ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 377 พรมแดงที่ยอดยาว (1)
ตอนที่377 พรมแดงที่ยอดยาว (1)
ตอนที่377 พรมแดงที่ยอดยาว (1)
ลมหวิวสัมผัสปะทะใบหน้า คลื่นมวลชนจากสองฝั่งฟากฉีกแยกล่าถอยกรูราวกับน้ำลง เบื้องหน้าเป็นตลาดถนนคนเดินสุดคิกคัก ถึงกระนั้นเอง พรมสีแดงเพลิงก็ยังทอดยาวออกไปไร้ที่สิ้นสุด ห่างออกไปทุกหนึ่งช่วงถนน มีโคมไฟขนาดใหญ่สีแดงประดับตกแต่งห้อยอยู่ และเหล่าทหารในชุดเกราะที่ยืนเฝ้าระวังตลอดทางยาว
สินสอดทองหมั้นเป็นกล่องสมบัติหมื่นใบและขบวนสู่ขอยาวนับสิบลี้ ต่อให้เป็นองค์หญิงในทวีปเทียนหลางทุกคนมารวมกัน ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเจออะไรแบบนี้
อย่างไรเสีย ราชาหมาป่าสวรรค์กลับสามารถตระเตรียมของกำนัลให้แก่บุตรสาวตัวน้อยแห่งจวนเสนาบดีได้อย่างเลิศหรู ไม่คิดฝันเลยจริงๆ เป็นเพียงบุตรสาวของเสนาบดีชั้นล่างคนหนึ่ง แต่กลับได้รับสิ่งที่แม้แต่บรรดาองค์หญิงยังได้แค่ฝัน
ภาพฉากเบื้องหน้าในขณะนี้ต่างดึงดูดความสนใจของบรรดาประชาชนในเมืองเฟิงหลี่ ทุกคนต่างจับจ้องไปยังคู่ชายหญิงบนหลังม้าจนเป็นตาเดียว
เสียงกีบม้าควบดัง หากเปรียบกับรถยนต์ในสมัยปัจจุบัน ม้าอาชาศึกตนนี้ก็เปรียบเสมือนBMWคันหรู และมันกำลังวิ่งอยู่บนพรมแดงสายยาว
ชายหนุ่มบนหลังม้าสวมเสื้อคลุมผ้าไหมดำ ช่างทรงสง่าราศีอย่างที่สุด กลิ่นอายแห่งบารมีความยิ่งใหญ่ที่แผ่ไพศาลออกจากร่างของเขาเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อลองเลื่อนสายตา จับจ้องไปที่อิสตรีผู้เย็นชาในอ้อมแขนของเขา เผชิญหน้ากับอากัปกิริยาอันแสนเย็นยะเยือก กลับรู้สึกดั่งดอกบัวหิมะที่กำลังเบ่งบานท่ามกลางทุ่งเหมันต์พันปี ถึงแม้ใบหน้าของนางจะมีผ้าคลุมสีขาวผืนหนึ่งปิดคลุม แต่ประกายแสงที่ส่องสะท้อนออกจากตา กลับพุ่งทะลุออกมาโดดเด่นชัดแจ้ง มันช่างแพรวพราวสะกดทุกสายตาได้อย่างสมบูรณ์
แสงพราวสว่างที่สะท้อนออกจากนัยน์ตาของนาง มันช่างเจิดจรัสดั่งหมู่ดาวร้อยเรียงเทียมฟ้า รัศมีกลิ่นอายที่แพร่สะพัดจากร่างกายา แสดงถึงความแกร่งกล้าและหยิ่งทะนง มิได้ดูด้อยไปกว่าชายหนุ่มที่กำลังสวมกอดอยู่เลย
อิสตรีบนหลังม้า พินิจมองแล้วช่างดูเฉิดฉายโดดเด่น เซียถงในเวลานี้เปรียบดั่งจันทร์เจ้าใสพิสุทธิ์ น่าหลงใหลแต่ไกลเกินหยิบเอื้อม เว้นเสียแต่ชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังโอบกอดนางอยู่ ก็ไม่มีใครผู้ใดบนผืนปฐพีที่คู่ควรกับนางอีกแล้ว
ถึงแม้จะมองไม่เห็นโฉมหน้าของพวกเขาคนใดคนหนึ่งเลย แต่อาศัยแค่รัศมีกลิ่นอายของพวกเขา มันก็เพียงพอแล้วที่จะสยบทุกชีวิตให้อยู่ใต้อาณัติความเกรงขาม
“ไม่น่าแปลกใจเลย เหตุที่ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ยอมทุ่มกำลังทรัพย์มหาศาลปานนี้ เป็นเพราะคุณหนูเซียถงคู่ควรที่จะได้รับแล้ว! แค่มองอยู่ห่างๆ ยังสัมผัสได้ถึงความแกร่งกล้าที่ยากเกินจะก้าวข้ามไปได้!”
