ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 373 ข้ายอมลงนรกเพื่อเจ้า (1)
ตอนที่373 ข้ายอมลงนรกเพื่อเจ้า (1)
ตอนที่373 ข้ายอมลงนรกเพื่อเจ้า (1)
องค์จักรพรรดิตงหลี่พยักหน้ารับคำ หันหน้าไปมองทางเย่หลีเทียน เอ่ยขึ้นว่า
“อัครมหาเสนาบดีเย่ ชี้แจงเบาะแสที่ได้รับมากับเซียถง หวังว่าจะพอคลายกังวลได้บ้าง”
เย่หลีเทียนรับคำสั่ง กวาดสายตาแลซ้ายมองขวาไปโดยรอบ ทันใดนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าแนบชิดกับเซียถง เอ่ยกระซิบเสียงต่ำขึ้นว่า
“คุณหนูเซีย ออกไปคุยกันสักครู่เถอะ”
เซียถงพยักหน้าตอบตกลง และเดินติดตามเขาออกจากโถงงานเลี้ยงไป ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณห่างไกลจากบรรดาฝูงชนที่เจื้อยแจ้ว
เย่หลีเทียนกวาดสายตามองฝูงชนเหล่านั้นที่อยู่ห่างไกล มั่นใจให้แน่ว่าคนพวกนั้นจะไม่ได้ยินบทสนทนาต่อไปนี้ จากนั้นจึงค่อยหันหลังให้ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากใต้อกเสื้อพร้อมยื่นส่งมอบแก่เซียถง กล่าวว่า
“คุณหนูเซีย ลองดูนี่”
เซียถงรับกระดาษต้องสงสัยแผ่นนั้นมา คลี่กางเปิดอ่าน ภายในนั้นมีอักษรหมึกสีดำจางๆ อยู่สามสี่คำ เขียนระบุไว้สั้นๆ
‘แม่คุณหนูเซียถูกจับตัวไป มันกำลังหาโอกาสส่งตัวนางกลับ’
“ใครกันที่จับตัวแม่ข้าไป?”
เซียถงกำกระดาษแผ่นนั้นในกำมือแน่น
“ข้าได้รับกระดาษแผ่นนี้มาจากพิราบสื่อสารส่งตรงจากจักรวรรดิซีฉิน เบาะแสที่พอมีคือ แม่ของท่านถูกทรชนจากซีฉินจับตัวไป ซึ่งในขณะนี้น่าจะกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในตงหลี่ และกำลังเสาะหาโอกาสส่งตัวนางกลับซีฉิน”
เย่หลีเทียนมองนางขยำกระดาษแผ่นนั้นในกำมือ ขมวดคิ้วสีหน้าเอาจริงเอาจัง
พวกคนจากซีฉิน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า องค์จักรพรรดิซีฉินสั่งให้ใครสักคนลักพาตัวแม่ของนาง? พวกมันต้องการบังคับแม่ให้บอกที่ซ่อนคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้? แต่หากวิเคราะห์ตามเนื้อหาในแผ่นกระดาษแล้ว แม่ของนางน่าจะยังอยู่ในตงหลี่ และตราบใดที่นางยังอยู่ในตงหลี่ นี่ก็ยังสามารถจัดการได้ไม่ยากนัก
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ ท่านได้รับสาสน์แผ่นนี้เมื่อใด?”
เซียถงเปิดกระดาษแผ่นนั้นขึ้นอ่านอีกครั้ง พยายามพินิจตรวจสอบทุกข้อความบนนั้นอย่างรอบคอบ
“บ่ายวันนี้เอง ฝ่าบาทสั่งระดมกองทหารเฝ้าทุกเนประตูเข้าออกเมืองอย่างเข้มงวด และไม่มีทางปล่อยให้คนร้ายหลุดลอยนวลออกไปแน่นอน ขอสัญญาเลยว่า ตราบใดที่แม่ของท่านยังอยู่ในเมืองเฟิงหลี่แห่งนี้ ข้าจะต้องหานางจนพบในไม่ช้า และจะฆ่าคนร้ายที่ลักพาตัวแม่ของท่านให้จงได้!”
