ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 360 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (2)
ตอนที่360 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (2)
ตอนที่360 เซี่ยอี้เฉิงโดนสวมเขา (2)
“เจ้าถูกสาวน้อยนางนั้นลอบโจมตีรึ?”
เสี้ยวแวบแรกหวานหลีซวนหวนนึกถึง คมเข็มเงินทั้งสามเล่มในครานั้น ที่เซียถงลอบโจมตีใส่ตนในหน้าร้านอาหารริมทาง รีบคลำหาสิ่งดังกล่าวตามร่างกายของฮูหยินรองเฉิงอย่างละเอียดทุกซอกมุม ควานหาเข็มเงินที่ว่านั่นใจจดใจจ่อ
แต่อย่างไร เข็มเงินของเซียถงมีขนาดเล็กจิ๋วมาก มันถูกปักเข้าไปในเนื้อหนังชั้นใน เว้นเสียแต่เป็นนักหลอมโอสถมากประสบการณ์เจนจัดระดับหนึ่ง ก็นับเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะควานหาสำหรับคนธรรมดาทั่วไป คล้อยหลังที่ใช้มือคลำหาบนเรือนร่างของฮูหยินเฉิงสักครู่ใหญ่ หวานหลีซุนก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวเข็มเงินได้เลยกระทั่งร่องรอยใดๆ พวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันในสวนหลังจวนเป็นเวลาค่อนข้างนาน เวลาผ่านล่วงเลยไป ในที่สุดเขาก็หาเจอแล้วจุดหนึ่ง
บริเวณดังกล่าวที่โดนเข็มเงินเสียบปัก เป็นส่วนกระดูกไหปลาร้า หวานหลีซุนใส่สองนิ้วจีบคีบและค่อยๆ ดึงเข็มเงินเล่มนั้นถอนออกมา ฮูหยินรองเฉิงกรีดร้องลั่นออกมาทันทีว่า
“พี่หวาน! ช่วยด้วย! ข้าคันไปทั่วร่างหมดแล้ว!”
“อย่าได้กังวลไป เพียงถอนเข็มเงินเหล่านี้ออกมาให้หมดก็เพียงพอแล้ว”
ผ่านไปอีกสักครู่หนึ่ง หวานหลีซุนก็ถอนคมเข็มเงินเล่มที่สองออกมาได้สำเร็จ ใช้สองนิ้วบีบตัวเข็มและบิดออกเบาๆ เท่านี้ก็เสร็จสิ้น และเมื่อคมเข็มเงินเล่มที่สองถอนออกมา อาการคันทั้งหมดบนร่างกายของฮูหยินรองเฉิงก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที จะมีก็เพียงความระคายตัวแปลกๆ แต่นี่หาใช่นัยสำคัญใดๆ ต้องใส่ใจ
แต่ทันใดนั้นเอง หวานหลีซุนที่กำลังลูบคลำหาเข็มเล่มสุดท้าย จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดแปลกออกไป ฮูหยินรองเฉิงเนื้อตัวสั่นเทาไปทั่วเรือนร่างไร้สาเหตุ มีเรียวมือข้างหนึ่งของนางเอื้อมเข้าโอบรัดศีรษะของหวานหลีซุนดึงชิดใกล้ สายตาที่ปริ่มมองดูเปรมสุขสันและนุ่มนวล เค้นเสียงร้องกระเส่าเร้าร้อนแผดดังขึ้นว่า
“ท่านพี่หวาน~”
หนึ่งวาจาร้องเรียกฟังดูหวานฉ่ำแสนไกลนับพันหมื่นลี้ หวานหลีซุนได้ยินดังนั้นถึงกับหัวใจเต้นแรกเกินควบคุม กดสายตาจับจ้องใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาวที่กำลังโอบกอดศีรษะของตน สายตายามนี้เริ่มซุกซนกวาดมองไปทั่วเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างมีนัย น้ำเสียงสั่นเครือเริ่มไม่สงบจิต แต่ชั่วอึดใจก็ยังพยายามฝืนสติเอ่ยทักทามขึ้นว่า
“น้องเฉิง ข้าว่าเจ้าหน้าแดงแล้ว”
ฮูหยินรองเฉินไม่พูดพล่ำ ผลักร่างอีกฝ่ายจนหงายล้มไปกับพื้น ส่วนตนรีบคลายขึ้นคร่อมร่างอีกฝ่าย ใช้เรียวนิ้วล้วงลับไปใต้อกเสื้อของชายด้านล่างอย่างซุกซนแก่นแก้ว คลี่ยิ้มหวานละมุนกล่าวว่า
“ท่านพี่หวานไม่กล้า? หรือตรงนั้น…ของท่านไม่ขันเอาเสียแล้ว?”
