ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 380 เคียงสังสรรค์ในศาลา (2)
ตอนที่380 เคียงสังสรรค์ในศาลา (2)
ตอนที่380 เคียงสังสรรค์ในศาลา (2)
“ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ ข้าสามารถทำเช่นนี้ให้เจ้าได้ทุกวัน”
กุมจับมือไม้ของหญิงสาวเอาไว้แผ่วเบา ชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างค่อยๆ หันศีรษะหันเข้าหา ยามได้สบสายตาที่แสนโอบอ้อมอารีเปี่ยมไปด้วยความรัก ก็ทำเอาเซียถงหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
เงยหน้าขึ้นเชยมอง นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นของชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะนี้ช่างเปล่งประกายเจิดจรัสน่าดึงดูด ผนวกเข้ากับรอยยิ้มที่แสนพริมใจดั่งดวงตะวันอบอุ่น กอปรไปด้วยบรรยายกาศพื้นหลังของหุบเขาโคมไฟแดงพราวไสว ดุจดวงดาราที่ร้อยเรียงบนฟากฟ้า มันทั้งดูเฉิดเฉยและใจสำราญ สายลมหิมะที่แสนหนาวเหน็บ กลายมาเป็นสายลมแห่งความหนาวเย็นชื่นอารมณ์ พร้อมกับหัวใจของเซียถงที่ชุลมุนวุ่นวายไม่เป็นสุข
ยิ่งเวลาผ่านไป หัวใจดวงนี้ของเขาก็ยิ่งระสับระส่ายรุนแรงไม่เป็นจังหวะ ท่าทีอันแสนเย็นชาที่ตัวนางพึงมีอยู่ตลอด ยามนี้ไม่รู้แตกพ่ายหายไปไหนแล้ว ด้วยความประหม่าก็ดี ความเก้อเขินก็ใช่ เซียถงเร่งระงับอารมณ์ทั้งหมดลงในใจ พยายามปั้นเสียงให้เรียบนิ่งที่สุดเท่าที่ไหว และตะโกนออกไปว่า
“ท่านราชาหมาป่า! ขะ-ข้า…ข้าต้องไปแล้ว! ขอตัวก่อน!”
ทันทีที่พูดจบ ปลายเท้าของนางเร่งถีบร่างดีดตัวเองออกไป เงาร่างไสววูบกลายเป็นประกายแสงสายหนึ่ง พุ่งทะยานหนีจากศาลาโดยตรง กระโดดขึ้นนั่งบนหลังอาชาแกร่งสีแดงตนนั้น ทันทีที่คว้าเชือกบังเหียนได้ ก็แตะท้องม้าใส่ทีหนึ่ง บังคับให้มันควบเตลิดหายวับไป
ตลอดเส้นทางยาวระหว่างทาง ปรากฏโคมไฟสีแดงสว่างไสวเป็นจุดแสงขนาบสองข้าง ราวกับนางกำลังควบม้าอยู่ในกลางฝูงหิ่งห้อย
“ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ ข้าสามารถทำเช่นนี้ให้เจ้าได้ทุกวัน”
“ขอสัญญา หากอภิเษกสมรสกับข้า ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข”
“เพราะข้าชอบเจ้าไง”
ประโยคคำกล่าวต่างๆ นานของไป๋หลี่หานยังคงดังกึกก้อง วนอยู่ภายในใจเซียถงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำเอาหนังศีรษะของนางด้านชาสะท้าน เสมือนกับยืนอยู่บนยอดเขาน้ำแข็งพันปี
เจ้าหมอนี่มันชอบข้าจริงๆ รึ? หาใช่ว่าจะหลอกใช้กัน?
ข้า…ข้ายังเชื่อมั่นในความรักได้อยู่จริงๆ หรือไม่?
เซียถงเงยหน้ามองฟ้าไกลเหนือศีรษะ กวาดสายตามองหมู่ดาวที่ประดับค้างกลางห้วงราตรี
เกลียดเจ้าเหลือเกินที่ต้องทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ มู่เฟย!
ใครกับที่ต้องทำให้นางหมดศรัทธากันเรื่องความรัก? คำหวานที่พรางพรายออกมากลับเป็นแค่ลมปากชั่วขณะ เช่นนั้นแล้ว ความรักมันคืออะไรล่ะ? ก็แค่ปฏิกิริยาทางเคมีที่กระตุ้นให้สัตว์สองตัวผสมพันธุ์กัน? หลังจากได้สมความปรารถนา เฉพาะตอนนั้นที่ความจริงทุกอย่างจะปรากฏและปลุกให้เราตื่นจากฝันอันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรบนผืนพิภพแห่งนี้ ล้วนมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เพราะแบบนั้น นางจึงไม่ไว้ใจใครอีกเลยนอกจากท่ามแม่ของนาง
ถอดถอนหายใจเสียงยืดยาว ขจัดความยุ่งเหยิงภายในใจทั้งหมดโดยสิ้น ในที่สุดความสงบเยือกเย็นก็คืนกลับมากลายมาเป็นเซียถงคนเดิมอีกครั้ง นางดึกเชือกบังเหียนกระตุกขึ้นเพื่อชะลอความเร็วฝีเท้าของอาชาแกร่งในทันใด เพราะนางเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนกลับมาถึงเมืองเฟิงหลี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในเวลานี้ ทั่วทุกมุมเมืองล้วนแต่มีโคมไฟสีแดงสว่างไสวปกคลุมอยู่
คล้อยหลังดึงเชือกบังเหียนชะลอความเร็วลง อาชาแกร่งสีแดงตนนั้นก็กลับมาสู่สภาวะปกติ ก้าวแช่มสี่ขาเดินบนพรมแดงอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“เซียถง เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยกระมัง? ที่เสด็จอาอุตส่าห์ใจกว้างเนรมิตให้ทุกอย่าง เพื่อหญิงอัปลักษณ์ไร้ค่าคนหนึ่งอย่างเจ้า?”
