ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 363 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (3)
ตอนที่363 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (3)
“เซียถง อีตัวเดรัจฉาน! กระทั่งญาติพี่น้องของข้าเองก็ยังล่อลวงไม่เว้น! หากแน่จริง เข้ากล้าถอดผ้าคลุมหน้าออกมาไหม!?”
ฮูหยินรองเฉินตะคอกสาปส่งด้วยความโกรธจัด
อีตัวเดรัจฉาน? หุหุ ใครกันแน่ที่เป็นอีตัวเดรัจฉาน? ใครกันที่ทำให้เซี่ยอี้เฉิงขุ่นเคืองใจจนเป็นลมหมดสติ?
เซียถงขบเคี้ยวคำวาจาติดอยู่ในริมฝีปาก มิได้แพร่งพรายใดๆ ออกไป นางยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม หยิบจอกสุราขึ้นมาเชยชมกับแสงจันทร์เล่น ของเหลวสีเหลืองอำพันภายในนั้นมอประกายสู่สายตา ทำราวกับว่าสองแม่ลูกอย่างฮูหยินรองเฉิงกับเซี่ยเสวี่ยเหลียนเป็นเพียงอาหาศธาตุไร้ตัวตน
“พวกเจ้ากลับไปเสีย ข้ากำลังนั่งดื่มกับคุณหนูใหญ่อยู่ หากมีธุระเร่งด่วนอะไรจริงๆ ค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้ เชิญ!”
หวานหลีซุนหาได้ตื่นตระหนกแม้สักนิด กลับตรงกันข้าม เขาอุตส่าห์รอให้เวลาผ่านล่วงเลยจนยามค่ำ หวังจะได้เรือนร่างของเซียถงมาครอบครองใจจะขาดดิ้น เสมือนบทเพลงที่แสนไพเราะกำลังจะเริ่มบรรเลง กลับถูกสองแม่ลูกคู่นี้มาขัดได้อย่างน่าหงุดหงิดยิ่งนัก ดังนั้น เขาจึงเปล่งเสียงดังฉะฉาน ขับไล่พวกนางออกไปให้พ้นโดยไว
จะอย่างไร เขาไม่ใช่คนของตระกูลเฉิง ต่อให้เขาจะเที่ยวไปมีอะไรกับใคร ฮูหยินรองเฉิงก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม กระทั่งตอนนี้ก็ตาม!
“พี่หวาน! นี่ท่านกำลังพูดอะไร? ตอนนี้ท่านกำลังนั่งอยู่กับใครรู้ตัวหรือไม่? คนที่นั่งอยู่ข้างท่าน มันเป็นหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่! หรือสายตาของท่านมีปัญหาแล้วกระมัง?”
แววความอิจฉาริษยาและเกลียดชังอัดแน่นอยู่เต็มสองลูกกะตา เห็นหวานหลีซุนถูกเซียถงล่อลวงเช่นนี้ นี่ทำให้ฮูหยินรองเฉิงยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“คนที่นั่งอยู่ข้างข้ากลับเป็นสตรีรูปงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง ตอนนี้ข้าอยากจะนั่งร่ำสุรากับนาง หากไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปซะ”
สีหน้าการแสดงออกของหวานหลีซุนในเวลานี้ ชักจะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว เขาโบกมือไล่ฮูหยินรองเฉินปัดทิ้งไปไกลๆ จังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลับมาขัดจังหวะไม่เข้าเรื่อง ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเสียจริง
“ท่านลุง! มิใช่ว่ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยเราหาทางกำจัดนังเซียถงทิ้งไป? ไฉนตอนนี้ถึงมานั่งดื่มกับนังนี่เสียล่ะ?”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนโพล่งขึ้นถามอย่างอดมิได้ ท่านแม่ของนางอุตส่าห์ส่งจดหมายเชื้อเชิญท่านลุงคนนี้มา หวังเพื่อจะช่วยกำจัดเซียถงให้พ้นๆ ทาง แต่เพราะเหตุใดกัน เขาถึงมาอยู่กับเซียถงได้? หรือสมองเสื่อมจนลืมไปแล้วจริงๆ ว่า ญาติพี่น้องของเขาเป็นใคร? ฮูหยินรองเฉิงที่ยืนอยู่เคียงข้างโกรธจัดจนตัวสั่นไม่หยุด
เซียถงนั่งรับฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสามไปพลาง เงานัยน์ตาของนางที่ส่องสะท้อนอยู่ในสุราสีอำพันยิ่งทวีความเย็นเยียบลงเรื่อยๆ จากคำพูดที่เซี่ยเสวี่ยเหลียนหลุดปากออกมาเมื่อสักครู่ นี่ยิ่งเป็นตัวยืนยันชั้นเยี่ยมเลยว่า การหายตัวไปของท่านแม่นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกคู่นี้จริงๆ และหากเอาเข้าจริง พวกนางสองคนนั้นคิดจริงๆ หรือว่า อาศัยแค่หวานหลีซุนคนเดียวจะสามารถจัดการกับนางได้? ดูท่าจะประเมินฝีมือกันต่ำเกินไป
“ใครบอกกันว่า ข้าจะกำจัดเซียถง? มีหรือที่ข้าจะกล้าลงไม้ลงมือกับอิสตรีงามเฉกเช่นนี้ลง?”
