ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 368 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (2)
ตอนที่368 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (2)
ตอนที่368 พฤติกรรมต่ำทรามถูกเปิดเผย (2)
อิ๋งเอ๋อร์หันสบสายตามองคุณหนูใหญ่ของตน ประกายแสงสว่างไสว ความห้าวหาญเพิ่มพูนขึ้นเป็นทวีขึ้นในจิตใจ นางพยักหน้าทันที เหยียดหลังตั้งตรง กล่าวน้ำเสียงฉะฉานดังว่า
“ความเป็นจริงแล้วกลับหาใช่เฉกเช่นที่ฮูหยินรองเฉิงพูดแม้สักนิด กลับเป็นตัวนางเองที่ต้องทำให้นายท่านต้องป่วยหนักจนเป็นลมหมดสติไป เพราะแอบเล่นชู้กับชายที่นางเรียกว่าลูกพี่ลูกน้อง! ส่วนนิ้วมือที่ถูกตัดก็เป็นฝึมือของลูกพี่ลูกน้องคนที่ว่าเช่นกัน!”
“แล้วไฉนลูกพี่ลูกน้องคนคนนั้นถึงต้องตัดนิ้วมือนางด้วยล่ะ?”
ทันใดนั้นก็มีใครบางคนในกลุ่มเอ่ยถามเสียงอึงโขขึ้นมา
“ฮูหยินรองเฉิงสมคบคิดกับลูกี่ลูกน้องคนที่ว่าเพื่อหาทางกำจัดคุณหนูใหญ่ของข้า แต่คล้อยหลังจากที่ ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นได้พบกับคุณหนูใหญ่ เขาจึงกลับตัวไม่อยากเป็นศัตรูกับนาง พอฮูหยินรองเฉิงรู้เข้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หาเรื่องทะเลาะกับลูกพี่ลูกน้องคนนั้นทันที ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ตัวนางโดนลูกพี่ลูกน้องคนนั้นจับตัดนิ้วทิ้งสองนิ้วอย่างที่เห็นกัน”
อิ๋งเอ๋อร์ยิ้มปริ่มดีใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มหันกลับมายืนข้างเซียถงอีกครั้ง และทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดแก้ต่างเหล่านี้ของนาง นี่ทำให้นางมั่นใจขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เสียงที่เปล่งดังยิ่งฟังชัดเจนฉะฉาน
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง ข้าคิดไว้อยู่แล้ว คุณหนูเซียเป็นสตรีรูปงามที่ทั้งใสซื่อบริสุทธิ์ มีหรือจะทำเรื่องต่ำทรามชั่วช้าได้?”
“ถูกต้อง! กลับเป็นพวกเราเองที่เข้าใจนางผิดไป!”
ทุกคนในเวลานี้ต่างผันตัวกลับมายืนเคียงข้างเซียถงอีกครั้งทันที ตั้งแต่ทีแรกแล้ว พวกเขาโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดคำจาของฮูหยินรองเฉิงเท่าไหร่นัก และยิ่งได้ยินอิ๋งเอ๋อร์ออกมาเปิดเผยความจริง พวกเขายิ่งลงน้ำหนักปักใจทางฝั่งเซียถงเข้าไปใหญ่
“นังจัณฑาลสารเลว! ใครใช้ให้ทาสอย่างเจ้าพูด?! มานี่! ข้าจะฉีกปากของเจ้าทิ้งเสีย!”
เมื่อเรื่องราวสุดอื้อฉาวของตนถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ ฮูหยินรองเฉิงเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความอับอาย รีบปรี่วิ่งไปหาอิ๋งเอ๋อร์ และใช้สองมือฉีกปากของนางสุดแรง
อิ๋งเอ๋อร์ไม่กล้าตอบโต้ใดๆ กลับไป ทำได้เพียงปิดป้องใบหน้าและกรีดร้องออกมา
เซียถงเห็นเช่นนั้นยิ่งโกรธจัดจ้าน กระโดดถีบยอดแผ่นอกฮูหยินรองเฉินจนร่างปลิ่วว่อนกระเด็นกลับไปอีกครา
เหลียวหลังหันย้อนกลับไป พบว่าบนใบหน้าของอิ๋งเอ๋อร์ถูกฮูหยินรองเฉิงฝากฝั่งทิ้งรอยเล็บเป็นทางยาวจนเลือดซิบอยู่หลายจุด เซียถงหยิบใช้อาวุธลับทันที ยิงคมเข็มเงินทั้งสามเข็มจากใต้แขนเสื้อ ปักเข้าใส่จุดสำคัญบนใบหน้าของฮูหยินรองเฉิงโดยตรง ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททั่วใบหน้าของนางเกิดอาหารหดตัวรุนแรง ส่งผลให้ใบหน้าบิดเบี้ยวจนเสียโฉมในท้ายที่สุด
ท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญแสนเวทนาของฮูหยินรองเฉิง ความเหี้ยมโหดของเซียถงได้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้ากลุ่มคุณชายทั้งหลายที่แห่กันเข้ามาสู่ขอนางโดยทั่วกัน
“คุณหนูใหญ่!”
