ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 361 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (1)
ตอนที่361 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (1)
ตอนที่361 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (1)
“ไม่ต้องไปสนใจ พวกมีตาหามีแววไม่ ทั้งที่มีท่านแม่ข้าอยู่ทั้งคน ยังโง่ไปแต่งงานกับหญิงชนชั้นซ่องอย่างฮูหยินรองเฉิง”
เซียถงเม้มปากเบาๆ ทั้งที่เซี่ยอี้เฉิงมีศรีภรรยาที่เพียบพร้อมอย่างฮูหยินหลี่อยู่แล้ว แต่มันก็ยังตาต่ำไปหลงคารมคมคายของฮูหยินรองเฉิงเสียได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้คงปล่อยให้เป็นไปตามเส้นทางที่เลือกสรรกันเอง จะเรียกว่า กรรมสนองคงไม่ผิดเช่นกัน
ในปัจจุบันนางไม่มีเวลามากพอสนใจเรื่องพรรค์นี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการตามหาท่านแม่
ในช่วงบ่ายวัน เซียถงยืนเฝ้าอยู่นอกประตูจวนด้านหลังสักครู่ใหญ่ เนื่องจากตอนนี้ประตูด้านหน้าจวนถูกปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดโดยกลุ่มคุณชายทั้งหลายที่แห่มาสู่ขอแต่งงาน ดังนั้นแล้ว เวลาคนในจวนจะเข้าออกล้วนต้องใช้เส้นทางจากประตูด้านหลังแทน และนางก็กำลังยืนรอใครบางคนอยู่ เชื่อได้เลยว่า หลังจากนี้หวานหลี่ซุนจะต้องใช้ประตูในส่วนนี้เดินจากออกไป
เซียถงซุ่มอยู่แถวนั้นตลอดทั้งคืน จวบจนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในที่สุดหวานหลีซุนก็ปรากฏตัวออกมา อาศัยประตูด้านหลังเดินทางผ่านออกไป นางที่เห็นดังนั้นจึงรีบลอบติดตามเขาไปจากพิสัยไกล
ทั้งสองเดินเรียบตามเส้นทางถนนคนเดินภายในเมือง เซียถงสะกดรอยตามกันก้าวต่อก้าว ผ่านไปพักหนึ่ง จู่ๆ หวานหลีซุนก็ชะลอฝีเท้าลงกะทันหัน และเดินเลี้ยวเข้าไปในซอกหลืบแห่งหนึ่งในโค้งถนนสายลับตาคน แลเห็นเช่นนั้นนางพึงทราบทันที อีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว เช่นนั้นจึงยอมเปิดเผยตัวและเดินเลี้ยวเข้าไปในซอกหลืบตามติดเข้าไป
“หากคุณหนูเซียต้องการพบข้า ไยต้องสะกดรอยตามกันมาเฉกเช่นนี้? บอกกล่าวกันตามตรง แล้วข้าจะชวนไปดื่มชาดีๆ สักครา”
หวานหลีซุนยืนกอดแผ่นอกอยู่ต่อหน้าเซียถง คลี่ยิ้มแย้มเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง เขาพอจะสังเกตเห็นตั้งแต่เดินผ่านไปสองสามช่วงอาคารแล้ว พึงทราบว่าสาวน้อยนางนี้จะต้องมีธุระอันใดสักอย่างกับตัวเขา
“เสวนาอ้อมค้อมไม่ต้อง เข้าเรื่องเลยดีกว่า แม่ของข้าอยู่กับเจ้ารึเปล่า?”
ในเมื่อหวานหลีซุนเองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่า นางกำลังสงสัยในตัวเขา เช่นนั้นจึงทำได้เพียงเปิดหน้าไพ่ บอกความจริงไปตามตรง
“เจ้าอยากรู้กระมัง?”
หวานหลีซุนตาเป็นประกายสว่างไสว ค่อยๆ มุ่งมองเจาะลึกเข้าไปในผ้าคลุมหน้าผืนบางของเซียถง
“หากเจ้ายอมปล่อยแม่ข้าเป็นอิสระเสียบัดนี้ ตัวข้าเองย่อมปล่อยผ่านไม่เอาผิดใดๆ อีก ถือเสียว่าเดินกันคนละเส้นทาง เราจะไม่รบกวนต่อกันอีก แต่หากเจ้ากล้าเล่นแง่เล่นเหลี่ยม เกิดอะไรขึ้นกับแม่ข้า เรื่องนี้ย่อมไม่ปล่อยผ่านโดยง่าย ต่อให้ต้องจ่ายในราคาสูงลิ่วปานใด หรือกระทั่งแลกด้วยชีวิต ข้าก็ขอสาบานจะจองล้างจองผลาญเจ้าไปตราบชั่วนิรันดร์”
เซียถงก่นเสียงเย็นชืดสะกดคำต่อคำ ไม่มีสิ่งใดในชีวิตของนางที่สำคัญไปกว่าท่านแม่อีกแล้ว หากมันยังพอเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับฮูหยินรองเฉิงอยู่บ้าง ต่างฝ่ายต่างยอมถอยกันละคนก้าวเพื่อสิ่งที่ดีกว่า อย่างน้อยที่สุด หลังจากนี้นางจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของอีกฝ่ายอีก
“หุหุ เซียถง สิ่งที่เจ้าสำแดงใช้ในงานประลองสี่จักรวรรดิ คงเป็นวรยุทธ์ต่อสู้ลับในตำนานกระมัง?”