หวานหลีซุนหันหน้าชำเลืองมองไปทางเซียถง พร้อมส่งยิ้มอันอบอุ่นมอบให้
“หวานหลีซุน! เจ้าอย่าได้ถูกนางหลอก! โฉมหน้าภายใต้ผ้าคลุมผืนนั้น มันซุกซ่อนความอัปลักษณ์อัปรีย์เอาไว้! ใครเห็นต่างต้องอาเจียน!”
ฮูหยินรองเฉินก้าวขึ้นหน้าโพล่งตัวใส่ หวังจะเอื้อมมือไปกระชากผ้าคลุมบนใบหน้าของเซียถงทิ้งทันที
เห็นดังนั้น เซียถงเพียงสะบัดข้อมือเบาๆ สุราทั้งหมดในจอกสาดกระเซ็นใส่หน้าฮูหยินรองจนเปียกแฉะ ประกายตาทวีความเหี้ยมเกรียมประดุจคมมีด กล่าวอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“ฮูหยินรองเฉิง ใครก็ตามที่คิดหาญกล้าถอดผ้าคลุมหน้าของข้าทิ้ง มันผู้นั้นล้วนต้องชดใช้”
เซียถงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเช่นนั้นดังเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน อากัปกิริยาเย็นชาดั่งเหมันต์พันปี นางจ้องเขม็งไปที่ดวงตาคู่ตรงหน้าของฮูหยินรองเฉิง สบปะทะชนิดไม่มีหวั่นเกรงใดๆ เสมือนกับว่า มันสามารถแช่แข็งจิตวิญญาณของคนอื่นได้ทั้งเป็น สองมือของฮูหยินรองเฉิงเก็บซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ ยามนี้เกิดอาการสั่นเทาอย่างไร้สาเหตุ ลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง นางค่อยๆ เขยือบตัวล่าถอยออกมา ในเวลานี้ ไม่มีหวานหลีซุนคอยให้การสนับสนุนอยู่เคียงข้างนางอีกแล้ว และในเมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ข้างนางอีกต่อไป สิ่งที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาดก็คือ การยั่วยุกระตุ้นโทสะเซียถง
“เซียถง! อีนังไร้ยางอาย! แอบนัดพบผู้ชายตอนกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ เพราะเจ้าคนเดียวที่ทำให้ชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเซี่ยต้องมัวหมอง!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนก่นด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นว่าท่านลุงของนางถูกเซียถงล่อลวงจนรุ่มหลงไม่เหลือดี ความอิจฉาริษยาดั่งเพลิงพลาญขุมหนึ่งก็ลุกโหมแผดเผาจิตใจของนางไม่รู้จบ ก็เห็นชัดประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า นางนี่แหละคือสตรีงามอันดับหนึ่งแห่งตงหลี่ หรือกระทั่งในทวีปเทียนหลางด้วยซ้ำ แต่ไฉนกลับเป็นเซียถงที่มีบรรดาบุรุษชายมากมายโคจรอยู่รอบตัว?
