที่ยืนคุมอยู่สถานการณ์อยู่ด้านข้างฮูหยินรองเฉิง พลางยกมือโบกพัดรับลมอย่างสบายใจ ทว่าอีกฝ่ายเองก็มองมาทางนี้เช่นกัน สายตาอีกฝ่ายช่างสกปรกโสโครกไม่แปรเปลี่ยน ราวกับกำลังสำรวจเรือนร่างไร้ที่ติของนางภายใต้เครื่องนุ่งห่ม
ยิ่งเห็นว่าหวานหลีซุนคนนี้ เป็นคนเดียวกับที่นางเคยเห็นหน้าร้านอาหารริมทางเข้าเมืองมาก่อน เซียถงก็ยิ่งมั่นใจว่า เรื่องการหายตัวไปของท่านแม้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน ตอนที่อีกฝ่ายนยืนมองอยู่ตรงร้านอาหารริมทาง ขณะลอบโจมตีก่อสงครามเย็นขนาดย่อมกัน เซียถงพึงตระหนักชัดว่า ระดับชั้นลมปราณของอีกฝ่ายแกร่งกร้าวปานใด และหากต้องสัประยุทธ์ต่อสู้กันจริงๆ ก็ยากที่จะทราบผลแพ้ชนะ ดังนั้น นางจึงไม่ต้องการเปิดศึกกับอีกฝ่ายสุ่มสี่สุ่มห้าโดยใช่เหตุ
ประกายตาของหวานหลี่ซุนที่ส่องสะท้อนผ่านออกมา เซียถงสัมผัสได้ถึงความสกปรกโสมมชัดเจน บุคคลเช่นนี้เป็นพวกเสือผู้หญิงไม่ผิดเพี้ยน ปล่อยให้อีกฝ่ายมองมาอยู่ฝ่ายเดียวเกรงว่ามิใช่เรื่องดี เช่นนั้นแล้ว นางจึงหันหลังเดินจากออกไป เพราะตาคู่นั้นของเขาทำเอานางรู้สึกขนลุกซู่วไปทั่วร่างอย่างแท้จริง
“เซียถง! เจ้ารู้หรือไม่ หลังจากที่แม่ของเจ้าหายตัวไป ข้ามีความสุขปานใด! ในที่สุดก็กำจัดเสียนหนามดวงตาออกไปได้เสียที ข้าน่ะรำคาญนังนั่นมาหลายปีแล้ว ในที่สุดตอนนี้สายตาของเขาก็ใสสะอาดขึ้นมาก! ฮ่าฮ่าฮ่า! แน่จริงก็เข้ามานังอัปลักษณ์! ไอ้เศษสวะ!”
เมื่อเห็นว่าเซียถงกำลังเดินจากไป เพราะเกรงกลัวในความแข็งแกร่งของหลานหลีซุน ฮูหยินรองเฉิงก็ยิ่งฮึกเหิมลำพองใจ ระเบิดเสียงหัวเราะเยาะลั่น ยิ้มเยาะกล่าวกระตุ้นโทสะต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
ตราบใดที่เซียถงชิงลงมือก่อน หวานหลีซุนก็จะออกโรงปกป้องนางทันที และเมื่อทั้งคู่ต้องสัประยุทธ์ต่อสู้กัน นั่นก็ถือคราวชะตาชีวิตของเซียถงที่ต้องขาดสะบั้นลง! ถึงตอนนั้นนางก็จะได้ระบายความเคียดแค้นภายในใจลงได้เสียที
เซียถงยังคงเดินต่อไปโดยไม่แยแสใดๆ มีหรือที่นางจะไม่ทราบถึงกลอุบายน้ำตื้นเช่นนี้ของฮูหยินรองเฉิง? ก่อนที่จะลงมือสัประยุทธ์กับหวานหลีซุน นางจำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่า ท่านแม่ของนางอยู่ที่ไหน มิฉะนั้นงูอาจแตกตื่นจนหนีไปได้
“นังเซียถง แม่ขี้โรคของเจ้าจู่ๆ ก็หายหัวไปไหนไม่รู้ หากให้เดาคงแอบหนีไปกับพวกคนป่า แล้วบางที…เจ้าอาจไม่ใช่บุตรสาวของท่านพี่เซี่ย แต่เป็นลูกที่แม่ของเจ้าแอบเล่นชู้กับคนป่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฮูหยินรองเฉิงยังคงพ่นวาจาดูถูกดูแคลนต่อเนื่องไม่มีหยุด
หวานหลีชุนยืนนิ่งอยู่ในศาลา เฝ้ามองแผ่นหลังของเซียถงที่กำลังไกลห่าง ดวงตาดูซุกซนเผยแววอยากรู้อยากเห็นอยู่เปี่ยมล้น เรือนร่างที่สง่างดงามไร้ที่ติปานนี้ รวมไปถึงอากัปกิริยาที่ดูเย็นชาและอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะดูยังไง อิสตรีนางนี้ก็ไม่มีทางที่โฉมหน้าจะอัปลักษณ์ได้เลย?
