ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 38 การสืบทอด (2)
ตอนที่38 การสืบทอด (2)
“ข้าไม่ใช่คนมีพรสวรรค์มากนัก แต่ก็ไม่สำคัญแล้วในตอนนี้เมื่อมีเจ้า”
ฮูหยินหลี่ส่งยิ้มให้เซียถง พยายามผ่อนปรนสถานการณ์ที่ดูตึงเครียดให้ลดน้อยลง
“ก่อนหน้านี้ ระดับลมปราณของเจ้าอยู่แค่ขอบเขตเสาหลักเหลือง ข้าก็เลยยังไม่กล้าบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์วรยุทธ์ลับ แต่ปัจจุบัน เจ้าเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขาเสาหลักฟ้าชั้นกลาง ดังนั้น ข้าจะบอกที่ซ่อนของคัมภีร์วรยุทธ์ลับของบรรพบุรุษแก่เจ้า! ถงเอ๋อร์ เจ้าทั้งฉลาดและมีไหวพริบ จงมั่นฝึกปรือมันให้ดี”
สติสัมปรชัญญะของเซียถงหล่นวูบชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นมีความทรงจำบางสิ่งอย่างโฉบแล่นเข้ามา ก่อนที่นางจะเข้าใจได้ทันทีว่า วรยุทธ์คือ ทักษะการต่อสู้โดยหยิบยืมลมปราณเข้ามาผนวกรวมเข้าด้วยกัน มันถูกคิดค้นและต่อยอดจากรุ่นสู่รุ่นจนตกผลึก กลายมาเป็นกระบวนท่าการต่อสู้อันสมบูรณ์แบบ ดังนั้นวรยุทธ์จึงเป็นสิ่งที่หายากยิ่งในผืนพิภพแห่งนี้
และสามารถแบ่งแยกได้เป็นสี่ระดับชั้น : ฟ้า ดิน นิล และเหลืองซึ่งอยู่ในลำดับต่ำสุด
ในกรณีที่ระดับลมปราณมีความแข็งแกร่งเทียบเคียงกัน จึงกล่าวได้ว่า ระดับของวรยุทธ์ฝ่ายใดเหนือชั้นกว่า ฝ่ายนั้นย่อมมีชัย แต่อย่างไร บุคคลที่เข้ารับการฝึกปรือวรยุทธ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีศักยภาพทางร่างกายที่สูงมาก ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตบะคนใดที่มีระดับชั้นต่ำกว่าขอบเขตเสาหลักฟ้า จึงไม่สามารถฝึกปรือได้แม้แต่ขั้นพื้นฐานโดยสิ้นเชิง นี่เป็นสาเหตุหลักที่ฮูหยินหลี่ตัดสินใจไม่บอกกล่าวเรื่องนี้ให้เซียถงฟังมาก่อนเลยสักครั้ง
“เช่นนั้น เรื่องที่ท่านแม่ถูกขังอยู่ที่นี่เพราะเกี่ยวกับคัมภีร์เล่มนั้น?”
เซียถไม่ได้เอ่ยถามว่า คัมภีร์วรยุทธลับเล่มดังกล่าวอยู่ที่ใด แต่ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ นางกลับเอาไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่แม่ตัวเองถูกขังไว้ในทันที
ฮูหยินหลี่พยักหน้ากล่าวว่า
“ทันทีที่องค์รัชทายาทถูกเจ้าทำร้ายจนสาหัส ก็มีคนรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาทโดยตรง และฝ่าบาทก็พยายามจะใช้เรื่องนี้เข้ากดดันท่านพ่อของเจ้าอีกที เพื่อให้เขาเข้ามาเกลี้ยกล่อมข้าให้ยอมบอกความลับออกมา พอข้าปฏิเสธก็โดนเขาจับขังไว้ที่นี่”
เซียถงกัดริมฝีปากแน่น กุมมือฮูหยินหลี่กล่าวน้ำเสียงลึกล้ำมั่นคงว่า
“ท่านแม่ โปรดวางใจในตัวข้าได้เลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่ปล่อยให้สมบัติที่ตกทอดกันตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของท่านตาตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนภายนอกแน่นอน!”
