ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 372 งานอภิเษกในตงหลี่ (2)
ตอนที่372 งานอภิเษกในตงหลี่ (2)
ตอนที่372 งานอภิเษกในตงหลี่ (2)
ดูเหมือนว่าไป๋หลี่หานจะไม่มีท่าทีคัดค้านใดๆ เลยเช่นกันสำหรับงานอภิเษกสมรสระหว่างตนกับไป๋หลี่อวี๋อิง เห็นเช่นนั้นแล้ว เซียถงก็ย้อนนึกถึงคำพูดของเขาในวันนั้น ที่อีกฝ่ายเผยความตั้งใจต้องการจะอภิเษกกับนาง แต่ในเมื่อทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเช่นนี้ นางเองก็เลือกที่จะไม่สนใจอันใดเช่นกัน จะอย่างไรนี่หาใช่ธุระของนาง จะทำได้ก็เพียงส่งยิ้มแสดงความยินดีออกไป
แต่อย่างไร ไป๋หลี่หานกลับสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยความไม่พอใจที่ฉาบคุมบนใบหน้าเซียงได้ ลึกลงไปในแววตาคู่สวยดวงนั้นกลับมีอะไรมากยิ่งกว่าความยินดีที่แสดงออกมา
“แต่ก็ว่าไป อาหลานจะมาจับคู่อภิเษกสมรสได้เยี่ยงไร เหตุที่เรื่องราวเป็นเช่นนี้ต้องเท้าความไปถึง วันนั้น ณ วังหลวงแห่งจักรวรรดิซีฉิน องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินต้องการจับคู่พระอนุชาของข้าให้อภิเษกกับองค์หญิงคลั่งรักซึ่งเป็นบุตรสาวของตัวเขาเอง ในฐานะผู้พี่มีหรือจะปล่อยไว้ได้? ข้าในเวลานั้นจึงรีบหยุดไว้โดยไว โดยหยิบยกองค์หญิงอวี๋อิงเข้ากล่าวอ้าง แต่ในความเป็นจริง องค์หญิงอวี๋อิงก็คือหลานสาวของพระอนุชาข้าคนหนึ่ง หากให้มาอภิเษกสมรสกันนับว่าผิดศีลธรรมไม่เหมาะสม ดังนั้น ข้าผู้นี้จึงขอเปลี่ยนให้เจ้าอภิเษกสมรสกับวีรสตรีอันดับหนึ่งแห่งตงหลี่อย่างเซียถงแทน เจ้าว่าเยี่ยงไร?”
องค์จักรพรรดิตงหลี่หันไปเอ่ยถามไป๋หลี่หาน
คำกล่าวประโยคนี้ขององค์จักรพรรดิตงหลี่ประดุจอสนีบาตสีครามฟ้าสะบัดผ่าลงมา เซียถงสะดุ้งโหย่วแทบกระโดดด้วยความตกตะลึง หากไป๋หลี่หานกับไป๋หลี่อวี๋อิงแต่งงานกันไม่ได้ ก็เรื่องของพวกเขาทั้งคู่สิ แล้วมันเกี่ยวบ้าอะไรกับนาง? ไฉนจู่ๆ ถึงลากนางเข้ามาพัวพัน?
คล้อยหลังพยายามครุ่นคิดสักครู่ใหญ่ ในที่สุดเซียถงก็ทราบถึงความคิดขององค์จักรพรรดิตงหลี่ ด้วยความงดงามสะสวยของไป๋หลี่อวี๋อิง คงเป็นอะไรที่น่าเสียดายเกินไป หากต้องมาลงเอยกับชายขี้เหร่อย่างไป๋หลี่หาน ในทางตรงกันข้าม เซียถงคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับไป๋หลี่หานแล้วบนผืนพิภพแห่งนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ…
เพราะองค์ชายอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่ ย่อมเหมาะสมกับหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่ที่สุดแล้วยังไงล่ะ…
ทุกคนต่างหันขวับจับจ้องไปทางเซียถง ตัดสลับกับไป๋หลี่หาน ดวงตาโพล่งกว้างแทบถลนด้วยความตกตะลึง
เซียถงเลิกคิ้วกระตุกขึ้นทันที ประสานมือคุกเข่าอย่างไม่รีบไม่ร้อนตามอารมณ์ ทูลกล่าวขึ้นว่า
“รูปโฉมของหม่อมฉันอัปลักษณ์น่ารังเกียจ ไม่มีทางเหมาะสมคู่ควรกับพระอนุชาของฝ่าบาทได้เลย หากฝ่าบาททรงจัดงานอภิเษกสมรสนี้ขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะทำให้พระอนุชารวมไปถึงตัวท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงพ่ะย่ะค่ะ! และนั่นอาจทำให้หม่อมฉันต้องโทษถึงขั้นประหารชีวิต!”
