ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 375 สินสอดหมื่นกล่อง (1)
ตอนที่375 สินสอดหมื่นกล่อง (1)
ตอนที่375 สินสอดหมื่นกล่อง (1)
“ข้ายอมลงนรกเพื่อเจ้า”
คำตอบเพียงไม่กี่คำที่เปล่งดังออกมา เสมือนก่อเกิดสายลมระลอกหนึ่งพัดผ่านในจิตใจของเซียถง ภายใต้คลื่นลมพลิ้วไสว โยกย้ายอารมณ์หญิงสาวขึ้นลงไม่คงที่ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาให้ ช่วยโอบอุ้มจิตวิญญาณดวงหนึ่งที่จมอยู่ในความมืดมิด ประหนึ่งประภาคารในค่ำคืนอันมืดมิดที่สุด ยามนี้มันได้ส่องแสงสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ามือหนาใหญ่ที่กำลังโอบเอวของนางช่างอบอุ่นและกว้างขวางมั่นคง เซียถงอดเงยหน้าจับจ้องชายตรงหน้าอย่างว่างเปล่ามิได้
หากอยู่กับเจ้าแล้วต้องลงนรก? เช่นนั้นข้าก็พร้อมจับมือลงนรกไปกับเจ้า! นี่คือสิ่งที่ไป๋หลี่หานได้ตัดสินใจแล้ว
กระแสความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือหนาใหญ่ของชายหนุ่มซึมซาบเข้าสู่จิตใจของเซียถง ทันใดนั้นเอง ก็มีใบหน้าของชายหนุ่มอีกคนที่แสนคุ้นเคย ปรากฏขึ้นมาและค่อยๆ ซ่อนทับลงไปกับใบหน้าของไป๋หลี่หาน มู่เฟย…
บ้าจริง นี่ข้าหลงลืมอดีตอันเจ็บปวดในตอนนั้นไปได้เยี่ยงไร?
ลืมไปได้อย่างไรว่า ชายที่นางเคยรักสุดหัวใจคนนั้น มันทำอะไรกับนางไว้บ้าง?
นี่ข้าลืมบทเรียนสีเลือดในค่ำคืนนั้นได้ยังไงกัน?
หัวใจดวงนี้ที่แสนอบอุ่นพลันเยียบเย็นลงทันควัน ผนึกน้ำแข็งที่แตกร้าวรานก่อตัวฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เซียถงสะบัดข้อมือผละร่างออกจากอีกฝ่ายทันที ก้าวถอยหลังปราดออกห่าง สะบัดหน้าหนีกล่าวขึ้นอย่างไม่แยแสว่า
“หากท่านต้องการอภิเษกสมรสกับข้าจริง เช่นนั้น จงจัดขบวนแห่มาสู่ขอข้าทอดยาวสิบลี้อย่างทรงเกียรติ พร้อมสินสอดอีกหมื่นกล่อง!”
กล่าวจบนางหาได้สนใจอันใดอีก หันหลังให้และกระโดดขึ้นหลังคาวังหลวง วิ่งหนีออกไปโดยตรง
ไป๋หลี่หานเงยหน้ามองทิศทางที่นางหายตัวไปราวกับสายฟ้า ชั่วขณะหนึ่ง เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นางกำลังใจอ่อนลงแล้ว ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ สีหน้าการแสดงออกของนางก็กลับมาดูเย็นชาอีกครั้งทันที
นางเก็บซ่อนสิ่งใดเอาไว้ในใจกัน?
หน้าจวนเสนาบดีเซี่ย ก็ยังเต็มไปด้วยขบวนของเหล่าคุณชายทั้งหลายที่แห่กันมาสู่ขอนับไม่ถ้วน เซียถงจึงเลือกใช้ประตูหลังในการลอบกลับเข้าจวน เมื่อมาถึงเรือนพักของตน ก็กางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะ นั่งพินิจวิเคราะห์ข้อความที่ถูกเขียนอยู่ในนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ถึงน้ำหมึกอักษรจะจางอ่อนไปบ้าง แต่อักษรไม่กี่ตัวบนนี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกมันถูกเขียนขึ้นด้วยความประณีต เจ้าของลายมือจะต้องเป็นพวกบัณฑิตหรือมีการศึกษาที่สูงในระดับนึงเลย กล่าวตามสัตย์จริง ยิ่งจับจ้องข้อความเหล่านี้มากเท่าไหร่ เซียถงก็ยิ่งรู้สึกกังขาใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่านางมองข้ามอะไรสักอย่างไป อะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ตัว แต่ดันยนึกไม่ออก
ระดมสมองครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังนึกอะไรไม่ออก ขณะที่กำลังรู้สึกหดหู่ใจนั่นเอง จู่ๆ ก็มีอุ้งเท้าจิ๋วแสนนุ่มนิ่มและปุกปุย เดินเข้ามาเหยียบย้ำกระดาษแผ่นนั้น
เสียงอุ้งเท้านุ่มนิ่มเหยียบดังเตาะแตะ กดทับลงบนแผ่นกระดาษอยู่สี่ห้าครั้งติดต่อกัน และบังเอิญไปพิมพ์ประทับรอยเท้ารูปดอกพลัมทั้งห้าทับตัวอักษรเหล่านั้นจนมิด จากนั้นก็ส่งเสียงร้องจิ๊ดจิ๊ดออกมา
“จี้จี้อย่า! ไม่นะจี้จี้!!”
เซียถงรีบคว้าตัวเจ้าจี้จี้ออกมาจากกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะโดยไว แต่กลับสายตาไปแล้ว รอยเท้าของมันได้พิมพ์ทับลงบนอักษรเหล่านั้นจนมิด
“นี่เจ้าหายไปไหนมาเนี่ย?”
เซียถงจีบที่คอของเจ้าจี้จี้ห้อยต่องแต่งอยู่ปลายนิ้ว จะว่าไปแล้วนางเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้ามันก็ตอนที่ขอความช่วยเหลือจากไป๋หลี่หาน ให้บุกงานแต่งของหลัวซีในครานั้น
“จิ๊ด จิ๊ด!”
เจ้าจี้จี้ยกอุ้งเท้าหน้าน้อยๆ ของมันมาลูบหน้าท้องอยู่หลายที
“อิ๋งเอ๋อร์ ไปหาอะไรให้กินหน่อย”
เห็นดังนั้นย่อมทราบ จี้จี้กำลังท้องร้องหิวมิใช่น้อย เช่นนั้นนางจึงหันไปตะโกนให้อิ๋งเอ๋อร์ที่กำลังทำความสะอาดเรือนอยู่ด้านนอก
อิ๋งเอ๋อร์รีบวิ่งตรงเข้ามา ชะโงกศีรษะมองหา แลเห็นเจ้าจี้จี้ที่ปรากฏตัวจากไหนก็มิทราบห้อยต่องแต่งอยู่ปลายนิ้วของเซียถง นางก็จับจ้องมันอย่างฉงนสงสัย เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณหนู นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านรึเจ้าค่ะ?”
“อืม วานเจ้าไปเอาอาหารสักสองสามจานจากโรงครัวมาที”
เซียถงลูบศีรษะนุ่มฟูของมันเบาๆ และทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวจบ มันก็ดีดตัวกระโดดออกจากปลายนิ้วที่จับจีบของนาง วิ่งดุ๋กดิ๋กเข้าไปใช้อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างกอดปลายจมูกนางทันที ทั้งยังใช้ลิ้นน้อยๆ แสนนุ่มนิ่มเลียปลายจมูกดูขี้อ้อนอย่างมาก
เจ้าตัวจิ๋วนี่มันฉลาดเป็นกรด ออกไปเที่ยวเล่นตามใจนึกโดยไม่สนใจสิ่งใด แต่พอหิวก็รีบกลับมาออดอ้อนนางให้ไว
ถูกเจ้าจี้จี้ลงลิ้นเลียจมูกไม่หยุดหย่อน สักพักนางชักจะรู้สึกบ้าจี้ขึ้นมา ทำเอาอดหัวเราะมิได้ ทั้งสองก็ยังเล่นกันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งอิ๋งเอ๋อร์นำบะหมี่หน้ากุ้งสองจานยกเข้ามาให้
และเพียงได้กลิ่นหอมกรุ่นจากบะหมี่หน้ากุ้งเท่านั้น เจ้าจี้จี้ก็ละความสนใจออกจากเซียถงทันที และโรยตัวกระโดดลงชามบะหมี่หน้ากุ้งโดยไว สะบัดหางปุกปุยเหวี่ยงไปมา สังคายนาอาหารตรงหน้าของมันอย่างเมามัน
อิ๋งเอ๋อร์มองดูจี้จี้ที่โรยตัวโยนทิ้งร่างของมันลงในชามบะหมี่ นอนกลิ้งเกลือกไปมาอยู่ใต้ก้นชามอย่างซุกซน เห็นเช่นนั้นนางรู้สึกว่า มันน่ารักเหลือเกิน อดใจแหย่นิ้วออกไปลูบหางยาวสลวยที่โผล่ออกมาไม่ได้ นางยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“คุณหนู ไปได้มันมาจากไหนรึเจ้าค่ะ? ตัวเล็กน่ารักเหลือเกินเจ้าค่ะ!”
“จิ๊ด!”
ทันทีที่ปลายนิ้วของอิ๋งเอ๋อร์แตะสัมผัสกับหางที่โผล่ยื่นออกมาจากชาม เจ้าจี้จี้ก็สะดุ้งโหย่ง สะบัดตัวพลิกกลับด้วยความตกใจราบกับถูกไฟไหม้หางของมัน ทั้งยังยีฟันส่งเสียงขู่ดูกระโชกโฮกฮากดุร้ายขึ้นมาทันตา สำหรับในส่วนหางของมันแล้ว นอกเสียจากเซียถง ก็หาใช่สิ่งที่ใครผู้ใดควรแตะต้อง
อิ๋งเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก นางรีบชักมือกลับออกมาโดยไว แลเห็นเจ้าจี้จี้ปั้นหน้าดุหวังจะข่มขู่ ก็อดหัวเราะคิกคักออกมามิได้และกล่าวขึ้นต่อว่า
“เจ้าตัวน้อยนี่จะน่ารักเกินไปแล้ว! คุณหนู มันดูโก๊ะๆ ตลกดีนะเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ นางก็ตั้งใจจะเอื้อมมือออกไปจับหางของมันอีกครั้ง
“อย่าแตะต้องตัวมันสุ่มสี่สุ่มห้า ระวังมันกัด”
เซียถงรีบเอ่ยแทรกหยุดการกระทำของอีกฝ่ายทันที
“มันจะกัดจริงๆ รึเจ้าค่ะ?”
ด้วยความตกใจ อิ๋งเอ๋อร์รีบชักมือกลับมาอีกครา มองเจ้าจี้จี้ที่แยกเขี้ยวยีฟันใส่ทางตน ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าชาม หันไปสู้ศึกใหญ่กับบะหมี่หน้ากุ้งอีกครั้ง
อิ๋งเอ๋อร์เอียงศีรษะเล็กน้อย เฝ้ามองมันเจือสีหน้าแววตาสงสัย
หลังจากเขมือบบะหมี่หน้ากุ้งทั้งสองชามต่อเนื่องแบบไม่มีพักเสร็จสื้น เจ้าจี้จี้ก็นอนกางพุงป่องของมันอยู่บนโต๊ะ จวบจนตอนนี้อิ๋งเอ๋อร์ก็ยังมองมันไม่พักด้วยความเอ็นดู ไม่ว่ามันอะไรไรก็ดูตลกไปหมด นางไม่เคยพบเห็นสัตว์เลี้ยงตัวใดที่น่าสนใจขนาดนี้มาก่อน ทั้งยังรูปร่างหน้าตาน่ารักอีก
จี้จี้เหยียดอุ้งเท้าหลังยืดออกอย่างเกียจคร้าน ชำเลืองดวงตาน้อยๆ ไปเห็นอิ๋งเอ๋อร์ที่ยังเอาแต่เฝ้าจับจ้องตัวมันไม่พัก ก็เริ่มชักจำรำคาญใจขึ้นมา มันบิดตัวพยุงพุงป่องของมันขึ้นจากพื้นโต๊ะ ชูศีรษะน้อยๆ มองหน้าอิ๋งเอ๋อร์
“จิ๊ด!!”
และทันใดนั้นเอง จู่ๆ เจ้าจี้จี้ก็กระโจนใส่หน้าอิ๋งเอ๋อร์โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ตะปบกรงเล็บของมันโจมตีใส่ทางนาง เห็นดังนั้นอิ๋งเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกรีบยกสองมือขึ้นปิดหน้า กรีดร้องลั่นเนื่องด้วยตื่นตระหนกจนเซล้มไปด้านหลัง ศีรษะกระแทกกับตู้ดังโป๊ก กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นบ่นเจ็บไม่หยุดไม่หย่อน
จี้จี้เห็นดังนั้นก็กระโดดกลับมานอนบนโต๊ะดังเดิม ยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นตบหน้าท้องตัวเองอย่างสบายใจ
“จี้จี้ เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว ในตอนนี้เจ้าเองก็อิ่มท้องแล้ว เช่นนั้นช่วยอะไรข้างสักอย่างได้หรือไม่?”
เซียถงคว้าหางของเจ้าจี้จี้ยกลอยต่องแต่งอยู่กลางอากาศต่อหน้า
จี้จี้เหลือบมองอิ๋งเอ๋อร์ที่กำลังลูบหัวปูดโนสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งได้มา หันกลับมามองเซียถงพร้อมพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“แม่ของข้าถูกลักพาตัวไป ช่วยข้าตามหานางหน่อยได้หรือไม่?”
เซียถงกล่าวสีหน้าจริงจัง
เห็นดังนั้นแล้ว ในที่สุดจี้จี้ก็เลิกเล่นไร้สาระ พยักหน้าตอบรับคำสั่งของนางอย่างเอาจริงเอาจังเช่นกัน
“ฟังข้าให้ดี สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างเลวร้ายมาก ท่านแม่ของข้าเป็นตายอย่างไรก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นแล้ว เจ้าจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเจ้า เข้าใจที่ข้าพูดไหมจี้จี้?”
กลัวว่าเจ้าจี้จี้จะฟังไม่ศัพท์ เซียถงจึงกล่าวย้ำกับมันเป็นครั้งที่สอง