“สมแล้วที่คว้าอันดับหนึ่งในงานประลองสี่จักรวรรดิมาได้! สมคำร่ำลือแล้วจริงๆ!”
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์กับคุณหนูเซียถง ดูแล้วเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกันมาก!”
ชาวเมืองทั้งหลายต่างปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องสรรเสริญ ให้แก่คู่ชายหญิงทั้งสองบนหลังอาชาแกร่ง
เซียถงได้ยินเสียงปรบมือและให้กำลังใจอันอบอุ่นจากรอบสารทิศ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่สีแดงไปซะหมด ชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกดั่งว่า เมืองเฟิงหลี่แห่งนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของตนโดยสมบูรณ์
“เซียถง หากเจ้ายอมอภิเษกสมรสกับข้าจริงๆ ขอสัญญาเลย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังแน่นอน”
ชายหนุ่มที่โอบกอดอยู่เบื้องหลัง เอ่ยคำสัตย์สาบานกระซิบอยู่ข้างหูของนาง
อภิเษกสมรส? นางหาใช่องค์หญิงสักหน่อย ก็แค่บุตรสาวตัวน้อยของเสนาบดีชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น หากกล่าวกันตามจริง การที่นางได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์และยังเป็นถึงพระอนุชาขององค์จักรพรรดิ นี่ดูจะทะเยอทะยานเกินไปหน่อยสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
“เซียถง อภิเษกสมรสกับข้าแล้ว ขอสัญญา ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
เอ่ยคำสัตย์สาบานขึ้นอีกประโยค เสียงกระซิบอันแสนอบอุ่นพัดโชยผ่านสายลม กระทบถึงหูของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เซียถงใจสั่นระรัวเต้นแรงยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีบม้ากระทบพื้น หรือคำโห่ร้องสรรเสริญจากบรรดาฝูงชนทั้งหลาย เสมือนว่าทุกสรรพสิ่งได้หายวับไป จะเหลืออยู่เพียงสิ่งเดียวในหูของนางคือ เสียงกระซิบอันแผ่วอ่อนและอบอุ่นของชายที่อยู่ด้านหลัง และเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
มุมปากเซียถงกระตุกยิ้มขึ้นเบาๆ โดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็มีหนึ่งความคิดโฉบแล่นแวบผ่านเข้ามาในใจ บางที…ได้ครองคู่กับหมอนี่ก็ดีอาจไม่เลวเช่นกัน
“เสด็จอา! ถลุงเงินทองฟุ่มเฟือยเกินไปหรือไม่? บางทีท่านควรจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของพระชายาในอนาคตให้ชาวเมืองทุกคนได้เห็น! จะได้รู้กันไปเลยว่า มันไม่คุ้มค่าปานใด!”
ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสรรเสริญ ก็มีสุ้มเสียงคมแหลมเสียดแก้วหูประดุจคมดาบดังออกมา
จากที่เซียถงลองชำเลืองหางตาปรายมอง ปรากฏว่าเป็นไป๋หลี่อวี๋อิงในชุดแพรพรรณสีแดงเพลิงกำลังยืนอยู่บนระเบียนโรงเตี้ยมริมทางแห่งหนึ่ง ด้านข้างนางเป็น เย่หลีเทียนที่กำลังยืนยิ้ม และไป๋หลี่เย่ที่ยืนหน้าดำคร่ำเครียด
ทว่าอาชาแกร่งตนนี้ควบทะยานอย่างเอาเป็นเอาตาย หาได้สนใจสิ่งเร้าใดๆ ข้างทาง มันพุ่งทะยานเดินหน้าออกไปด้วยความเร็วสูงสุด ประดุจหาวดางสีแดงสายหนึ่ง ผ่านหน้าเพิกเฉยต่อสามคนนั้นโดยตรง แม้กระทั่งคนโดยสารเองอย่างไป๋หลี่หานและเซียถงยังไม่แลเหลียวสนใจด้วยซ้ำ
“ไม่เคยมีองค์หญิงคนใดในประวัติศาสตร์แห่งทวีปเทียนหลาน ที่มีโอกาสได้รับงานพิธียิ่งใหญ่และทรงเกียรติขนาดนี้มาก่อน ทั้งที่เป็นเพียงพิธีส่งสินสอดทองหมั้นเท่านั้น องค์หญิง ดูเหมือนว่า เสด็จอาของท่านมีจุดประสงค์ที่จะอภิเษกสมรสกับเซียถงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงต้องการใช้ท่านเป็นเครื่องมือเพื่อนั่งเฝ้าตำแหน่งให้แทน และรอสลับตัวให้กลับมาเป็นเซียถงเท่านั้น”
เย่หลีเทียนหรี่สายตาคับแคบ มุ่งจับจ้องไปที่อาชาแกร่งตนนั้นที่กำลังควบวิ่งออกไปไกลห่าง
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ เพราะคนที่ข้าผู้นี้ชอบพอหาใช่เสด็จอาอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะปรารถนาอภิเษกกับผู้ใด กลับหาใช่เรื่องของข้าไม่”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ไป๋หลี่อวี๋อิงชำเลืองดวงตาคู่สวย เหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง แลเห็นเขาโบกสะบัดแขนเสื้อ ยืนตระหง่านดั่งรูปปั้นหล่อหยก เพียงเงาที่ฉายสะท้อนออกมาก็ทรงสง่าราศียิ่งแล้ว พวงแก้มน้อยๆ ของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ชายหนุ่มรูปงามคนนี้นี่แหละคือสามีในฝันของนางในอนาคต
“เรียนองค์หญิง ข้าน้อยเพียงคิดว่า นี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับท่านเลย เพราะหากในตอนนี้เปลี่ยนเป็นท่านได้อภิเษกสมรสกับราชาหมาป่าสวรรค์ เกรงว่าเขาคงจัดงานพิธีไม่ได้ครึ่งหนึ่งจากที่เห็นอย่างในปัจจุบันแน่นอน ทั้งที่เซียถงเป็นแค่บุตรสาวของเสนาบดีคนชั้นล่างคนหนึ่ง และยังพ่วงตำแหน่ง หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่อีกด้วย ฟังเช่นนั้นแล้ว นี่ยังถือว่ายุติธรรมสำหรับท่านอีกงั้นรึ?”