อิ๋งเอ๋อร์มองดูใบหน้าที่บิดเบี้ยวจนเสียรูปทรงอย่างที่ควรจะเป็นของฮูหยินรองเฉิง นางถึงกับหน้าเสียตกใจ หากนายท่านย้อนกลับมาสอบสวนเอาเรื่องขึ้นมา คุณหนูใหญ่ของนางจะทำอย่างไรล่ะ?
“ใครกล้ารังแกคนรอบตัวข้า ชีวิตของมันผู้นั้นต้องฉิบหายวอดวายเป็นทวีเท่า!”
เซียถงยืนนิ่งอยู่จุดเดิม สองมือไพล่หลังอย่างหยิ่งยโส จับจ้องฮูหยินรองเฉิงด้วยสายตาเย็นชา
ฮูหยินรองเฉิงในตอนนี้นอนปิดหน้าอยู่กับพื้น กรีดร้องเสียงดังสนั่นไม่มีหยุดหย่อนเสมือนหมูกำลังถูกเชือด แต่เมื่อเห็นสายตาคู่หนาวเย็นของเซียถง นางถึงกับปิดปากเงียบในบัดดล เฉพาะชั่วเวลานี้เสียเท่านั้น ในที่สุดนางก็เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เซียถงหาได้มีความเมตตาใดๆ อยู่ในจิตใจเลย แม้กระทั่งในที่สาธารณะก็ตาม ตราบใดที่ตนหรือคนรอบข้างถูกรังแกข่มเหง นางย่อมสามารถลงมือฆ่าใครก็ได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ!
เมื่อได้ยินคำกล่าวประโยคเมื่อครู่ของเซียถง อิ๋งเอ๋อร์ก็รู้สึกใจสั่นอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก สบมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของคุณหนู ดวงตาอิ๋งเอ๋อร์เห่อร้อนรุ่มเปื้อนคราบน้ำตาโดยมิทันรู้ตัว มีนายคนใดบ้างที่ยอมมีปัญหากับใครสักคนเพื่อปกป้องทาสรับใช้ตัวเอง? ยกเว้นเสียแต่คุณหนูใหญ่ของนางผู้นี้! บางที หากมีโอกาส อิ๋งเอฮ๋อร์เองก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณหนูของตนบ้างเช่นกัน
คิดได้เช่นนั้น อิ๋งเอ๋อร์ก็รีบหันหลังไปมองบรรดาคนรับใช้ทั้งหมดในจวนเสนาบดีเซี่ยที่ยืนอยู่เบื้องหลัง และตะโกนขึ้นลั่นว่า
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าทุกคนล้วนมีความคับแค้นใจต่อฮูหยินรองเฉิงไม่มากก็น้อย แต่ในวันนี้ คุณหนูใหญ่กำลังยืนหยัดเพื่อความเป็นธรรมของพวกเราทุกคน นับเป็นโอกาสดีแล้วที่จะเปิดเผยวีรกรรมอันโฉดชั่วของฮูหยินรองเฉิง ว่าทำอะไรกับพวกเรามาบ้าง!”
บรรดาคนรับใช้เหล่านั้นได้แต่มอง ทว่าไม่กล้าส่งเสียงเอ่ยกล่าวอะไรใดๆ อิ๋งเอ๋อร์เป็นสาวรับใช้ประจำตัวคุณหนูใหญ่ย่อมมีความกล้าสเป็นธรรมดา แต่พวกเขาที่เหลือทั้งหมดเป็นคนรับใช้ทั่วไปในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ แน่นอนว่าสถานะย่อมแตกต่างกัน หากพูดอะไรผิดไปในวันนี้ ฮูหยินรองเฉิงสร้างปัญหาให้ทุกคนได้ในวันหน้า หรืออาจถูกฆ่าตายทันทีหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป ดังนั้น ใครบ้างอยากจะหาปัญหาใส่หัวตัวเอง?
“อย่ากลัวไปเลยทุกคน! คุณหนูใหญ่จะไม่ยอมให้ฮูหยินรองเฉิงรังแกข่มเหงเราอีกแล้วในอนาคต!”
พอเห็นว่าทุกคนนิ่งเงียบไม่กล้าพูด อิ๋งเอ๋อร์จึงรีบกระทิบเท้ามุ่งหน้าออกไป คว้าแขนของอาจูและถกแขนเสื้อขึ้นมา ชี้ไปที่รอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนแขนของนาง และตะโกนถามเสียงดังว่า
“บอกทุกคนไป! ใครเป็นคนทำให้เจ้าเป็นแบบนี้!?”