หยุดบังเหียนม้าลงได้ไม่นาน ทันใดนั้นเซียถงก็ได้ยินสุ้มเสียงอันหนาวเย็นแผ่ดังขึ้น และเมื่อเหลียวมองตามเสียง ก็ค้นพบว่าเป็นไป๋หลี่อวี๋อิงที่ปรากฏตัวขึ้น
“องค์หญิง นี่พยายามจะสร้างปัญหาให้กันกระมัง?”
เซียถงชำเลืองหางตามองเล็กน้อย
“คิดว่าตนเองกำลังจะได้เป็นองค์หญิงในอนาคต ถึงได้พูดจาจองหองอวดดีปานนี้? หากเจ้าแน่จริง เช่นนั้นจงถอดผ้าคลุมใบหน้าออกมา เปิดเผยให้ทุกคนในตงหลี่รู้กันไปเลย ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงขององค์หญิงของพวกเขาในอนาคต!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงยืนถือแส้ยาวในมือ ยามนี้ก้าวออกมาอยู่หน้าพรมแดง ขัดขวางเส้นทางมิให้เซียถงได้ไปต่อ น้ำเสียงที่เปล่งดังออกมาของนาง อัดแน่นไปด้วยแววความเย้ยหยันดูแคลน ทั้งยังรู้สึกอิจฉาริษยาอยู่หนึ่งส่วน
เพียงชั่วข้ามคืน เมืองเฟิงหลี่แห่งนี้ถูกเนรมิตใหม่กลายมาเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองงานอภิเษกขนาดใหญ่ มีทั้งโคมไฟและพรมแดงทอดยาวไปทั่วทุกแห่งหน แทบจะเรียกว่าเป็นเมืองแห่งพิธีอภิเษกสมรสไปแล้วก็ว่าได้ และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ได้ยินแต่บรรดาชาวเมืองพูดคุยเรื่องพิธีงานดังกล่าวที่ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการนี้!
ซึ่งแต่แรกเดิมที ทั้งหมดนี้ควรจะเป็นสิ่งที่ไป๋หลี่อวี๋อิงได้รับ หาใช่เพราะว่าตัวนางเอง ที่ดันไปปฏิเสธงานอภิเษกสมรสที่เสด็จพ่อเสนอให้ตั้งแต่แรกด้วยความรำคาญ จึงส่งผลในเวลานี้ คนที่ได้เสพสุขและเพลิดเพลินไปกับความหรูหรายิ่งใหญ่ตกเป็นของเซียถงแทน ทั้งที่แต่เดิมนางควรจะได้รับเองแท้ๆ!
เหล่าผู้คนในเมืองเฟิงหลี่ที่สัญจรไปมาตามท้องถนนให้เห็นกันเป็นอาจิน ร้อยวันพันปีมีหรือที่จะได้เห็นพิธียิ่งใหญ่ปานนี้? โดยปกติแล้วก็แค่งานแห่ขบวนหันหมากเล็กๆ รอบเมืองเป็นครั้งประปราย และนี่ไม่ใช่แค่งานแห่ขบวนที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในทวีปเทียนหลาน แต่มันเป็นอะไรที่แตกต่างและน่าตกใจโดยสิ้นเชิง เพราะคู่สมรสที่อภิเษกด้วยกลับหาใช่เชื้อพระวงศ์เชื้อเจ้าในวัง ทว่าเป็นเพียงบุตรสาวของเสนาบดีชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น! จากฝูงชนที่แตกตื่นโกลาหลกันอยู่แล้ว พวกเขายิ่งทวีความตื่นเต้นสนใจเป็นหลายทวีเท่า ส่งผลให้ทุกคนยิ่งให้ความสำคัญกับเซียถงกันเข้าไปใหญ่ กระทั่งตอนนี้ที่ดึกดื่นแล้ว ก็ยังมีฝูงชนจำนวนมากยืนจับกลุ่มพูดคุยกันตลอดพรมแดงสองข้างทาง
“องค์หญิงโปรดถอยออกไปจะดีกว่า นี่เป็นงานเฉลิมฉลองของข้าเซียถงคนนี้ หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับท่านเลย”
ดวงตาเซียถงทอประกายแสงเยียบเย็น ใต้แขนเสื้อขวาขยับเล็กน้อย ลอบหยิบใช้อาวุธลับอย่างเงียบงัน ค่อยๆ เลื่อนคมเข็มเงินทั้งสามเล่มสอดเข้าง่ามนิ้วมือ เตรียมพร้อมซุ่มโจมตีไป๋หลี่อวี๋อิงได้ทุกเมื่อ
“เซียถง! อย่าสำคัญตนผิดไป หรือจะหลงลืมไปแล้วเสียว่า ตนเองคือหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่? การที่เสด็จอายอมอภิเษกสมรสกับเจ้า ก็เพียงเพราะเห็นแก่พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ของตัวเจ้าเท่านั้น คิดจริงๆ รึว่า เสด็จอาตามืดบอด ไปหลงชอบหญิงอัปลักษณ์น่าเกลียดอย่างเจ้าจริงๆ? ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าขันสิ้นดี!”