สังเกตเห็นแววตาอันแน่วแน่ของเซียถง ฮูหยินหลี่ก็ลอบดีใจกับตนเอง จนเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นค่อยกวักมือเรียกให้เซียถงเขยิบเข้ามาชิดใกล้ กระซิบข้างหูบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนของคัมภีร์วรยุทธลับเล่มดังกล่าวทันที
ในตอนค่ำ เซียถงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีดำทั้งตัว ใช้ผ้าสีดำผืนหนึ่งโผกใบหน้า และแอบย่องออกจากจวนเสนาบดี กระทำการอย่างเงียบงัน คล้อยหลังออกมาได้ ก็รีบมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโดยเร็ว
เพื่อความปลอดภัย ตระกูลหลี่ไม่ได้นำคัมภีร์วรยุทธ์ไปซ่อนในตัวบ้าน แต่กลับไปซ่อนอยู่ที่ใต้ต้นสนเคียงข้างกับหลุมฝังศพของท่านตาของเซียถง นางเดินไปตามทิศทางที่ฮูหลินหลี่บอกมาจนกระทั่งไปถึงหลุมศพของท่านตา คล้อยเดินเอียงซ้ายออกไปและไปเจอต้นสนขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง และเริ่มใช้มีดสั้นประจำกายขุดดิน และขุดต่อไปแบบนั้นไปได้เกือบครึ่งเมตร
นางก็บังเอิญไปเห็นกล่องสีทองแดงทรุดโทรมใบหนึ่ง พอนำขึ้นมาและเปิดดู ปรากฏว่ามีคัมภีร์สีเหลืองอำพันอยู่เล่มหนึ่งข้างใน
หลังจากได้รับมันมาแล้ว นางก็เตรียมตัวกำลังจะเปิดอ่านโดยใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์สว่างในค่ำคืนนี้ แต่ทันใดนั้นนางก็พลันได้ยินสุ้มเสียงการต่อสู้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เพื่อความปลอดภัย จึงรีบเร่งหาที่ซ่อนตัวบริเวณนั้นโดยเร็ว เป็นบริเวณป่าสนรกร้าง
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างคนกลุ่มหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เซียถงจึงเงยศีรษะโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย ปรากฏเป็นร่างผู้ชายประมาณสองถึงสามคนทีที่กำลังเฝ้าติดตามชายสวมหน้ากากคลื่นเมฆาอยู่
กลุ่มผู้ชายเหล่านั้นที่เป็นฝ่ายติดตามอยู่ท้ายหลัง ล้วนแต่มีพลังลมปราณอยู่ที่ขอบเขตเสาหลักเขียวชั้นสูงทั้งสิ้น ทางฝ่ายชายสวมหน้ากากคลื่นเมฆากลับมิได้แสดงระดับพลังลมปราณออกมา แต่พินิจมองจากความว่องไวของเขาแล้ว ระดับชั้นลมปราณมิได้ต่ำตมแน่นอน
ชายสวมหน้ากากคลื่นลายเมฆาผู้นี้ตรงเหาะเหินตรงเข้ามาในป่าสน ซึ่งเป็นสถานที่ละแวกเดียวกับที่เซียถงกำลังซ่อนตัวอยู่ ยามนี้ นางอยู่ห่างจากคนพวกนั้นไม่ถึงสามเมตรแล้ว แอบก่นเสียงหนึ่งคำรนกึกก้องในใจ นี่หาใช่เรื่องดี หากคนเหล่านั้นพบเจอนางเข้า อาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้บุกรุกแน่นอน และนางไม่คิดที่จะต่อสู้สัประยุทธ์ในคืนนี้เช่นกัน
ขณะที่เซียถงกำลังวางแผนหลบหนีออกไป ชายสวมหน้ากากคลื่นลายเมฆาผู้ดูเหมือนผู้นำกลุ่ม ก็หันขวับเข้าสบสายตาเซียถงที่แอบอยู่ในทันใด พร้อมยิงคมเข็มเหล็กทอประกายแสงเยียบเย็นปราดพุ่งเข้าใส่นาง
เช่นนี้แล้วข้าจะออกไปได้หรือไม่คืนนี้?