คล้อยหลังที่กล่าวออกไปเช่นนั้น นางก็ยังคุกเข่าประสานมือเหนือศีรษะอยู่แบบเดิม ใบหน้าที่ก้มมองพื้น หากสังเกตให้จงดีจะพบว่า นางกำลังยิ้มมุมปากแสยะบาง ว่าด้วยความนิยมของตัวนางในเวลานี้ การหยิบยกเรื่องความตายของนางขึ้นมาปกป้องตัวเองนับว่าเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ
นี่ถือเป็นการเลี่ยงพระราชโองการขององค์จักรพรรดิตงหลี่ได้อย่างแนบเนียน ทว่าผิดคาด องค์จักรพรรดิตงหลี่หาได้เผยแสดงสีหน้าไม่พอใจใดๆ เขาหันไปมองไป๋หลี่หานพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยขึ้นว่า
“น้องข้า หากต้องอภิเษกสมรสกับเซียถง เจ้ามีความเห็นเยี่ยงไรบ้าง? จะอย่างไร หญิงสาวนางนี้มีพรสวรรค์สูงส่งตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งยังเฉลียวฉลาดเกินวัย หญิงสาวเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง สำหรับข้าแล้ว ถือเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับเจ้าดั่งกิ่งทองใบหยก ใช่ไหมพวกเจ้า?”
ประโยคทิ้งทวนสุดท้าย องค์จักรพรรดิตงหลี่หันไปไถถามความเห็นจากบรรดาขุนนางด้านหลัง
บรรดาขุนนางทั้งหลายเร่งพยักหน้าตอบโดยไว
“เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก คำนี้นับว่าไม่เกินจริงเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งคู่กับชายอัปลักษณ์อันดับหนึ่ง ช่างเป็นอะไรที่ลงตัวปานนี้
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่องค์จักรพรรดิตงหลี่วางแผน คลุมถุงชนนางให้ปรองดองกับไป๋หลี่หาน? ไยนางถึงไม่รู้สึกตัวมาก่อน?
ทันทีทันใด เพลิงโทสะพลันปะทุสุมทรวงขึ้นในใจ นางลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า ค่อยๆ เบี่ยงสายตาชำเลืองไปทางไป๋หลี่หานที่กำลังมองนางอยู่ ดูประกายตาของเจ้าหมอนี่สิ ไฉนถึงได้ระยิบระยับราวกับสมใจอยากปานนั้น!
สี่ตาสองคู่สบปะทะชน ทันใดนั้นพลันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นอย่างไร้เหตุผล นิ้วทั้งสิบบีบแน่นเข้าหากัน ฝ่ามือเปียกชุ่มฉาบคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเหนียวเนอะน่ะในทันใด
ไป๋หลี่หาน ขอร้องเถอะ! ปฏิเสธเดี๋ยว…
“รับด้วยเกล้า!”
โดยไม่รีรอให้เซียถงเปิดปากกล่าวใดๆ อีกต่อไป ไป๋หลี่หานยกแขนเสื้อยาวผสานส่งมอบ คุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิตงหลี่โดยทันที
ชายเสื้อคลุมยาวโบกสะบัดพลิ้วไหวดุจผีเสื้อ ร่างตั้งตรงอยู่ในท่าคุกเข่างามสง่า แต่ก็มั่นคงดุจหินผาเช่นกัน โดยรวมแล้วทุกกัปกิริยาของเขาในตอนคุกเข่า ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยสง่าราศียิ่งยวด บรรดาผู้คนในงานเลี้ยงโดยรอบต่างพยักหน้าให้อย่างลับๆ ด้วยความชื่นชมอยู่หลายส่วน
ความทรงสง่าราศีของราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้ไม่มีใครเทียบเคียงได้เลยจริงๆ!