เย่หลีเทียนกำหมัดแน่น ดวงตาสีดำขลับยิ่งทวีความมิดหม่นเป็นประกายดุจน้ำหมึก ลึกลงไปคล้ายเผยสะท้อนแววดุร้ายประหนึ่งสัตว์ป่ากระหายเลือด
เมื่อเซียถงเห็นดวงตาเช่นนั้นของอีกฝ่าย นางถึงกับสั่นสะท้านด้านชายันหนังศีรษะ เผลอก้าวถอยออกไปโดยมิรู้ตัว พยายามตีตัวออกหากไป สักครู่หนึ่งค่อยตั้งสติได้จึงขอบคุณขึ้นว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ ลำบากท่านแล้ว! เซียถงรู้สึกขอบคุณจากใจจริง หากท่านต้องการให้เซียถงคนนี้ทำสิ่งใด ย่อมบอกกล่าวกันได้”
ครั้งนี้เย่หลีเทียนค่อนข้างมาแปลกมาก เขาดูกระตือรือร้นอย่างยิ่งกับการช่วยตามหาท่านแม่ของนาง บางทีลึกๆ แล้วเขาอาจมีแผนการอะไรสักอย่างซุกซ่อนอยู่ลับหลังก็เป็นได้
“คุณหนูเซีย จากที่ตัวข้าตรวจสอบมา ทรชนผู้นั้นจากซีฉินที่ลักพาตัวแม่ของท่านไปค่อนข้างแข็งแกร่ง สถานที่ซ่อนตัวก็ยังลึกลับไร้ซึ่งร่องรอยเบาะแส หากคิดจะลุกเดี่ยวเข้าช่วยเหลือ เกรงว่าเป็นไปได้ด้วยยาก อาศัยขุมพลังขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นเพียงคนเดียวมิน่าจะเพียงพอ”
เย่หลีเทียนค่อยๆ หรี่สายตาคับแคบ ความมืดที่ซ่อฯอยู่ในดวงตาของเขาถูกเปิดเผยออกมา
เซียถงรู้สึกรังเกียจสายตาคู่นี้ของเย่หลีเทียนมากเหลือเกิน นางรู้สึกดั่งว่ากำลังถูกอสรพิษร้ายจ้องเขมือบอยู่ก็มิปาน นางเอียงศีรษะปั้นหน้าฉงนใจเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่ค่อยแน่ใจขึ้นว่า
“เช่นนั้น…”
“เช่นนั้นแล้ว ฝ่าบาทจึงตั้งใจจะใช้ขุมกำลังทัพทั้งหมดที่มีเพื่อบุกเข้าช่วยเหลือแม่ของท่าน หากคุณหนูเซียไม่ว่าอะไร…หลังจากแต่งงานกับราชาหมาป่าสวรรค์แล้ว รบกวนท่านเขียนรายงานทุกการเคลื่อนไหวของเขาให้แก่พวกเราทราบด้วยจะได้หรือไม่?”
เย่หลีเทียนนิ่งยืนอยู่ภายใต้ต้นไม้สูงใหญ่ พร้อมเงาความมืดที่ห่อหุ้มปกคลุม ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเสมือนถูกความมืดทมิฬกลืนกิน จะเหลือก็เพียงประกายแสงสองจุดที่พุ่งส่องสะท้อนออกมาจากดวงตาเท่านั้น
เซียถงที่ได้ฟังเช่นนี้ก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที ทั้งจุดประสงค์หลักที่องค์จักรพรรดิตงหลี่ต้องการให้นางอภิเษกกับไป๋หลี่หาน รวมไปถึงแผนการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ในอนาคต แต่อย่างไร เรื่องราวในภายภาคหน้า มันก็หาใช่ธุระของนางอีกต่อไปแล้ว และนางเองก็ขี้เกียจเกินว่าจะสืบสาวเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังไปมากกว่านี้แล้วเช่นกัน
“ตกลง ตราบใดที่ช่วยเหลือท่านแม่ของข้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ข้าเองก็ย่อมทำตามสัญญา”
ตามที่เอ่ยกล่าวไม่มีบิดพลิ้ว ตราบเท่าที่ช่วยเหลือชีวิตท่านแม่ออกมาได้ ไม่ว่าจะต้องการอะไรย่อมสนองให้
“หากเป็นไปได้…ช่วยรวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของราชาหมาป่าสวรรค์มาให้ด้วยจะดีมาก”
สำหรับประโยคนี้ เย่หลีเทียนยิ่งหรี่เสียงต่ำมากเป็นพิเศษ ภายใต้ร่มเงาความมืดมิดที่ปกคลุม สิ่งเดียวที่เซียถงมองเห็นก็คือ ประกายแสงแวววับที่สาดสว่างออกมาจากดวงตาของเขา
ภายในประกายแสงคู่นั้น อัดแน่นไปด้วยแววความโลภและริษยาที่เจิดจรัส เสมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังซุ่มตัวในเงามืด เพื่อรอโอกาสลอบโจมตีศัตรู
“ตกลง!”