เซียถงก่นเสียงเย็นชาคำหนึ่งอยู่ในลำคอ ละสายตาจากสองแม่ลูกคู่นั้นโดยไม่แลเหลียวสนใจอีกต่อไป และหันมาพูดกับหวานหลีซุน ท่าทีดูสบายๆ หาได้แยแสขึ้นว่า
“ช่างน่ารำคาญเสียจริงเชียว กับเสียงสุนัขจรเห่าหอนยามดึกดื่น”
ในเมื่อ หวานหลีซุนถูกฮูหยินรองเฉิงส่งมาเพื่อจัดการนาง เช่นนั้นแล้ว นางจึงขอส่งหวานหลีซุนคนนี้ให้ย้อนกลับไปจัดการกับสองแม่ลูกเอาเอง ฮูหยินรองเฉิงจะได้รู้ซึ้งว่า เวลาตอกตะปูโดนมือตัวเองมันรู้สึกเยี่ยงไร?
หวานหลีซุนแสยะยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“หากเช่นนั้น ข้าจะไล่สุนัขจรสองตัวนี้ให้ไสหัวออกไปเอง”
“หวานหลีซุน! หน้าตาของอีนังเดรัจฉานนี่มันน่าเกลียดจริงๆ! หากไม่เชื่อก็ลองถอดผ้าคลุมหน้ามันออกมาดูได้! ที่สำคัญ พวกเราเองก็เป็นสหายกันมานานหลายสิบปีแล้ว นี่เจ้าจะทำลายมิตรภาพตลอดมาของเรา เพียงเพื่ออีนังอัปลักษณ์คนเดียวจริงๆ รึ?!”
ฮูหยินรองแทบไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่า หวานหลีซุนจะแปรพักตร์และหันมาทำร้ายตนได้แบบนี้ นางทราบ อุปลักษณ์นิสัยของเขาเป็นเสือผู้หญิงที่หิวกระหายตลอดเวลาคนหนึ่ง แต่ที่ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ คือ ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของเซียถงอัปลักษณ์ขนาดนี้ เพราะเหตุใดกัน หวานหลีซุนถึงยังยืนกรานที่จะปกป้องนาง ยิ่งไปกว่านั้น ยังดูท่าจะหลงหัวปักหัวปำอย่างหนักเสียด้วย?
เซียถงหรี่ตาลดต่ำลงดูเป็นอันตรายยิ่งยวด และทันทีที่คำว่า อีนังเดรัจฉาน หลุดออกมาจากปากฮูหยินรองเฉิง พัดคลี่ในมือของหวานหลีซุนพลันสยายบินออกไป แทบจะพร้อมเพรียงกัน เสียงพัดพุ่งเข้าตบปากฮูหยินรองเฉิงดังสนั่นฉะใหญ่ ด้วยขุมกำลังมหาศาลที่นำส่งออกไปผ่านตัวพัด แรงตบที่ก่อเกิดย่อมรุนแรงเกินบรรยาย มีฟันสองซี่กระเด็นหลุดออกมาจากปากฮูหยินรองเฉิงโดยตรง แก้มด้านหนึ่งของนางเป่งบวมแดงก่ำ
“หวานหลีซุน! เจ้า…เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าได้เยี่ยงไร!?”
ฮูหยินรองเฉิงกรีดร้องลั่น ยกมือขึ้นปิดป้องใบหน้าครึ่งซีกของตนเอาไว้ สาดสายตาขุ่นเคืองจับจ้องหวานหลีซุนเขม็ง
“หากเจ้ายังกล้าพูดจาให้ร้ายเซียถงต่อหน้าข้าอีก ครั้งต่อไปคงไม่ใช่แค่นี้แน่นอน”
คล้อยหลังตัวพัดซัดกระแทกปากฮูหยินรองเฉิง มันก็บินย้อนกลับเข้ามาที่มือของหวานหลีซุนโดยธรรมชาติ เขาเขย่าพัดโบกเบาๆ ในมือ ร่วนหัวเราะเฮฮาไร้แก่นสาร
“เซียถง! นังเจ้าเล่ห์! นี่เจ้าหยิบใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดกัน ถึงทำให้คนนับพันรอบตัวเจ้าเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้!?”
มวลความเกลียดชังที่อัดแน่นอยู่ภายในใจฮูหยินรองเฉิง ยิ่งต่อตัวเพิ่มพูนเป็นทวีทบ แทบอาเจียนเลือดสดออกมาคำโตระบายออกมาสักที ทุกครั้งเวลามองไปที่เซียถง นางปรารถนาเหลือเกิน อยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