“เรียนฝ่าบาท! หม่อมฉันทราบดี ตนนั้นไม่คู่ควรกับพระอนุชาของท่าน โปรดไตร่ตรองอีกครั้งด้วยเถิด!”
ทันทีที่สุ้มเสียงไป๋หลี่หานลดลง ก็เป็นเซียถงที่ยืนกรานคัดค้าน ยืนจ้องหน้าองค์จักรพรรดิตงหลี่อย่างเย็นชา
ไป๋หลี่หานค่อยๆ เคลทื่อนสายตาหันเข้าจับจ้องไปทางเซียถง แต่ทันใดนั้น เขาก็ถึงกับใจหายวาบ รูม่านตาดำหดตัวตีบตันด้วยความตกใจสุดขีด เพราะแลเห็นประกายแสงริบหรี่จางๆ ส่องสะท้อนออกมาจากใต้แขนเสื้อยาวบนข้อมือขวาของนางที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง เห็นเพียงแค่นั้น เขาก็สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของนางได้ทันใด
ดวงตาสีดำขลับทวีความทมิฬมืดลง เชื่อเขาเลย! กระทั่งองค์จักรพรรดิผู้เป็นกษัตริย์แผ่นดิน นางยังหาญกล้าวางแผนปรงพระชนม์ได้อย่างไม่ลังเล ข้าล่ะจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้เลยว่าความกล้าหาญของนางอยู่สูงเสียดฟ้าปานใด!?
เซียถงจ้องลึกถึงนัยน์ตาขององค์จักรพรรดิตงหลี่ คิดหาวิธีลอบสังหารอย่างไรให้อีกฝ่ายตายในคราเดียว ไม่นานนัก นางก็เล็งไปที่ลำคอของอีกฝ่าย หวังใช้คมมีดในมือตัดเส้นเลือดใหญ่ตรงนั้นให้สิ้นใจทันที เพราะจะอย่างไร ชีวิตของท่านแม่นางตอนนี้เป็นตายอย่างไรกลับไม่ทราบ ดังนั้นนางก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไว้หน้าองค์จักรพรรดิตงหลี่อีกต่อไป เพียงฆ่าให้ตายและหนีออกจากจักรวรรดิตงหลี่ หาที่ซุกตัวในดินแดนอันไกลโพ้นสักแห่งหน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หากองค์จักรพรรดิตงหลี่เพิกเฉยต่อคำคัดค้านของเซียถงโดยตรง และยังยืนกรานให้นางอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หานให้ได้ สงสัยว่าต้องลงมือแล้วจริงๆ ส่วนผู้คนในจวนเสนาบดีเซี่ย ก็แค่รับบางคนที่เต็มใจติดตามนางหนีไปจริงๆ ส่วนที่เหลือก็ไม่จำต้องสนใจไยดีอันใดแล้ว
เมื่อสบสายตากับเซียถง สีหน้าการแสดงออกขององค์จักรพรรดิตงหลี่ก็ค่อยๆ ทมิฬขรึมลง ประกายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ มีหรือที่คนอย่างเขาจะมองไม่ออกมา เซียถงคิดจะวางแผนทำอะไร? ในทางตรงข้าม เขากระจ่างแจ้งดีเกี่ยวกับอุปลักษณ์นิสัยของสาวน้อยนางนี้ บุคลิกดุร้ายเย็นชา จิตใจเหี้ยมโหด เปรียบเสมือนระเบิดเวลาลูกหนึ่ง หากเผลอทำให้ระเบิดลูกนี้ต้องระเบิดออกมา ย่อมประสบความสูญเสียกับทุกภาคส่วน
ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องตละเตรียมแผนสำรองสำหรับนาง…
สีหน้าการแสดงออกขององค์จักรพรรดิตงหลี่แปรเปลี่ยนรวนเรอยู่หลายครา จนท้ายที่สุดก็ค่อยๆ กลับมาสุขุมดังเดิม ยิ้มกล่าวกับเซียถงอย่างแช่มช้าขึ้นว่า
“เซียถง ข้าได้ยินข่าวการหายตัวไปของแม่เจ้าแล้ว ซึ่งตัวข้าผู้นี้เองก็เป็นกังวลมิใช่น้อย จึงสั่งให้อัครมหาเสนาบดีเย่เข่าจัดการดูแลเรื่องแม่ของเจ้าแล้ว”
“เรียนฝ่าบาท ข้าน้อยเข้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ จนพบเข้ากับเบาะแสหนึ่ง น่าจะสืบสาวไปถึงที่อยู่ของแม่คุณหนูเซียได้”
ทันใดนั้นเอง เย่หลีเทียนก็ก้าวขึ้นหน้าผสานมือกล่าวกับองค์จักรพรรดิตงหลี่ มุมปากกระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย
สีหน้าการแสดงออกของเซียถงราวกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ นางหันไปกล่าวกับเย่หลีเทียนด้วยความกังวลยิ่งว่า
“ท่านแม่ข้าอยู่ที่ไหน?”