เมื่อได้ยินคำดูถูกถากถางของฮูหยินรองเฉิน เซียถงพลันชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากสีอมชมพูของนางกระตุกยิ้มขึ้นเบาๆ ฮูหยินรองเฉิง นางคิดจริงๆ รึว่า คนที่ตนเรียกว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะยอมปกป้องนางกับลูกสาวทุกอย่างโดยปราศจากเงื่อนไข? หากคิดได้แค่นี้จริงๆ นางก็ไร้เดียงสาเกินไป
“นังเซียถง! บางทีแม่ของเจ้าอาจเล่นคุณไสยอะไรบางอย่าง ถึงทำให้ท่านพี่เซี่ยหลงหัวปักหัวปำปานนี้ ทั้งหมดก็เพื่อให้ท่านพี่เซี่ยยอมรับลูกชู้อย่างเจ้ามาเป็นลูกของเขา! ข้าเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน ก่อนที่แม่ของเจ้าจะแต่งงานกับท่านพี่เซี่ย นางเคยได้กับคนป่าบนภูเขามาแล้ว! จึงเกิดมาเป็นลูกชู้แบบเจ้าไง! ฮ่าฮ่า! เจ้ามันก็แค่ลูกคนป่าไร้การศึกษา! อย่ามาเข้าใกล้ข้าอีกล่ะ ขยะแขยง!”
เซียถงมิได้รู้สึกใดๆ เลยกับคำพูดทำร้ายจิตใจเหล่านี้ที่ฮูหยินรองเฉิงพ่นออกมา เพียงเหลือบสายตาเหลียวมองอีกฝ่ายเล็กน้อยอย่างเย็นชา พลางค้นพบ ใบหน้าที่สุดแสนจะภาคภูมิใจของฮูหยินรองเฉิง เพราะตอนนี้นางมีญาติลูกพี่ลูกน้องของตนค่อยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และไม่จำเป็นต้องกลัวเกรงใครผู้ใดอีกต่อไป หรืออาจคิดจินตนาการไปไกลกว่านั้น อย่างการหยิบยืมความแข็งแกร่งของลูกี่ลูกน้องคนนี้ เพื่อกำจัดเซียถงและแม่ของเซียถงทิ้งไปจากชีวิตถาวร…
พัดในมือหวานหลีซุนสั่นไสวแผ่วเบา สีหน้าการแสดงออกของเขาในยามนี้เสมือนหมอกหนาสีดำลงต่ำดูน่าหวาดกลัว ภายในใจหวังให้เซียถงทนไม่ไหวและเริ่มลงมือสักที เพื่อที่จะเสาะหาเหตุผลให้เขาเคลื่อนไหวจัดการ และฉวยโอกาสนี้กระชากผ้าคลุมใบหน้าที่แสนจะคาใจผืนนั้นออก
ยามนี้ฮูหยินรองเฉิงเอาแต่ระเบิดหัวเราะเยาะลำพองใจยิ่งแล้ว ร่องรอยความชั่วร้ายเปรอะเปื้อนอยู่เต็มดวงตาของนาง แลเห็นเซียถงทำได้เพียงแลเหลียวมอง นางยิ่งได้ใจขึ้นไปใหญ่ แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม พ่นวาจาดูถูกดูแคลนต่อทันทีว่า
“เซียถง แกนี่มันโชคดีจริงๆ ที่เกิดมาอัปลักษณ์น่าเกลียด ก็เลยไม่มีชายใดสนใจจับเจ้าไปทำเมีย ไม่เหมือนกับแม่ของเจ้าที่เที่ยวไปได้กับคนป่าไม่ต่างจากส้วมสาธารณะ! โดนล่อลวงไปทั่วทุกแห่งหน! หากเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป เกรงว่าต้องถึงคราวจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
ได้ยินประโยคนี้ เซียถงเริ่มชะลอฝีเท้าช้าลงอีกครั้ง มุมปากกระตุกยิ้มแสยะน่ากลัว สีหน้าการแสดงออกภายใต้ผ้าคลุมยิ่งทวีความเย็นจัดลงเรื่อยๆ เข็มเงินทั้งสามเล่มค่อยๆ เลื่อนผ่านจากใต้แขนเสื้อลงมายังง่ามนิ้วกระชับพร้อม แต่นางยังมิได้เคลื่อนไหวทันที แต่ยังถงสืบเท้าเดินหน้าต่อไป