หวานหลีซุนหรี่ตาลง แววความโลภเจิดจรัสอยู่ในดวงตาชัดเจน
เซียถงกระจ่างแจ้งในทันควัน ปรากฏว่าหวานหลีซุนมาที่นี่ก็เพื่อหมายครอบครองวรยุทธ์ต่อสู้ในมือนาง?
“แม่ของข้าอยู่กับเจ้าหรือเปล่า?”
เซียถงเลี่ยงวลีตอบคำถามของอีกฝ่ายข้ามไป สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก็คือ นางจะต้องแน่ใจก่อนว่า ท่านแม่ของตนอยู่ในมืออีกฝ่ายจริงๆ
“ไม่ได้อยู่กับข้า แต่รู้ว่าแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน”
คลี่พัดในมือกางสะบัด หวานหลีซุนกล่าวตอบอย่างสบายๆ ยากจะหยั่งรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“แม่ของข้าอยู่ที่ไหน?”
เซียถงเร่งระงับโทสะความหงุดหงิดที่ก่อเกิดในใจ ยิงคำถามต่อทันทีอย่างไม่แยแสใส่ใจ เพราะยิ่งนางนิ่งมากเท่าไหร่ในเวลานี้ โอกาสที่จะเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
“นี่เป็นของแม่เจ้ากระมัง?”
หวานหลีซุนหาได้ตอบคำถามของนางไม่ แต่หยิบต่างหูเงินอันหนึ่งมาออกมายื่นให้ดูกันต่อหน้า
นี่เป็นต่างหูเงินทรงใบไม้ที่ฮูหยินหลี่มักสวมใส่ประจำตลอดทั้งปี เพียงชำเลืองปราดหนึ่งย่อมจำได้ถนัดตา เหม่อมองต่างหูอันนั้นในมืออีกฝ่าย นางเอ่ยถามต่ออย่างใจเย็นว่า
“เจ้าต้องการอะไร?”
“ง่ายมาก แลกเปลี่ยนกับคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับในมือเจ้า”
หวานหลีซุนยิ้มกล่าวสั้นๆ แสดงจุดประสงค์ของตนออกมาชัดแจ้ง อย่างไร สายตาของเขาก็ยังเอาแต่มุ่งจับจ้องไปที่ผ้าคลุมใบหน้าของเซียถง สลับกับเรือนร่างอรชรอันไร้ที่ติเป็นระยะ
“ข้าไม่มีคัมภีร์วรยุทธ์อันใดทั้งสิ้น ส่วนสิ่งที่ข้าสำแดงใช้ในตอนนั้น มันเป็นวรยุทธต่อสู้ก็จริงอยู่ แต่ถูกถ่ายทอดมาจากเซียนเฒ่าประหลาดคนหนึ่ง”
เซียถงปฏิเสธข้อเสนอนี้โดยตรง นางยังไม่ทราบแน่ชัดเลยว่า ระดับความรุนแรงของปัญหาในคราวนี้จะมากน้อยเพียงใด แล้วจะยอมมอบคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับที่ท่านแม่อุตส่าห์เสียสละทั้งชีวิตเพื่อปกป้องมันได้เยี่ยงไร?
“หากไม่มีคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับ เกรงว่าชีวิตของแม่เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
หวานหลีซุนส่ายหน้า ขณะกำลังจะชักมือเก็บต่างหูในมือเก็บกลับมา
แต่ทันใดนั้นเอง เซียถงก็รีบเอื้อมมือไปคว้าข้อแขนอีกฝ่ายหยุดเอาไว้ และกล่าวขึ้นเบาๆ น้ำเสียงฟังดูนุ่มนวลลงหลายส่วน
“ข้าไม่มีคัมภีร์วรยุทธ์ที่ว่าจริงๆ แต่ข้ามี…”
ขณะกล่าวออกไปแบบนั้น นางก็ค่อยๆ ใช้มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ เปิดผ้าคลุมใบหน้าของตนออก เผยให้เห็นโฉมงามถล่มเมือง เคียงประดับดวงตาคู่ใสบริสุทธิ์ประดุจดวงดาราเหนือราคี
“นี่เจ้า…เจ้าจะใช้ตัวเองแลกเปลี่ยนกับชีวิตแม่ของเจ้า?”
