ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 367 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (1)
ตอนที่367 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (1)
ตอนที่367 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (1)
“นางอาศัยตอนที่สามีข้าไม่อยู่ กดขี่รังแกข้าทุกวิถีทาง และเพราะดันไปจับได้ว่านางแอบเล่นชู่กับชายป่า จึงจับข้ามาลงโทษโดยการตัดนิ้วข้าไปสองนิ้ว! ถงเอ๋อร์ ไฉนเจ้าถึงทำกับข้าถึงปานนี้!”
ฮูหยินรองเฉิงยืนร้องห่มร้องไห้พร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งอยู่ตรงหน้าประตูจวน จงใจโบกมือข้างขวาที่เพิ่งโดนตัดนิ้วหมาดๆ โบกไปมาให้ทุกคนเห็น
เมื่อได้ยินประโยคคำกล่าวเหล่านี้ ก็บังเกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วทั้งฝูงชนที่แห่กันมาสู่ขอเซียถงทันที เหล่าคุณชายทั้งหลายถึงกับจับกลุ่มเสวนากันอย่างดุเดือด
“คุณหนูเซียไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
มีบางคนเอ่ยค้านตะโกนเสียงดังลั่น
“ถูกต้องแล้ว! คุณหนูเซียหาใช่คนแบบที่เจ้าพูดแน่นอน!”
จากนั้นก็เริ่มมีคนกล่าวเสริมให้ความสนับสนุน
“ฮึก.. ฮึก… ก็ดูเอาเองเสียแล้วกัน สองนิ้วที่ขาดด้วนไปนี้คงเป็นฝีมือข้าทำตัวเองกระมัง? ตกกลางคืนวันนี้ ข้าบังเอิญแอบไปเห็นนางกำลังเล่นชู้อยู่กับคนป่าจริงๆ พอโดนจับได้ นางก็ลากข้ามาลงมือทำร้ายสารพัด ทั้งยังตัดนิ้วของทิ้งไปอีก! แล้วอันที่จริง…สามีข้าก็ไม่ได้ไปไหนหรอก แต่เพียงต้องปิดข่าวเนื่องจากตอนนี้เป็นลมหมดสติไป ทั้งหมดเป็นเพราะโกรธจัดที่เห็นบุตรสาวคนนี้ไปมากตัณหา ไปเล่นชู้กับคนป่าเหมือนแม่ของนาง! ไม่ว่าแม่หรือลูกนิสัยกลับหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ!”
ฮูหยินรองเฉิงในตอนนี้นับว่าจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยมโดยแท้ นึกอะไรขึ้นได้ก็เอ่ยปากว่าร้าย ใส่ความยัดให้เซียถงทุกอย่าง ทั้งยังไม่ลืมที่จะชูมือขวา แสดงให้เห็นว่าสองนิ้วของนางโดนตัดขาดไปแล้วจริงๆ แก่ทุกคนได้เห็น
แผลบริเวณที่ถูกตัดยังเป็นสีแดงสด แสดงให้เห็นว่า บาดแผลยังค่อนข้างสดใหม่ ทุกคนเหล่านั้นจับจ้องไปที่แผลฉกรรจ์บนมือฮูหยินรองเฉิงด้วยความประหลาดใจ
คุณหนูเซี่ยของพวกเขา มีจิตใจโหดเหี้ยมและมากตัณหาอย่างที่ว่าจริงๆ งั้นรึ?
“ฮืออ ฮืออ… ข้าจะอยู่ต่อไปเยี่ยงไร ตั้งแต่สามีข้าเป็นลมหมดสติไป เซียถงก็ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่เหนือทุกคน วันๆ เอาแต่พาผู้ชายเข้ามาในจวนไม่เว้นวัน! ทั้งยังรังแกข้ากับลูกสาวด้วยสารพัดวิธี!”