แลเห็นเซียถงไม่ยอมทำอะไรเสียทีภายใต้คำถมถุยดูถูกของฮูหยินรองเฉิง หวานหลีซุนก็มั่นใจว่า อีกฝ่ายไม่กล้าเคลื่อนไหวทำอะไรแล้วจริงๆ จึงสะบัดแขนเสื้อตบพัดในมือเข้าเก็บ ละความสนใจทั้งหมดออกจากภาพฉากเบื้องหน้า และหันมานั่งในศาลาดื่มชมอย่างสบายจิต
ชั่วขณะที่เขาก้มศีรษะดื่มชา เซียถงฉวยโอกาสนี้สะบัดข้อมือขวาออกไปทันที เข็มเงินทั้งสามเล่มถูกยิงออกมาประดุจสายฟ้า พุ่งเสียบใส่ร่างกายของฮูหยินรองเฉิงอย่างเงียบงันไม่มีฝ่ายรู้ตัว ขณะที่กำลังจะปริปากถ่มถุยต่อ จู่ๆ ฮูหยินรองเฉิงกพลันรู้สึกแสบคันอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งร่าง เสมือนโดนมดคันไฟนับหมื่นตัวรุมแทะ แม้ต้องการจะเอื้อมมือไปเกามากปานใด ทว่ามือไม้กลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้สักนิด กระทั่งอยากจะอ้าปากส่งเสียงร้องยังไม่มีปัญหา
เซียถงเดินออกจากสวนหลังจวน ก็เห็นอิ๋งเอ๋อร์ยืนซุ้มอยู่แถวนั้น นางโบกมือเรียกไปทีหนึ่ง และกล่าวว่า
“หาวิธีหลอกล่อให้เซี่ยอี้เฉิงเข้าไปในสวนหลังจวน เดี๋ยวนี้เลย”
“เจ้าค่ะ?”
อิ๋งเอ๋อร์เหม่อมองเซียถงที่เดินจากออกไปด้วยความสงสัย แต่หากใครสังเกตให้ดี จะค้นพบรอยยิ้มเย้ยเยาะผุดขึ้นจากมุมปาก
หวานหลีซุนยังคงนั่งดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้เลยว่า ฮูหยินรองเฉินโดนเซียถงวางยาพิษเอาไว้เรียบร้อย จะเห็นก็แค่ภาพฉากที่นางเดินพ้นปลายสายตาของเขาไป ส่วนฮูหยินเฉิงก็ยืนเงียบตั้งแต่เมื่อครู่ แล้วไม่พูดอะไรสักคำ คงกำลังใช้สมาธิครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ว่า จะหาแผนจัดการอย่างไรกับเซียถงกระมัง? คล้อยหลังริมจิบชาจนหมดถ้วย เขาก็หันไปกล่าวกับฮูหยินรองเฉิงที่อยู่ด้านหลังว่า
“ข้าดื่มชาเสร็จแล้ว หากมีอะไรก็ค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเตรียมเดินจากไปอีกฝากของศาลา เพราะเขายังมีสิ่งที่ต้องทำบางอย่าง
ในเวลานี้ ทั่วทั้งร่างกายของฮูหยินรองเฉิงเจ็บปวดทรมานเกินทานทนได้ไหวแล้ว เฉพาะช่วงเวลานี้เสียเท่านั้น ที่นางได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ทรมานยิ่งกว่าความตาย นางหวังแค่เพียงหวานหลีซุนจะลุกขึ้นช่วยเหลือ แต่ที่ไหนได้กลับมีเพียงบอกลาที่ดังออกมา สิ่งนี้ยิ่งไปกระตุ้นความอาฆาตแค้นให้จุกล้นเป็นหลายทวีเท่า จนท้ายที่สุด เสมือนว่าขีดจำกัดของร่างกายทนไม่ไหว ฮูหยินรองเฉิงกระอักเลือดสดออกมาคำโตดังพรวด ทำให้หลานหลีซุนที่กำลังเดินจากไปได้ยินเข้า แวบแรกเขารู้สึกถึงความผิดปกติในทันใด รีบวิ่งมาดูอาการโดยไว ก่อนจะพบว่านางตัวแข็งทื่อและเย็นราวกับน้ำแข็ง ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ด้วยความจกใจ เขาร้องอุทานขึ้นคำหนึ่งว่า
“เจ้าเป็นอะไรไป?!”
ฮูหยินรองเฉิงไม่สามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้สักคำ ทำได้เพียงจับจ้องอีกฝ่ายทั้งน้ำตา