คล้อยหลังลังเลเล็กน้อย เซียถงรีบสาวเท้ากระโดดหลบเข็มเหล็กพิษเหล่านั้น พอปักเข้ากลางลำต้นสนถึงกับเหี่ยวเฉาทันตา เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนัก ส่งผลให้ตอนร่อนตัวลงมา ปลายเท้าข้างหนึ่งของนางพลันไปเหยียบกิ่งไม้แห้งก้านหนึ่งหักดัง กึก
สุ้มเสียงนี้ค่อนข้างดังเป็นพิเศษท่ามกลางป่าสนยามค่ำคืนอันเงียบสงัด เสี้ยวพริบตาต่อมา ปรากฏเงาร่างหนึ่งไสวโฉบเฉียว หันคมกระบี่โจมตีใส่นางโดยตรง เซียถงเร้ากระตุ้มลมปราณขุมหนึ่ง เร่งความเร็วเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
คมกระบี่กระทบแสงจันทร์ สาดประกายสีเงินฉายจรัสวูบวาบ ทิ่มแทงสายตาของนางเป็นระยะ นับเป็นปัญหาชวนน่าหงุดหงิดเล็กน้อย
โบกสะบัดข้อมือไปทีหนึ่ง เซียถงควงมีดสั้นออกมากระชับแน่น ถือแนบหน้าอกเอาไว้ เตรียมหาจังหวะเปิดช่องตอบโต้ แต่พอจับสังเกตเห็นกระบวนกระบี่ของอีกฝ่ายไปสักพัก นางก็ถึงกับเอะใจ ไฉนกระบวนกระบี่กับจังหวะการเคลื่อนไหวถึงดูคล้ายกับ ชายรูปงามที่เจอในป่าสนรอบก่อนนัก? ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอันใดต่อ ชายผู้นั้นพลิกฝ่ามือ หลักเหลี่ยมเปลี่ยนทิศโจมตีกะทันหัน ฟันฟาดคมกระบี่ยาวในมือไปทางเซียถง
เซียถงยกคมมีดสั้นเข้าปัดป้องตามสัญชาตญาณทันที แต่ใครจะไปทราบ ปลายกระบี่ยาวของชายคนนั้นกลับจ่ออยู่ที่คอหอยของนางเสียแล้ว ถูกกระชากผ้าคลุมหน้าสีดำออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริงของเซียถงโดยตรง
“นี่เจ้าอีกแล้ว? ไฉนถึงมาที่นี่เช่นนี้ดึกๆ ดื่นๆ?”
แม้ครั้งนี้ชายหนุ่มคนดังกล่าวจะสวมหน้ากาก แต่รัศมีกลิ่นอายที่แพร่สะพัดออกมา ผนวกรวมกับเสื้อคลุมลายปักดอกโบตั๋นอันวิจิตรบรรจง สานถักพอจากใยไหมทองคำแสนประณีตงดงามเกินบรรยาย พินิจโดยราวประดุจเทพเซียนคงมาจุติบนผืนพิภพก็มิปาน ดวงตาคู่นั้นที่แสดงออกมาผ่านหน้ากากลายคลื่นเมฆาหรี่เล็กเป็นจันทร์เสี้ยว ราวกับว่ากำลังยิ้มที่ได้เห็นนางอย่างใดอย่างนั้น
ชายกลุ่มนั้นเพิ่งติดตามเข้ามาสมทบทีหลัง แต่พอสังเกตเห็นว่าเป็นเซียถง แววตาของแต่ละคนดูตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ก่อนที่ทุกคนจะหันขวับมองไปที่ชายสวมหน้ากากลายคลื่นเมฆาโดยพร้อมเพรียง
“พวกเจ้าไล่ติดตามมันไปก่อน!”
ชายคนนั้เก็บกระบี่เข้าฝักข้างเอว โบกมือไปทางชายกลุ่มนั้น ก่อนที่ทั้งหมดจะอันตรธานหายวับมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกของป่าสนต่อทันที เซียถงยังคงกระชับมีดสั้นอยู่ในมืแน่น จ้องไปยังชายเบื้องหน้าตาเขม็ง แวดแววระมัดระวังตัว หลังจากครุ่นพินิจโดยถี่ถ้วนแล้ว ครั้งนี้นางตัดสินใจไม่ชิงลงมือก่อนเป็นดีกว่า
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้การลงมือเคลื่อนไหวต่อสู้นับเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับนาง
ในตัวของเซียถงตอนนี้มีคัมภีร์วรยุทธ์ลับของท่านแม่เก็บซ่อนไว้อยู่ และที่สำคัญใบหน้าที่แท้จริงของนางถูกเปิดเผยแล้ว หากอีกฝ่ายพึงทราบว่า นางมีสมบัติล้ำค่าปานนี้ มีสิทธิ์ถูกตามล่าหลังจากนี้สูงมาก
นางชำเลืองมองไปยังชายคนนั้น ลดระดับมีดสั้นในมือลง และหมุนตัวเดินจากไปทันที