ฮูหยินรองเฉิงทรุดลงกับพื้นข้างประตู ระเบิดน้ำตาร้องห่มร้องไห้อย่างทุกข์ระทมจิตใจ
เดิมที นางแค่ต้องการจะเสาะหายืมมือใครสักคนให้ช่วยจัดการเซียถง แต่ดูท่าทุกอย่างในตอนนี้จะเป็นใจไปหมด อาศัยกลุ่มคุณชายเหล่านี้ การจะกำจัดเซียถงให้พ้นสายตากลับไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
“แม่! พี่ถงใจร้ายกับเรามาก!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนรีบเข้ามาสวมกอดฮูหยินรองเฉิงในทันใด พอเห็นแม่ตัวเองร้องไห้ นางก็น้ำตาคลอเบ้าอย่างอดมิได้เช่นกัน
“ลูกแม่ จวนเสนาบดีเซี่ยตอนนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือเซียถงไปแล้ว พวกเราจะอยู่อย่างไรต่อไปในอนาคต? ยิ่งได้เห็นนางเล่นชู้กับคนป่าในคืนนี้ เกรงว่าพวกเราสองแม่ลูกคงไม่รอดจริงๆ แล้ว! ฮืออ ฮืออ…แล้วพวกเราจะทำเยี่ยงไรดี!?”
ฮูหยินรองเฉินกอดเซี่ยเสวี่ยเหลี่ยนเอาไว้แน่น พร้อมระเบิดน้ำตาร้องไห้ปล่อยโฮออกมา
“ท่านแม่! พวกเราจะทำเยี่ยงไรดี! พี่ถงใจร้ายกับพวกเรามากเลย! นาง…นางไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนและฮูหยินรองเฉิงนั่งกอดตัวกลมเป็นเกลียวอยู่บนพื้นแบบนั้น ช่างเป็นภาพฉากที่ชวนสงสารเสียเหลือเกิน
“คุณหนูเซี่ย อย่าได้เสียใจไป หากพี่สาวของท่านมีจิตใจอำมหิตปานนี้ พวกเราขออยู่ข้างท่าน!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่มีน้ำตา แลเห็นบุปผางามอยู่ท่ามกลางสายฝนและความเศร้าหมองเช่นนี้ ย่อมสามารถเอาชนะใจของเหล่าบุรุษหนุ่มทั้งหลายได้โดยง่าย
“ขอบพระคุณพวกท่านอย่างยิ่ง แต่อยู่ห่างจากพวกเราเป็นดีกว่า หากพวกท่านยื่นมือช่วยเหลือ เกรงว่า พวกท่านจะถูกนางลอบวางยาพิษด้วยอีกคน”
เซี่ยเสวี่ยเหลียนช่วยประคองร่างฮูหยินรองเฉิงให้ยืนขึ้น ยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดเช็ดน้ำตาอย่างแผ่วเบา ทุกอากัปกิริยาสั่นเครือดูน่าเวทนาสงสารจับหัวใจ แต่หากสังเกตดูให้จงดี จะค้นพบประกายแสงอาฆาตสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่สวยของนาง
“คุณหนูเซี่ย อย่าได้กลัวไปเลย! เซียถงนางนั้นมีจิตใจสกปรกชั่วร้ายโดยแท้ พวกเราจะทวงคืนความยุติธรรมมาให้แก่พวกท่านแน่นอน!”
ทันใดนั้นกลุ่มคุณชายทั้งหลายก็โหร้องตะโกนให้การสนับสนุนสองแม่คู่ลูกนี้กันอย่างจ้าระหวั่น
“ใครที่อยากทวงคืนความยุติธรรมให้พวกมัน? เสนอหน้ามานี่!”