หวานหลีซุนมิอาจยึดครองสติได้ไหวอีกต่อไป เขาหลงไปกับห้วงคารมเสน่ห์เย้าหยอกของนางเข้าอย่างจัง ปลุกกระตุ้นความปรารถนาเบื้องลึกในจิตใจให้ลุกฮือ แรงฮึดเพิ่มพูนเป็นทวี ใช้สองมือรวบจับบริเวณบั้นท้ายของฮูหยินรองเฉิง ทั้งบีบคลึงอย่างกระหายโหยหา แสยะยิ้มมากตัณหากสวนตอบไปว่า
“เช่นนั้นข้าจะแสดงทีเด็ดให้ดู!”
ฮูหยินรองเฉิงหัวเราะคิกคัก จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเผด็จศึกกันทันที ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงตะคอกดังลั่นแสนโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“นังบัดซบ! กล้าดีเยี่ยงไรมาเล่นชู้กับชายอื่นกลางที่สาธารณะเช่นนี้! ขอดูหน่อยว่า ข้าจะฆ่าเจ้าเยี่ยงไร!!”
ทั้งคู่สะดุ้งเฮือกตกใจ ฮูหยินรองเฉิงกวาดสายตาหันศีรษะขวับ พลันไปเป็นเซี่ยอี้เฉิงที่กำลังยืนมองอยู่หน้าทางเข้าสวน สีหน้ามืดทมิฬราวกับก้นหม้อไหม้เกรียม นางรีบลุกขึ้นพรวด ถอนตัวออกจากอ้อมแขนของหวานหลีซุนในทันใด และรีบกล่าวอธิบายอย่างร้อนใจยิ่งว่า
“ทะ-ท่านพี่! มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด! ไม่ใช่แบบนั้นเลย! ญาติของข้าคนนี้กำลังจะช่วยถอนเข็มพิษให้เสียเท่านั้น ทั้งหมด…ทั้งหมดเป็นฝีมือของนังบัดซบ เซียถง! มันพยายามวางแผนทำให้ข้าผิดใจกับท่าน!!”
ก่อนหน้านี้ เซี่ยอี้เฉิงได้ยินอิ๋งเอ๋อร์เรียกให้มาหาที่สวนหลังจวน โดยบอกว่าคุณหนูใหญ่กำลังตามตัว เขาจึงรีบปรี่มาที่สวนหลังจวนโดยไว แต่ใครจะไปคาดคิดว่า จะดันมาเจอภาพฉากอุจาดตาเช่นนี้แทน เพลิงความโกรธแค้นอาฆาตปลุกระดมขึ้นสมทรวงในใจทะลักล้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัวเกินบรรยาย
หวานหลีซุนชำเลืองมองเซี่ยอี้เฉิงอยู่ปราดหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปฉุดร่างของฮูหยินรองเฉิงเข้ามาโอบเอว ทำท่าทำทางกระชับกอดกันอย่างหวานชื่น และพูดจาดูแคลนขึ้นคำหนึ่งว่า
“หากนางนอกใจเจ้าแล้วอย่างไร? มีปัญญามาทำอะไรพวกข้า?”
“นี่พวกเจ้า… พวกเจ้า…”
ริมฝีปากหนากระเพื่อมไม่หยุด เซี่ยอี้เฉิงชี้หน้าใส่ทั้งคู่ด้วยความโกรธจัด อ้าปากกล่าวติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นภาษา ใจสั่นสะท้านเต้นถี่รัว ความโกรธที่สุมทรวงภายในกลางอกคล้ายเป็นพิษเข้าทำร้าย ชั่วขณะต่อมา เขาเป็นลมหมดสติไปฉับพลันเพราะความโกรธ
“ท่านพี่เซี่ย! ท่านพี่เซี่ย!!”