ดวงตาของอาจูแดงก่ำ สักครู่หนึ่งถึงกับสำลักน้ำตาร้องกล่าวขึ้นว่า
“เมื่อคืนช่วงยามสอง เพราะฮูหยินรองเฉิงกับคุณหนูรองไม่สามารถทำอะไรกับคุณหนูใหญ่ได้เลย แถมนิ้วยังถูกตัดด้วนจนกุดถึงสองนิ้ว พวกนางทั้งคู่จึงหันมาระบายความโกรธกับข้าแทน ใช้มีดกรีดแขนกรีดขาของข้าจนเป็นแบบนี้!”
สาวรับใช้หลายต่อหลายคนที่ได้ยินอาจูกล่าวออกมาเช่นนั้น จู่ๆ พวกนางก็เริ่มร้องไห้ออกมาและถกแขนเสื้อขากางเกงออกมาแสดงให้ดูต่อหน้าสาธารณชน บางคนเป็นรอยแผลกรีดลึกถึงกระดูก บ้างเป็นแผลโดนน้ำร้อนลวกใส่ ดูแล้วน่าสยดสยอง เหล่าผู้ชมทั้งหลายเห็นแล้วต่างต้องตกตะลึง ร้องอุทานออกมาด้วยความกลัว
“ดูนี่สิ ตรงนี้เป็นรอยแส้ที่ฮูหยินรองเฉิงกับคุณหนูรองเฆี่ยนตีพวกเรา แถมยังถูกน้ำร้อนราดใส่ซ้ำสองอีก ทาสรับใช้ทุกคนในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ ต้องมีบาดแผลจำพวกนี้อย่างต่ำสองถึงสามจุด เวลาที่ฮูหยินรองเฉิงกับคุณหนูรองอารมณ์ไม่ดี ก็มักจะเรียกพวกเราไปเฆี่ยนตีเพื่อระบายอารมณ์…”
สาวรับใช้นางหนึ่งกล่าวทั้งน้ำตา
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาคนรับใช้ทั้งหลายต่างร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก
พอได้ยินดังนั้น อิ๋งเอ๋อร์ก็รีบใช้โอกาสนี้เกลี้ยกล่อมทุกคนทันที นางกล่าวต่อว่า
“ทุกคนล้วนมีความทรงจำอันแสนเลวร้ายที่ฮูหยินรองเฉิงฝากฝังเอาไว้ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ในที่สุดก็ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว! ตราบเท่าที่คุณหนูใหญ่ของพวกเรายังคงยืนหยัดเพื่อพวกเรา ก็อย่าหาได้ต้องกลัวเกรงสิ่งใดอีกต่อไป! จงเล่าวีรกรรมอันโฉดชั่วทั้งหมดที่ฮูหยินรองเฉิงก่อขึ้นแก่สารธารณชนได้รู้!”
เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายต่างจับจ้องไปที่อิ๋งเอ๋อร์และเซียถง สีหน้าการแสดงออกยังคงไว้ซึ่งความลังเลอยู่หลายส่วน
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้ฮูหยินรองเฉิงรังแกพวกเจ้าอีกต่อไป”
น้ำเสียงราบเรียบเย็นสงบของเซียถงเปล่งออกมาเบาๆ
แต่ทันทีที่คำกล่าวประโยคนี้ดังขึ้น ความลังเลของเหล่าคนรับใช้ทั้งหลายก็พลันอันตรธานหายสิ้น! ทุกคนต่างเดินหน้าขึ้นมาหยุดต่อหน้าฝูงชนและเริ่มปริปากเล่าถึงวีรกรรมสกปรกของสองแม่ลูกคู่นี้ในทันที
“ข้ามีเรื่องไม่สบายใจเก็บไว้มาแสนนานแล้ว! ขอบอกเลยว่า ตั้งแต่ที่ฮูหยินรองเฉิงก้าวเข้ามาในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ นางก็สั่งให้ข้าแอบวางยาพิษลงในหม้อยาของฮูหยินใหญ่หลี่ทุกวัน! แต่ต่อมา เมื่อคุณหนูใหญ่รู้เข้า แทนที่จะจับข้าไปทรมาน ทว่านางกลับให้อภัยยกโทษให้ และด้วยความซาบซึ้งนี้ ข้าจึงไม่ต้องการทำเรื่องสกปรกอีกต่อไป! แต่เมื่อฮูหยินรองเฉิงทราบ นางก็จับข้ามาเฆี่ยนตีทรมานสารพัด!”
“ฮูหยินรองเฉิงฟาดข้าด้วยแส้หางเหล็ก จากนั้นก็โรยด้วยเกลือ ราดด้วยน้ำร้อนใส่ต่างๆ นานา และเรื่องเช่นนี้หากได้เกิดขึ้นกับข้าคนเดียว มีคนรับใช้อีกมากมายในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้ที่ถูกฮูหยินรองเฉิงกับคุณหนูรองทรมานอย่างหนัก บางคนถึงขั้นเสียชีวิตไปแล้วก็มี!!”