เย่หลีเทียนชำเลืองหาไป๋หลี่อวี๋อิงที่กำลังเหล่มองตนอยู่ เอ่ยสะกดทุกคำพูดชัดถ้อยชัดคำได้ใจความ เห็นได้ชัดเลยว่า เขากำลังยุแยงให้ไป๋หลี่อวี๋อิงลงมือสร้างปัญหาให้เซียถง
“อัครมหาเสนาบดีเย่ นี่เจ้ากำลังบอกว่า ต้องให้ข้าหน้าตาอัปลักษณ์แบบเซียถงรึอย่างไร? เช่นนั้นขอตายเสียดีกว่า”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเลิกคิ้วมอง ในเวลานี้ชักจะหงุดหงิดขึ้นมา
“สำหรับข้าน้อยนั้น องค์หญิงที่องค์หญิงเฉกเช่นนี้ย่อมสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เพียงแต่ การกระทำอันแสนจะลำเอียงของเสด็จอาท่าน มันกำลังป่าวประกาศให้ผืนพิภพได้รู้ว่า องค์หญิงแห่งตงหลี่นั้นอ่อนด้อยกว่าหญิงอัปลักษณ์จากจวนเสนาบดีเล็กๆ มากมายนัก”
เย่หลีเทียนเอ่ยน้ำเสียงนิ่งสงบอธิบายตอบ
“หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่หรือ? จะเทียบเคียงได้กับน้องสาวของข้าผู้นี้ได้? ฮ่าฮ่า! ต่อให้นางมีฝีมือสัประยุทธ์เก่งกาจปานใด แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่า นางเป็นหญิงอัปลักษณ์ขี้เหร่ได้!”
ไป๋หลี่เย่ยักไหล่อย่างไม่แยแส ปั้นใบหน้ารังเกียจเบะปากใส่
“หึ! อีนังอัปลักษณ์เซียถง! เดี๋ยวนี้มันกล้าดีเยี่ยงไร ตีตนมาเทียบชั้นข้าองค์หญิงผู้นี้! ข้าจะไปกระชากผ้าคลุมหน้าของมันทิ้งต่อหน้าสาธารณชนบัดเดี๋ยวนี้! ให้ทุกคนได้รู้กันไปเลย ถึงความอัปลักษณ์น่ารังเกียจของมัน!”
ได้ยินคำอธิบายของเย่หลีเทียนดังนั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงหอบหายใจถี่รัวด้วยความโกรธจัด ดึงแส้ยาวสีดำออกมาฟาดพื้นระเบียงอย่างแรงทีหนึ่ง และหมุนตัวเดินลงบันไดไปชั้นล่างทันที คว้าเอาม้าอาชาของคนแถวนั้นขึ้นควบ ไล่ติดตามทิศทางที่อาชาแกร่งสีแดงทะยานหายไป
ฝูงชนทั้งหลายก็ยังส่งเสียงร้องดังแซ่ซ้องไม่หยุดหย่อน
“ข้าผู้นี้ขอร่วมสนุกด้วยอีกคน! อยากเห็นสีหน้าเซียถงตอนมันหน้าแตกเหลือเกิน!”
ไป๋หลี่เย่เอาด้วยกับเขาอีกคน เขากระโรยตัวกระโดดลงมาจากระเบียงชั้นสอง ไล่เหยียบศีรษะของผู้คนแถวนั้น ติดตามไป๋หลี่อวี๋อิงออกไป
หนึ่งร่างยืนสงบอยู่บนระเบียง เย่หลีเทียนยืนมองสองคนนั้นไล่ตามพวกเซียถงออกไปอย่างกระตือรือร้น พร้อมแสยะยิ้มแสนเย็นชาออกมา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงเตี้ยมด้านใน แลเห็นงานอภิเษกสมรสของไป๋หลี่หานดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเกินไปเช่นนี้ เขาชักรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องทำให้ไป๋หลี่หานต้องอับอาย ชาตินี้อย่าได้หวังมีความสุข!
นั่งอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของไป๋หลี่หาน เซียถงหัวใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับกลองศึกที่ลั่นก่อนออกรบ ในเวลานี้นางรู้สึกสับสนรวนเรไปหมด ชายหนุ่มผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของนางเปรียบเสมือนเปลวเพลิงที่ร้อนแรง และมันกำลังละลายหัวใจน้ำแข็งของนางทีละเล็กละน้อย
“ข้ามีโฉมหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดจะตาย ยังอยากจะอภิเษกอีกงั้นรึ?”
เซียถงเอ่ยปากถาน้ำเสียงราบเรียบขึ้นประโยคหนึ่ง