เย่หลีเทียนไม่ตอบ เพียงส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนสายตาหันไปจับจ้ององค์จักรพรรดิตงหลี่อีกครั้ง
เซียถงเข้าใจได้ทันที ว่าพวกเขาสองคนนี้กำลังหมายความว่าเยี่ยงไร! เรื่องราวทั้งหมดปรากฏว่าเป็นเช่นนี้นี่เอง องค์จักรพรรดิตงหลี่ออกคำสั่งลับ ส่งเย่หลีเทียนออกไปตามหาท่านแม่ของนางเพื่อจับตัวมาไว้ในกำมือ เพื่อใช้บีบบังคับให้นางอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หาน!
ในเวลานี้ได้แต่กัดฟันก้มหน้ายอมรับ เซียถงก่นเสียงเย็นชาสั่นเครือกล่าวตอบอย่างจำใจขึ้นว่า
“หม่อมฉัน…เข้าใจแล้ว รับด้วยเกล้า!”
คล้อยหลังจากนั้น นางก็ลอบส่งสายตาจับจ้ององค์จักรพรรดิตงหลี่ตาเขม็ง รอให้อีกฝ่ายปริปากกล่าวถึง ที่อยู่ของท่านแม่นางเสียที
ตราบใดที่นางช่วยท่านแม่ออกมาได้ก่อน เรื่องงานอภิเษกสมรสก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว กับแค่สัญญาปากเปล่าในวันนี้ หรือต่อให้ทำสัญญาแบบลายลักษณ์อักษร นางย่อมสามารถฉีกได้ไม่ไว้หน้า!
ได้ยินดังนั้น องค์จักรพรรดิระเบิดหัวเราะเปี่ยมสุข เอื้อมมือไปตบไหล่นางเบาๆ ยิ้มกล่าวอย่างเป็นมิตรว่า
“เซียถง ข้าจะรับเจ้าเป็นพระราชธิดาบุตรธรรมของข้า และแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นองค์หญิงหมิงจู ทั้งยังอภิเษกสมรสกับพระอนุชาของข้าอย่างราชาหมาป่าสวรรค์ในฐานะพระชายาเอกแห่งดินแดนอี้เฉิง นั่นก็เท่ากับว่า แม่ของเจ้าและเจ้าก็คือครอบครัวเดียวกันกับข้า เช่นนั้นแล้ว ข้าจะทุ่มขุมพลังทั้งหมดในตงหลี่เพื่อตามหาท่านแม่เจ้าให้พบ ขอสัญญาเลยว่า จะต้องพาแม่เจ้าไปงานอภิเษกสมรสของเจ้าให้จงได้”
ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์… เซียถงกรนด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจ ความหมายในคำกล่าวขององค์จักรพรรดิตงหลี่มันชัดแจ้งมาก หรือก็คือ ตัวมันจะปล่อยแม่ของนางเป็นอิสระในงานวันอภิเษกสมรสเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้นางหนีงานอภิเษก
“ขอบพระคุณฝ่าบาทสำหรับพระกรุณาอันล้นพ้น แต่หากได้รับข่าวคราวของท่านแม่มาบ้างแล้ว โปรดชี้แจ้งให้หม่อมฉันทราบ เพราะยามนี้นางยังอยู่หรือตายไปแล้วกลับจนปัญญา มิฉะนั้นแล้ว หม่อมฉันคงไม่มีอารมณ์เตรียมตัวสำหรับงานอภิเษกสมรสนี้”