ทันใดนั้นเอง ไป๋หลี่เย่ก็ปรากฏตัวขึ้น ก้าวย่างออกมาหยุดอยู่ด้านข้างไป๋หลี่อวี๋อิง
สีหน้าการแสดงออกของเซียถงยิ่งทวีวคามเยียบเย็นเป็นเท่าทวี มิทราบว่าทำไม คำพูดคำจาของไป๋หลี่เย่ในตอนนี้กลับฟังดูเป็นพิษ น่าหงุดหงิดเป็นพิเศษ มันได้จุดประกายความเกรี้ยวโกรธขึ้นในใจนางทันที สายลมกระโชกบ้าคลั่ง แขนเสื้อยาวของนางโบกสะบัดประดุจฟ้าแลบ ประกายแสงสีเงินทั้งสามถูกยิงเข้าใส่คู่สองพี่น้องอย่างไป๋หลี่อวี๋อิงและไป๋หลี่เย่โดยตรง
ทว่าเข็มเงินเหล่านั้นที่ยิงออกไป กลับถูกคมกระบี่เล่มหนึ่งสกัดกั้นเอาไว้ เสียงโลหะเสียดปะทะดัง ‘กริ๊งเกร๊ง’ ก่อเกิดเป็นสะเก็ดไฟแตกประกาย เบื้องหน้าของคู่สองพี่น้องปรากฏเป็น ร่างของปรมาจารย์เสวี่ยที่ยืนปิดกั้นอยู่พร้อมกับกระบี่ในมือ
ปรมาจารย์เสวี่ย? พอได้เห็นว่าใครกันที่เผยตัวปรากฏกายออกมา เซียถงก็พึงเข้าใจได้ทันควัน ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด ที่เหตุไฉนไป๋หลี่อวี๋อิงกับไป๋หลี่เย่ถึงได้ใจ หาญกล้าออกมาก่อปัญหาต่อหน้าต่อตานางขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนคอยช่วยอยู่เบื้องหลังนี่เอง
สองมือถือกระบี่สองเล่ม ปรามจารย์เสวี่ยนยืนแน่วนิ่งอยู่ตรงนั้น จับจ้องไปทางเซียถงอย่างสงบนิ่งสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ราวกับกำลังจะสื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นหน้าที่ หาได้นำพาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวโยงใดๆ
เซียถงปรายสายตามองไปทยังคมเข็มเงินทั้งสามเล่มที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ภายในใจของนางรู้สึกทึ่งอยู่หลายส่วน ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์เสวี่ยผู้นี้เองก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกันในช่วงที่ผ่านมา สามารถสกัดคมอาวุธลับที่นางยิงออกมาได้อย่างง่ายดาย โดยแทบไม่ต้องสำแดงใช้พลังใดๆ เลย
“ปรมาจารย์เสวี่ย ออกโรงมาได้จังหวะ องค์หญิงผู้นี้ขอสั่งให้เจ้า ไปกระชากผ้าคลุมใบหน้าของนังอัปลักษณ์เซียถงออกมา! เปิดเผยให้ทุกคนได้เห็นว่า นังนี่มันน่าเกลียดปานใด!”
ภาพฉากเหตุการณ์เมื่อครู่ ไป๋หลี่อวี๋อิงมองไม่เห็นเข็มเงินที่เซียถงยิงใส่เลยแม้สักนิด แต่เมื่อพิจารณาจากที่ปรมาจารย์เสวี่ยเผยตัวออกมาช่วย นางก็พอทราบได้ว่า เซียถงจะต้องเคลื่อนไหวทำอะไรบางอย่าง
ทว่าอย่างไร แทนที่ปรมาจารย์เสวี่ยจะพยักหน้ารับสั่งการ เขากลับหันศีรษะกลับไปนั่งหน้าร้านอาหารริมทาง ทำหูทวนลมเสมือนว่าไม่ได้ยินคำสั่งใดๆ จากปากไป๋หลี่อวี๋อิงทั้งสิ้น