น้ำเสียงเย็นเยียบกู่คำรนลั่นประดุจสายฟ้าฟาด ร่างอรชรสีขาวพุ่งทะยานออกมาจากประตูจวน เหินอากาศลอยผ่านหน้าทุกคนไปประดุจลมหมุน ร่อนประทับ ณ หน้ารูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประดับด้านหน้าสุดของจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้
เรียวมือสีขาวผ่องประดุจหิมะ เพียงสะบัดใส่รูปปั้นสิงโตใหญ่ยักษ์เบาๆ ทีหนึ่ง มันก็ระเบิดเสียงดังบูม แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เซียถงยกเท้าขึ้นเหยียบอยู่เหนือหัวรูปปั้นสิงโตชิ้นโตที่ร่วงลงมา แค่ออกแรงส่งไปที่เท้าเบาๆ หัวรูปปั้นสิงโตก็ระเบิดเละเป็นผุยผงอยู่ใต้บาทา พื้นกระเบื้องบริเวณโดยรอบร้าวแตกระแหงขยายกว้างดั่งใยแมงมุม
แต่งกายในชุดแพรพรรณสีขาวบริสุทธิ์ รัศมีที่แผดฉายออกมาช่างทรงสง่าราศีดูเย็นชาประดุจเหมันต์พันปี กลิ่นอายที่แผ่ซ่าน ราวกับมาจากขุมนรกจากชั้นที่ลึกที่สุด รัศมีแรงกดดันระดับชั้นราชันย์ม่วงที่ปลดปล่อยออกมา เข้าห่อหุ้มร่างกายของทุกคนทั่วบริเวณเอาไว้จนแทบหายใจหายคอกันไม่ออก เซียถงยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเสมือนเทพธิดาแห่งความตาย ที่พร้อมเก็บเกี่ยวชีวิตของทุกคนกลับลงขุมนรกอเวจีด้วยกัน ชำเลืองหางตามองฮูหยินรองเฉินอยู่หนึ่งปราด จากนั้นค่อยเคลื่อนกวาดบรรดาฝูงชนและกล่าวว่า
“เอาล่ะ ใครที่อยากทวงคืนความยุติธรรมให้แก่พวกมัน ก้าวขึ้นมา! ก้าวขึ้นมาให้ข้าเห็นหน้าชัดๆ!”
ทุกคนในเวลานี้ต่างตกใจอย่างยิ่งกับรัศมีความแข็งแกร่งที่เซียถงปลดปล่อยออกมา และไม่มีใครกล้าแม้แต่จะปริปากตอบเลยสักครู่ใหญ่
พอเห็นว่าไม่มีใครกล้าตอบ เซียถงจึงหันไปหาฮูหยินรองเฉิง ดวงตาเฉียบคมประดุจคมมีด กล่าวว่า
“ฮูหยินรองเฉิง เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าอันใดเกี่ยวกับข้าและแม่ของข้าบ้าง?”
ฮูหยินรองเฉิงยืนตัวสั่นเทิ่มอยู่ที่มุมประตู มองดูรูปปั้นสิงโตใหญ่ยักษ์ตัวนั้นที่แตกละเอียด มือไม้สั่นสะท้านด้วยความหวาดผวาสุดขีด
เงาร่างเซียถงไสววูบเป็นประกายแสงสายหนึ่ง ปราดทะยานข้ามฟากแค่เสี้ยวอึดใจ ก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าฮูหยินรองเฉิงในพริบตา นางกระชากผมของอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมา บังคับให้สบสายตากับนางและกล่าวขึ้นว่า
“ฮูหยินรอง ใครกันแน่ที่พาผู้ชายมาเล่นชู้ถึงในจวน? ใครกันแน่ที่ไร้ยางอาย? ใครกันที่ทำให้เซี่ยอี้เฉิงต้องเป็นลมล้มพับไป? โปรดชี้แจ้งให้ละเอียดชัดเจนในบัดนี้!”
“เซียถง เจ้าก็เหมือนกับแม่ของเจ้า! นังเดรัจฉานน่ารังเกียจ เล่นชู้ล่อกับผู้ชายได้ทุกที่!”
ฮูหยินรองเฉิงโกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ ตะคอกด่าสาปแช่งออกมาชุดใหญ่
“บูมม!”
ครั้งนี้หาใช่แค่ตบหน้า เซียถงตบฝ่ามืออัดพลังปราณ ซัดเข้าใส่ใบหน้าฮูหยินรองเฉินโดยตรงอย่างไร้ปรานีใดๆ ร่างของอีกฝ่ายปลิวว่อนกระเด็น บินทะลุประตูจวนไถลออกไปไกล
“แม่!”