กระทั่งตัวหวานหลีซุนเองยังตกใจกับการตัดสินใจนี้ของเซียถง ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า จับจ้องใบหน้าเซียถงไม่กระพริบ ภายในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนาต้องการ
เซียถงพึงสังเกตท่าทางการแสดงออกที่แปรเปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออกทั้งหมด เปิดเผยโฉมหน้าที่ปิดซ่อนไว้ตลอดมาให้เป็นประจักษ์สายตาต่อหน้าหวานหลีซุนโดยตรง ยิ่งได้เห็นชัดเจนเต็มสองตา หวานหลีชุนมองนางตาเป็นมัน พยายามจะกระชากผ้าคลุมบนหัวนางทิ้งไปให้หมด
เซียถงสืบเท้าก้าวถอยออกไปห่างทันที หลบเลี่ยงมืออีกฝ่าย จากนั้นก็รีบสวมผ้าคลุมใบหน้าปิดลงอย่างรวดเร็ว และยิ้มถามขึ้นคำหนึ่งว่า
“ที่ผ่านมาใช่ว่าไม่ทันสังเกต ท่านเองก็ดูสนใจในตัวข้ามิใช่น้อย?”
“เฉิงซีเคยบอกกับข้าว่า ภายใต้ผ้าคลุมผืนนี้ของเจ้าเก็บซ่อนรูปโฉมอัปลักษณ์น่าเกลียดเอาไว้ แต่ใครจะไปคิดว่า เจ้าจะสวยปานนี้กัน? ไม่น่าแปลกใจ ไฉนถึงมีบรรดาคุณชายทั้งหลายแห่กันมาสุมอยู่ที่หน้าจวนเพื่อสู่ขอเจ้า”
สีหน้าท่าทางของหวานหลีซุนในขณะนี้ เต็มไปด้วยความประหลาดใจประดับแขวนค้าง เพียงแค่สบมองครึ่งเดียว แต่เสน่ห์ความงดงามของนางกลับสลักฝังลึกสู่ห้วงจิตใจของเขาไปแล้วโดยไม่รู้ตัว มีอิสตรีรูปงามดั่งเทพธิดาอยู่ตรงหน้า หากได้ขึ้นเตียงด้วยกันสักครั้งคง…
“ตัวข้าคงใช้แทนที่แม่ของตัวเอง เจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร?”
ระหว่างเอ่ยข้อเสนอกล่าว เซียถงลอบสังเกตปฏิกิริยาผ่านสีหน้าอีกฝ่ายไปพลาง หวานหลีซุนในเวลานี้สีหน้าค่อนข้างอ่านได้ง่าย ดูยังไงก็แค่ คนที่กำลังกำหนัดต้องการขึ้นเตียงกันใครสักคน ซึ่งนางสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ของอีกฝ่ายได้
“ตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ และขอรับประกันเลยว่า แม่ของเจ้ายังปลอดภัยสบายดีแน่นอน”
หวานหลีซุนขึ้นหน้าสองก้าว เอื้อมมือหวังจับสัมผัสผิวแก้วบอบบางของเซียถง ชั่วอึดใจ ร่างเงาเซียถงไสววูบถอยห่างตีระยะจากอีกฝ่าย เอ่ยน้ำเสียงเย็นชากล่าวว่า
“หากได้ประโยชน์จากตัวข้าไปแล้ว แต่เจ้าตระบัดสัตย์ไม่ปล่อยแม่ข้าเป็นอิสระ นี่ไม่เท่ากับว่าข้าเสียหายอยู่ฝ่ายเดียว?”
“ไม่เลย ข้าไม่ตระบัดสัตย์วาจาแน่นอน หากเจ้ายอมข้าแต่โดยดี หลังจากนี้ พวกเรามาร่วมหาวิธีช่วยแม่ของเจ้าออกมาอย่างปลอดภัยกันเถอะ”
หวานหลีซุนผุดรอยยิ้มแสนน่าสกปรกโสโครกออกมา ก่อนหน้านี้ทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นโฉมหน้าเซียถง ตัวเขาเองก็มีความรู้สึกสนอกสนใจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งได้มาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางต่อหน้าต่อตากันปานนี้ ความคิดต่ำทรามภายในหัวยิ่งไหลบ่าทะลักเข้ามาประดุจน้ำหลาก เช่นนั้นหรือจะอดทนอดกลั้นต่อไปไหวได้เยี่ยงไร?
เซียถงที่เห็นอีกฝ่ายห้ามใจตัวเองไม่ไหวก็เดือดขึ้นมาทันใด ข้อมือขวาโบกสะบัดทันควัน ยิงเข็มเงินทั้งสามเล่มจู่โจมใส่หวานหลีซุนโดยตรง ทว่าก็ถูกพัดคลี่ในมือของเขาสกัดป้องกันเอาไว้ได้ทั้งหมด นางจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง กล่าวว่า
“จะอย่างไร ข้ายังเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่ทันได้ออกเรือนเลย จะจับข้าเผด็จศึกในตรอกซอยเช่นนี้เกรงว่าไม่สมควร หากใครบังเอิญมาเห็นเข้า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนในอนาคต?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรรึ?”
หวานหลีซุนสะบัดพัดคลี่ในมือเบาๆ คมเข็มเงินที่ปักติดอยู่ก็ทยอยร่วงกระทบพื้นลงมา