ฮูหยินรองเฉิงผลักร่างหวานหลีซุนออก และวิ่งเข้าไปประคองร่างเซี่ยอี้เฉิงโดยทันที เขย่าตัวอีกฝ่ายพยายามเรียกสติอยู่หลายที
“น้องเฉิง เขารู้เรื่องระหว่างเราเสียแล้ว เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไรต่อล่ะ? ปล่อยให้เขาตื่นขึ้นมาและฆ่าเจ้าทิ้ง?”
หวานหลีซุนตั้งคำถามข้อหนึ่งให้ฮูหยินรองเฉิงได้ฉุกคิด พลางเหลือบมองเซี่ยอี้เฉิงที่สลบในอ้อมแขนของนาง
“พี่หวาน นี่ท่านหมายความว่ายังไง…”
ฮูหยินรองเฉินมองย้อนหาอีกฝ่าย สีหน้าแววตาฉาบชโลมความหวาดผวาไปหมดแล้ว ในเวลานี้ ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างนางกับหวานหลีซุนได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าสายตาของเซี่ยอี้เฉิงเป็นที่เรียบร้อย หากปล่อยไว้ต่อไป เกรงว่าสถานการณ์ต้องเลวร้ายยิ่งขึ้นแน่นอนในอนาคต
“ฆ่ามันทิ้งซะ แล้วพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เสียที”
หวานหลีซุนขมวดคิ้วถักแน่น เผยสีหน้าน่าสยดสยองมืดครึ้มกล่าวตอบไป เพราะหลังจากที่ฆ่าเซี่ยอี้เฉิงทิ้งได้แล้ว เซี่ยเสวี่ยเหลียนจะไม่มีใครคอยปกป้องอีกต่อไป และนางจะได้กลายมาเป็นของเขาเสียที
“ไม่! ทำเช่นนั้นไม่ได้! เขาเป็นขุนนางของราชสำนัก หากเกิดตายขึ้นมากะทันหัน เกรงว่าฝ่าบาทจะต้องสั่งคนลงมาสืบเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว! ทั้งท่านและข้าไม่มีทางหนีรอดออกไปได้แน่นอน!”
ฮูหยินรองเฉิงส่ายหน้าสะบัดอย่างแรง ทั้งกลัวทั้งวิตกสุดขีด
หวานหลีซุนได้ยินดังนั้นก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เคลื่อนเข้าใกล้ตัวฮูหยินรองเฉิงและเอนตัวกระซิบกระซาบข้างหูอยู่สองสามประโยค จากนั้นก็ยื่นอะไรบางอย่างใส่มือของนางไว้ และถอนตัวออกห่างกลับมายืนตำแหน่งเดิม
ฮูหยินรองเฉิงลังเลอยู่ชั่วครู่ ตัดสลับชำเลืองมองไปทางเซี่ยอี้เฉิงที่กำลังหมดสติอยู่ ดวงตาคู่นั้นของนางค่อยๆ แข็งกระด้างดูโหดเหี้ยมขึ้นมาหลายส่วน พร้อมนำสิ่งๆ นั้นในมือยัดเข้าไปในกางเกงในของเซี่ยอี้เฉิง และลุกขึ้นตะโกนโหร้องเสียงดังลั่นว่า
“ใครก็ได้ช่วยด้วย! นายท่านหมดสติ! ช่วยด้วย!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของฮูหยินรองเฉิน บรรดาคนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยอี้เฉิงกลับเข้าไปในเรือนนอนทันทีภายใต้คำสั่งของนาง โดยมีหวานหลีซุนที่คอยตามติดอยู่ตลอดเช่นกัน
“คุณหนู เราควรออกไปช่วยนายท่านดีกว่าไหมเจ้าค่ะ?”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยปากถามขึ้นด้วความเป็นห่วง ในขณะนี้ทั้งนางและคุณหนูใหญ่ของนางกำลังดักซุ่มตัวอยู่ในกอป่าไผ่มุมหนึ่ง พอเห็นฮูหยินรองเฉิงกับชายคนนั้นกระซิบกระซาบวางแผนกันอย่างลับๆ นางเห็นดังนั้นก็บังเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา