ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 376 สินสอดหมื่นกล่อง (2)
ตอนที่376 สินสอดหมื่นกล่อง (2)
จี้จี้รับคำพยักหน้าอย่างแรงหลายที จากนั้นก็กระโดดออกจากปลายนิ้วของเซียถงที่นำจับลงสู่บนโต๊ะ หมุนตัวไปมาอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น สูดดมกลิ่นจากน้ำหมึกข้อความตัวอักษร รวมไปถึงเนื้อกระดาษทุกสัดส่วน สักครู่หนึ่ง มันก็เงยหน้าหันมาจับจ้องเซียถง ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยแววความมั่นใจ ราวกับกำลังจะสื่อสารกับนางว่า รับประกันได้เลย ภารกิจนี้จักต้องสำเร็จอย่างงดงาม จากนั้นมันก็กระโดดผ่านหน้าต่างเรือนนอนออกไปทันทีท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของเซียถง
คล้อยหลังจี้จี้ออกไปแล้ว เซียถงก็วานให้อิ๋งเอ๋อร์คอยเฝ้ายามอยู่นอกเรือน ส่วนตนเองก็นำคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ที่เก็บซ่อนไว้ออกมา และเริ่มทบทวนวรยุทธ์ทั้งหมดในระดับชั้นเหลืองและนิลทันที ศัตรูในคราวนี้ยังอยู่ในเงามืดซึ่งไม่รู้เลยแข็งแกร่งปานใด ดังนั้นแล้ว เพื่อช่วยเหลือท่านแม่กลับมาอย่างปลอดภัย นางจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้
เซียถงเก็บตัวศึกษาฝึกปรือคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้เล่มนั้นอยู่ในเรือนตลอดสามวันสามคืนเต็ม จนนางชำนาญทุกท่วงท่ากระบวนยุทธ์ทั้งหมดในระดับชั้นเหลืองและนิล หลังจากนั้นก็นำเวลาในส่วนที่เหลือ ใช้บำเพ็ญตบะดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ร่างกาย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ท่านแม่ของนางไปอยู่แห่งหนใดแล้ว จะมีก็แค่จี้จี้ที่เป็นความหวังเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ และในระหว่างนี้ นางจะต้องขยันฝึกปรือให้หนักเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด
ในวันที่สี่ของการเก็บตัว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอิ๋งเอ๋อร์วิ่งเข้ามา กระหน่ำเคาะประตูลั่นด้วยความตื่นตระหนัก พร้อมเสียงตะโกนดังว่า
“คุณหนูแย่แล้ว! ท่านราชาหมาป่าสวรรค์เดินทางมาที่นี่เพื่อสู่ขอท่าน!”
เจ้าไป๋หลี่หานงั้นรึ? เซียถงลืมตาตื่นขึ้นทันใด หลายวันที่ผ่านมา มัวแต่มุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการฝึกปรือยกระดับพลัง จนลืมเรื่องงานอภิเษกสมรสที่องค์จักรพรรดิตงหลี่ป่าวประกาศไปสนิท
เมื่อเปิดประตูออกมา อิ๋งเอ๋อร์ก็รีบปรี่มาหา เซียถงยกมือตบไหล่อีกฝ่ายพยายามปลอบประโลมให้ใจเย็นลง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“ใจเย็นก่อน หมายความเช่นไรว่า ราชาหมาป่าสวรรค์มาที่นี่เพื่อสู่ขอข้า?”
“คุณหนูต้องไปดู! ท่านต้องไปดูเอง!”
ใบหน้าอิ๋งเอ๋อร์แดงก่ำทั้งตื่นตระหนกลนลาน คว้ามือเซียถงและรีบลากนางพาออกไปทันที
เซียถงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ก็ยังปล่อยให้อิ๋งเอ๋อร์นำไปยังโถงรับรองของจวน
ภายในโถงรับรองขนาดใหญ่โตกว้างขวาง ไป๋หลี่หานนั่งอยู่บนตำแหน่งอันทรงเกียรติสูงสุด กำลังนั่งริมจิบชาอย่างสบายอารมณ์ โดยมีเซี่ยอี้เฉิงและเซี่ยหลู่เฟิงกำลังนั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะขนาบซ้ายขวา และทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้ก็ยังอัดแน่นไปด้วยกล่องสมบัตินับหมื่นใบที่มีผ้าไหมสีแดงผูกเอาไว้
เมื่อเห็นเซียถงเดินทางมาถึง เซี่ยอี้เฉิงก็รีบลุกขึ้นและตรงปรี่เข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข กล่าวขึ้นอย่างระมัดระวังคำพูดคำจาว่า
“ถงเอ๋อร์ เจ้ามาสักที! เห็นนี่หรือไม่? กล่องสมบัติทั้งหมดในนี้เป็นสินสอดทองหมั้นจากท่านราชาหมาป่าสวรรค์ที่มอบให้”
เซียถงปริปากไม่ตอบใดๆ เพียงชำเลืองหางตามองเซี่ยอี้เฉิง เอ่ยถามน้ำเสียงหนาวเย็นกลับไปเพียงคำเดียวว่า
“ได้ข่าวคราวของท่านแม่มาบ้างรึยัง?”
เซี่ยหลู่เฟิงถึงกับหน้าเสีย ทีท่าการแสดงออกแปรเปลี่ยนในบัดดล กล่าวตะกุกตะกักด้วยความกลัวว่า
“ยะ-ยัง…ยังไม่มีเลย…”
ทันใดนั้น หางตาที่ชำเลืองมองของเซียถงก็ทวีความเยียบเย็นเป็นทวีเท่า ก่นเสียงคำรามฉุนเฉียวดังขึ้นว่า
“แล้วยังมีหน้ามานั่งตรงนี้อยู่อีกงั้นรึ?”
เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายที่ประจำอยู่ในโถงรับรองถึงกับเข่าทรุด รับคุกเข่าลงแทบเท้าเซียถงทันทีด้วยความหวาดกลัว กระทั่งอิ๋งเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังเซียถงเองยังต้องห่อไหล่ ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนทางด้านเซี่ยอี้เฉิงยิ่งเสียขวัญหนัก กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าสั่นกระตุกด้วยความผวา ก้มหน้าก้มตาลงกับพื้นดูละอายใจหลายส่วน
“ท่านแม่ของข้าหายตัวไปตั้งหลายวันแล้ว เป็นตายอย่างไรกลับไม่ทราบ แต่เจ้ายังมีอารมณ์มานั่งรับแขกดื่มชาอยู่อีกงั้นรึ? และหากไม่ใช่เพราะเจ้า มีหรือที่ท่านแม่ของข้าจะหายตัวไปได้เยี่ยงไร? เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่? หัวใจของความเป็นมนุษย์!?”
หางตาที่เหลือบมองคู่นั้นของเซียถงเฉียบคมประดุจกระบี่ ที่ปักทะลุขั้วหัวใจของเซี่ยอี้เฉิงเข้าอย่างจัง
ทั้งที่ท่านแม่ของนางในเวลานี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังมิทราบ แต่เซี่ยอี้เฉิงยังมัวนั่งยิ้มหน้าสลอนอยู่ที่นี่ได้จริงๆ แล้วนี่จะไม่ให้นางรู้สึกโกรธได้อย่างไร?
ภรรยาของตัวเองหายไปทั้งคน แต่ก็ยังนั่งยิ้มมีความสุขอยู่ได้!? เชื่อเขาเลยจริงๆ!!
สีหน้าเซี่ยอี้เฉิงในยามนี้ซีดเผือดราวกับกระดาษขาว เมื่อได้ยินประโยคคำกล่าวของเซียถง เขาก็รู้สึกผิดกับตัวเองไม่น้อย รีบเอื้อมมือขึ้นจับแขนเซียถง พยายามกล่าวอธิบายปลอบโยนว่า
“ถงเอ๋อร์ พ่อรู้ว่าตัวเองมันเลวทรามปานใด และพ่อเองก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ใช้ทุกเส้นสายที่มีออกตามหาเบาะแสของแม่เจ้า แต่วันนี้พระอนุชาของฝ่าบาทอย่าง ท่านราชาหมาป่าสวรรค์เสด็จมาหาถึงจวน เพื่อมาขอเจ้าอภิเษกสมรส หากไม่ให้การต้อนรับ เกรงว่าทุกคนในจวนเสนาบดีเซี่ยแห่งนี้จะต้องเดือดร้อน”
“แล้วเรื่องที่ราชาป่าหมาสวรรค์เสด็จมาที่นี่ มันเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า? แค่ออกมาต้อนรับพอเป็นพิธีก็เป็นพอแล้วมิใช่รึ? หาใช่แต่เจ้าจะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่กองตรงหน้า จนลืมเรื่องตามหาท่านแม่ของข้าไป ถึงได้มานั่งยิ้มแย้มเป็นสุขอยู่ตรงนี้? มาเห็นข้าเป็นลูกตอนนี้ เกรงว่าจะไม่สายเกินไปหน่อยกระมัง?”
เซียถงยืนนิ่ง เหล่หางตามองเซี่ยอี้เฉิง ภายในสายตาของนางอัดแน่นไปด้วยแววความดูถูกดูแคลน
ชายคนนี้ไม่เคยทำหน้าที่พ่อที่ดีของนางเลยในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้กลับต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์พ่อลูกให้กลับคืนมา? ต้องขออภัย นี่กลับสายเกินไปมากแล้ว!
บนหน้าผากเซี่ยหลู่เฟิงเม็ดเหงื่อเย็นแตกพลั่กไม่หยุด ตัวเขาในตอนนี้ทำได้เพียงยิ้มเฝื่อนอย่างช่วยไม่ได้ออกมา สิ่งที่เซียถงกล่าวไปทั้งหมดล้วนถูกต้อง หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยให้ความสนใจกับสองแม่ลูกอย่างฮูหยินหลี่และเซียถงเลยแม้แต่น้อย และเลือกที่จะทุ่มเทเวลาและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีทั้งหมดให้แก่ฮูหยินรองเฉิงแทน กลับเป็นนางที่ขโมยทุกสิ่งไปจากสองแม่ลูกคู่นี้ไปโดนหมดสิ้น และที่ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะไปรู้ว่าฮูหยินรองเฉิงที่ตนทุ่มเททุกอย่างให้ กลับไปเล่นชู้กับชายอื่น?
เมื่อนึกถึงเรื่องราวอันสุดแสนจะข่มขืนเหล่านี้ เซี่ยอี้เฉิงก็ถึงกับถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยมิรู้ตัว ก้มหน้าก้มตาเศร้าหมองอย่างที่สุด ราวกับชายชรายามพลบค่ำผู้โดดเดี่ยวไม่เหลืออะไร
“ถงถง…”
เซี่ยหลู่เฟิงทนนั่งฟังต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นยืนและเอ่ยเรียกเซียถงหวังเตือนสติ
เซียถงเบะปากคว่ำ จับจ้องเซี่ยอี้เฉิงที่เศร้าสร้อยพร้อมสีหน้ารังเกียจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาไป๋หลี่หาน
ไป๋หลี่หานนั่งนิ่งจิบน้ำชา ทำตัวราวกับว่ากำลังรับชมละครชีวิตฉากหนึ่งอยู่ ดูท่าจะค่อนข้างสนอกสนใจมากเช่นกัน และเมื่อเห็นว่าเซียถงเดินตรงมาหา ยามนั้นค่อยวางถ้วยชาลง ยิ้มกล่าวอย่างรำคาญใจขึ้นว่า
“เจ้าพอใจกับสินสอดทองหมั้นเหล่านี้หรือไม่?”
“ถงเอ๋อร์ ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ มอบกล่องสมบัติเป็นสินสอดจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นใบ ภายในนี้อัดแน่นไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง และอัญมณีล้ำค่าต่างๆ นับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นองค์หญิงก็ตามที ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดที่เคยได้รับสินสอดทองหมั้นเป็นมูลค่ามหาศาลปานนี้มาก่อนในทวีปเทียนหลาง!”
เซี่ยอี้เฉิงก้มหน้าเดินคตามหลังนางมา และพยายามกล่าวอธิบายให้ฟังอย่างระมัดระวัง
เซียถงกวาดมองไปทางกองภูเขากล่องสมบัตินับหมื่นใบ พวกมันซ้อนกันเป็นชั้นๆ ราวกับจะก่อเป็นกำแพงขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ทั้งแน่นแออัดไปทั่วทั้งโถงแห่งนี้ หากมีใครสักคนที่เผลอจมลงในกองหีบสมบัติพวกนี้ เกรงว่าอาจจะขาดอากาศหายใจตายก่อน
สินสอดทองหมั้นเป็นกล่องสมบัติจำนวนหมื่นใบ อันที่จริงนางมิได้ต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงว่าตอนนั้น นางก็แค่พูดออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า หวังจะตั้งเงื่อนไขให้สูงลิบลิ่ว เพื่อให้ไป๋หลี่หานถอดใจและขอยกเลิกการอภิเษกไปเอง แต่ที่ไหนได้! ใครจะไปคิดกันว่า ไป๋หลี่หานจะมีเงินถุงเงินถังมหาศาลขนาดนี้จริงๆ! ต่อให้เป็นองค์หญิงแห่งซีฉิน ก็มั่นใจร้อยทั้งร้อยว่า นางไม่มีทางได้สินสอดเท่านี้แน่นอน!
เซียถงกระพริบตาปริบหรี่แคบ เผยแสดงขนตาเรียวระหงยาวดุจปีกผีเสื้อ เก็บระงับแววความประหลาดใจทั้งหมดลงในใจ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อยพูดขึ้นว่า
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์นับว่าจิตใจกว้างขวางโดยแท้ แล้ว…ขบวนแห่นับสิบลี้อย่างสมเกียรติล่ะ?”
ไป๋หลี่หานยังคงนั่งนิ่งจิบชา คลี่ยิ้มระบายออกมาโดยไม่พูดไม่จาใดๆ และกลับกลายว่าเป็นอิ๋งเอ๋อร์เองที่รีบก้าวขึ้นหน้าออกมา กล่าวขึ้นว่า
“คุณหนู เอ่อ…ออกไปดูเองเถิดเจ้าค่ะ…”
“ถงเอ๋อร์ เจ้าออกไปดูแล้วจะรู้เอง ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ทำทุกอย่างเพื่อเจ้าจริงๆ”
เซี่ยอี้เฉิงอาสากล่าวเสริมอีกแรง
เซียถงหาได้สนใจเขาเช่นเดิม มองค้อนใส่ไป๋หลี่หานทีหนึ่ง และเดินจากไปทางประตูหน้าจวนโดยเร็ว
เมื่อออกมาถึงหน้าประตูจวน เซียถงก็แลเห็นขบวนแห่สีแดงเพลิงทอดยาวออกไปจนสุดเส้นสายตาที่สามารถมองเห็นได้ ทั่วทั้งตัวอาคารบ้านเมืองล้วนถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ แค่ข้ามคืน ไป๋หลี่หานสามารถเนรมิตให้เมืองเฟิงหลี่กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศงานรื่นเริงยินดีได้ กระทั่งถนนสี่มุมเมืองยังถูกปูพรมสีแดงยาวสุดลูกหูลูกตา
ก่อนที่เซียถงจะฟื้นคืนสติกลับมาจากความตกตะลึงด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีอ้อมแขนหนาใหญ่โอบกอดไว้รอบเอวของนาง ทำให้ใจสั่นระส่ำระสายไม่เป็นจังหวะ ชั่วพริบตาต่อมา นางรีบสะบัดข้อมือขวาเลื่อนอาวุธลับคมเข็มเงินออกมาสำแดงใช้ เสี้ยวพริบตาที่กำลังจะยิงออกมา กลับถูกอีกมือของชายคนนั้นคว้าหยุดเอาไว้ได้ทัน
“ขึ้นม้าเถิด ข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่นึง”
ไป๋หลี่หานเขย่าข้อมือของเซียถงเบาๆ สะบัดคมเข็มเงินเหล่านั้นจนร่วงกราวตกพื้น และอุ้มนางขึ้นบนหลังม้าทันทีโดยไม่รอคำตอบใดๆ
“นี่เจ้าจะพาข้าไปไหน?”
เรียวนิ้วทั้งห้ากำหมัดแน่น เซียถงหันขวับเข้าสบสายตากับอีกฝ่าย แผ่รังสีความน่ากลัวออกมา
“เดี๋ยวก็รู้”
ทันทีที่ขึ้นมาจัดท่านั่งเสร็จสรรพ ไป๋หลี่หานก็ยกปลายเท้าสะกิดท้องม้าไปทีหนึ่ง และขวบทะยานออกไปตามเส้นทางพรมแดงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า…