เซี่ยเสวี่ยเหลียสบถร้องทั้งน้ำตา รีบยกเท้าวิ่งไปทางแม่ของนาง แลเห็นเซียถงกำลังมุ่งสายตามองมา ก็รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดป้องใบหน้าด้วยความหวาดกลัวจัด ขวัญผวาหนัก เพราะนางไม่อยากโดนตบจนใบหน้าต้องบวมช้ำไปอีกคน
“คุณหนูเซีย ไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยรึ? ที่ปฏิบัติกับฮูหยินรองของตัวเองเช่นนี้?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีสุ้มเสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความกังขาดังออกมาจากกลุ่มคุณชาย
“โหดเหี้ยมงั้นรึ?”
เซียถงหรี่ตาแคบลงทันใด ครุ่นคิดเกี่ยวกับวาจาคำพูดนี้ พลางค่อยๆ กวาดมองไปหาบุคคลต้นเสียงที่เอ่ยถามออกมา
โหดเหี้ยม? แล้วตอนที่ฮูหยินรองเฉิงเฆี่ยนตีนางกับแม่ของนางสารพัด ไฉนถึงไม่มีใครบอกนางว่า โหดเหี้ยมเลยสักคน?
ทันทีที่สบเข้ากับสายตาคู่หนาวเหน็บของเซียถง คุณชายที่ตั้งคำถามผู้นั้นพลันขนลุกซู่ว เสียวสะท้านยันหนังศีรษะ ยิ่งเผชิญหน้าทนมองสายตาคู่นั้นมากเท่าไหร่ ไอความหนาวเย็นก็ยิ่งซึมซาบ แทรกแซงเข้าสู่จิตใจของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดทนไม่ไหว เข่าอ่อนยวบรีบก้าวถอยออกห่างเจียนหมดสติ
เซียถงชักหน้ากลับมา หันไปทางประตูจวนเสนาบดีเซี่ยที่ยามนี้กลายเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ชูสองมือป้องข้างปากและตะโกนลั่นไปทางจวนว่า
“ทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้! ออกมาบอกให้คนภายนอกได้รับรู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของฮูหยินรองเฉิง!!”
นางมิได้คร้านใจนักที่ต้องมาอธิบายถึงวีรกรรมโฉดชั่วของฮูหยินรองเฉิงกับเซี่ยเสวี่ยเหลียน แต่การให้คนรอบข้างที่อยู่ใกล้ทั้งคู่มาเป็นปากกระบอกเสียง สะท้อนถึงพฤติกรรมอันต่ำทรามของพวกนางแทน ย่อมเป็นวิธีที่ดีกว่ามาก อย่างน้อยก็ให้กลุ่มชายโง่เขลาพวกนี้ได้รับรู้หน่อยว่า ใครกันแน่ที่มีนิสัยสันดานเยี่ยงเดรัจฉาน
อิ๋งเอ๋อร์เป็นผู้นำแถวคนแรกที่เดินออกมา ตามด้วยบรรดาคนรับใช้ทั้งหมดจากจวนเสนาบดีเซี่ย
อิ๋งเอ๋อร์ยืนอยู่แถวหน้าประตู พาชำเลืองสายตาซ้ายขวา แลเห็นฮูหยินรองเฉิงที่กำลังนอนโทรมกองอยู่กับพื้น ใบหน้าอีกฝ่ายบิดเบี้ยวเสียรูปทรง ช้ำเลือดช้ำหนองดูน่าสยดสยองยิ่งยวด แค่อิ๋งเอ๋อร์ได้เห็นยังต้องกลัวจนหน้าซีดแทนแล้ว รีบสับเท้าเดินตัวสั่นไปหาเซียถงโดยไว ในขณะที่คนรับใช้ที่เหลือต่างก้มหน้าก้มตามองพื้น ไม่กล้ามองสภาพอันน่าสังเวชสุดแสนของฮูหยินรองเลยสักคน เพราะกลัวว่า หากได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว มันอาจทำให้พวกเขามีปัญหาได้ในอนาคต