นางเก็บกระดาษแผ่นนั้นสอดใส่ใต้แขนเสื้อ ขอเพียงช่วยเหลือชีวิตท่านแม่ออกมาได้ ไม่ว่างานสกปรกแค่ไหน นางก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
“หลังจากนี้ ข้าจะพยายามเสาะหาที่ซ่อนตัวแม่ของท่านโดยเร็วที่สุดเพื่อบุกเข้าช่วยเหลือ หากได้ความอย่างไรเพิ่มเติม จะรีบแจ้งให้ท่านทราบ”
ใบหน้าของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาระบายยิ้มหัวเราะท่ามกลางร่มเงามืดมิด ซึ่งนี่ไม่ว่าใครได้เห็นต่างต้องรู้สึกขนลุกซู่วขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ภายในใจเซียถงรู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะนี้ นางพูดและถามทุกอย่างที่จำเป็นไปหมดแล้ว จึงไม่มีธุระอันใดที่ต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไป
องค์จักรพรรดิตงหลี่สั่งให้คนเรียกเย่หลีเทียนกลับเข้างานเลี้ยง ทั้งยังฝากบอกถึงเซียถงอีกว่า หากต้องการพักผ่อนย่อมสามารถกลับได้เลยตามต้องการ เช่นนั้นจึงเดินทางออกจากวังหลวงทันทีในยามราตรีเพียงลำพัง เซียถงชำเลืองสายตามองร่างของผู้คนมากมายที่กำลังสุขสำราญโยกเยกอยู่ในโถงใหญ่ พึงหมุนตัวกลับและเดินจากออกไปอย่างแช่มช้า นางไม่ต้องการอยู่ที่นี่ เพื่อรับฟังคำเยินยอและสรรเสริญอันแสนจอมปลอมเหล่านั้นอีกต่อไป เพียงต้องการใช้สมาธิในสักแห่งหนที่เงียบสงบ สำหรับการคิดหาวิธีเสาะหาที่ซ่อนตัวของท่านแม่
เดินไปตามเส้นทางในวังหลวง ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบในค่ำคืนรัตติกาล ครุ่นพินิจถึงทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้า ทั้งเรื่องที่ท่านแม่ของนางถูกทรชนจากจักรวรรดิซีฉินลักพาตัวไป เรื่องที่ไป๋หลี่อวี๋อิงต่อต้านงานอภิเษกสมรสกับไป๋หลี่หาน จนสุดท้ายองค์จักรพรรดิตงหลี่จึงจับนางบังคับแต่งแทน จะว่าไป เรื่องราวในคืนนี้ก็ค่อนข้างหนักหนา
มิทราบเลยว่าท่านแม่ยังสบายดีอยู่หรือไม่? หากท่านแม่ของนางยังแข็งแรงดีอยู่ คงไม่ต้องทุกข์ใจปานนี้ ทว่านางมีสภาพร่างกายอ่อนแอ ทั้งยังป่วยเป็นโรคร้ายแรง ยิ่งโดนลักพาตัวไปเช่นนี้ นางคงกำลังทุกข์ทรมานอย่างมากเป็นแน่แท้?
ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน แต่ในเวลานี้กลับไม่มีเบาะแสใดๆ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ สภาพจิตใจของเซียถงกลับรู้สึกอ่อนแอลงอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่เดินตรงตามเส้นทางเบื้องหน้าไปเรื่อย พลางอ่านกระดาษแผ่นนั้นในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พอรู้ว่าต้องเป็นพระชายาของข้าผู้นี้ ไฉนเจ้าถึงดูไม่มีความสุขนัก?”
ขณะก้าวย่างขึ้นย่างเหยียบบนสะพานข้ามธารน้ำ ก็พลันปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นขวางเส้นทางเบื้องหน้ามิให้ไปต่อ
สองมือกระชับถือแผ่นกระดาษไม่คลี่คลาย เซียถงเงยหน้าขึ้นมองเจือแววประหลาดใจที่เห็นไป๋หลี่หานปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
ภายใต้แสงจันทร์ไสวดุจวารี ร่างสูงโปร่งของเขาสะท้อนแสงนวลจางๆ สาดฉายออกมา ผนวกกับสายตาคู่หนาวเย็นภายใต้หน้ากากสีดำขลับเข้ม เสมือนผืนปฐพีแห่งนี้ล้วนตกอยู่ใต้อานัติของเขาโดยสมบูรณ์
‘หากเป็นไปได้…ช่วยรวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของราชาหมาป่าสวรรค์มาให้ด้วยจะดีมาก’
สุ้มเสียงทุ่มต่ำของเย่หลีเทียนราวกับยังคงดังก้องสะท้อนอยู่ในหูของเซียถง นางขมวดคิ้วจับจ้องไป๋หลี่หานตรงหน้า
“หาก…หากเจ้าไม่ต้องการจริงๆ …”
น้ำเสียงนุ่มนวลสุดแสนที่เปล่งดังออกมา ไป๋หลี่หานโปรยวาจาขึ้นคำหนึ่งเสมือนสายลมที่ลอยผ่าน
ทว่าผ่านไปได้ครึ่งท่อน เขากลับหยุดชะงักไม่พูดต่อ จ้องหน้ามองเซียถงอย่างเงียบงัน
เซียถงกำมือแน่น เอ่ยเสียงเรียบนิ่งขึ้นว่า
“ต้องการจะพูดอันใด?”
ไป๋หลี่หานจับจ้องใบหน้าฉาบไอเย็นยะเยือกของนางไม่คลายอ่อน ดวงตาหม่นประกายลงหนึ่งส่วน คล้อยหลังเสียงถอดถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาจึงค่อยกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“หากเจ้าไม่ต้องการอภิสมรสกับข้าผู้นี้จริงๆ บางทีข้าอาจยังพอช่วยคุยเรื่องนี้กับฝ่าบาทได้อยู่บ้าง”