ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 384 เบาะแสคืบหน้า
ตอนที่384 เบาะแสคืบหน้า
ตอนที่384 เบาะแสคืบหน้า
รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกเสมือนแช่แข็งไปถึงขั้วกระดูกดำ ตกกระทบลงมาหลังคอของนาง เซียถงสั่นสะท้านวูบวาบยันหนังศีรษะ และเมื่อมองย้อนกลับไป ก็แลเห็นสีหน้าแววตาอันมืดทมิฬแสนน่าสะพรึงจากบนระเบียงไกลโพ้น รอยยิ้มฉาบเย็นเยียบของเขาทำให้นางตัวสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว เฉพาะช่วงเวลานี้เท่านั้นที่นางเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าสาธารณชนแล้วจริงๆ
ก่อนหน้า อึดใจที่กระฉากผ้าคลุมใบหน้าตนเองออกมา นางคิดเพียงว่า ทั้งหมดทำไปก็เพื่อลบล้างคำสบประมาททั้งหมดของไป๋หลี่อวี๋อิง ที่จ้องโจมตีไป๋หลี่หานให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโดยหาว่า แต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์น่ารังเกียจอย่างนาง วินาทีนั้นหัวสมองของนางร้อนฉ่าโกรธเกรี้ยว จึงส่งผลให้นางกระฉากผ้าคลุมใบหน้าออกมาจริงๆ หวังให้ทั่วผืนปฐพีแห่งนี้ได้รู้กันไปเลยว่า ไป๋หลี่หานมิได้แต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์น่ารังเกียจ แต่เป็นอิสตรีรูปงามนางหนึ่ง!
พอมาตอนนี้ นางอดรู้สึกเสียใจภายหลังมิได้ คล้อยหลังการเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ดูท่าอะไรหลายสิ่งอย่าง คงยากขึ้นไปหมด มิใช่แค่เรื่องหลบหนีงานอภิเษกสมรสที่น่าจะยุ่งยากมากขึ้นหลายเท่าตัว แต่ยังต้องเพิ่มระดับความระมัดระแวงต่อเย่หลีเทียน ไม่ทราบเลยว่า อีกฝ่ายคิดหรือวางแผนทำอะไรอยู่ในขณะนี้ แต่ที่แน่ๆ คือ นางตกเป็นเป้าหมายของมันเป็นที่เรียบร้อย
รู้สึกตัวขึ้นมาอีกที นางก็มาถึงจวนเสนาบดีเซี่ยเสียแล้ว ลงจากหลังอาชาตนนั้นมา ก็มีเซี่ยอี้เฉิงกับเซี่ยหลู่เฟิงที่ยังคงนั่งรอนางอยู่ในโถงรับแขก
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ ข้าตกลงอภิเษกสมรสกับท่าน แต่มีอยู่หนึ่งเงื่อนไข ข้าจะต้องช่วยเหลือท่านแม่กลับมาให้ได้ก่อน ค่อยเดินทางไปอภิเษกสมรสในอี้เฉิง”
ผ่านประตูโถงก้าวเข้ามา เซียถงมิได้ปริปากทักทายพวกเขาสองคนใดๆ เดินผ่านตรงมานั่งตำแหน่งอันทรงเกียรติบนหัวโต๊ะ ยกมือขึ้นเท้าคางอย่างสบายๆ
“เข้าใจแล้ว ข้าผู้นี้เองก็จะพยายามเสาะหาท่านแม่ยายสุดความสามารถเช่นกัน”
ไป๋หลี่หานพยักหน้าตอบ น้ำเสียงค่อนข้างเอาจริงเอาจังมาก
ทันทีที่ได้ยินเซียถงกล่าวเช่นนั้น พวกเขาทั้งคู่ต่างประหลาดใจยิ่งยวดและรู้สึกมีความสุขภายในตัวเช่นกัน อย่างไร เซี่ยอี้เฉิงไม่กล้าปริปากถามถึงเหตุผลเลยสักคำ จึงหันไปถามไถ่เซี่ยหลู่เฟิงแทน พอได้รู้ความจริงกับหูตัวเองที่ว่า ทั้งหมดนางจำใจทำเพื่อช่วยเหลือท่านแม่ของนาง ในฐานะผู้เป็นพ่อ เซี่ยอี้เฉิงรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทางด้านเซี่ยหลู่เฟิงเองก็รู้สึกแย่ไม่แตกต่าง
เรื่องการอภิเษกสมรสสำเร็จไปได้ด้วยดี ไป๋หลี่หานจึงไม่อาจเสียมารยาทอยู่ต่อนานเกินไป ดังนั้นก็เลยลุกขึ้นและจากออกไปทันที
“ถงเอ๋อร์ ฟังว่า ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้เป็นชายโหดเหี้ยม ป่าเถื่อนและเลือดเย็นเป็นที่สุด หากมิได้ต้องการอภิเษกกับเขาจริงๆ เช่นนั้นข้าจะช่วยหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้เอง”
ทันทีที่ไป๋หลี่หานจากออกไป เซี่ยหลู่เฟิงก็รีบกันมากล่าวกับเซียถง สีหน้าการแสดงออกดูเป็นกังวลมาก
“ไร้สาระ! สถานะศักดิ์พระชายาแห่งดินแดนอี้เฉิงนับว่าไม่เป็นรองผู้ใดบนผืนพิภพ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์จากแดนไกล หรือกระทั่งคุณหนูจากตระกูลผู้มั่งคั่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกท่านราชาหมาป่าสวรรค์ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ยิ่งไปกว่านั้น การอภิเษกสมรสในครั้งนี้เป็นพระราชโองการของฝ่าบาทโดยตรง เป็นไปได้หรือจะถอดถอนได้?”
เซี่ยอี้เฉิงเร่งกล่าวดุเซี่ยหลู่เฟิงยกใหญ่ กลัวว่า เซียถงจะรับฟังข้อเสนอของอีกฝ่ายเอาไว้ และหาทางทำลายงานอภิเษกสมรสเป็นคำรบสอง
เซียถงเพียงปรายหางตามองใส่ทีเดียว เซี่ยอี้เฉิงถึงกับก้มหน้าก้มตาลงทันที และไม่กล้าปริปากกล่าวใดๆ อีกเลย
ตลอดคืนนั้น เซียถงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการนั่งขัดสมาธิ ฝึกปรือบำเพ็ญตบะอยู่บนเตียง ซึ่งระหว่างนั้นเอง จู่ๆ หวานหลีซุนก็ปรากฏตัวออกมา เขาลอบเข้ามาในจวนเสนาบดีเซี่ยเพื่อเดินทางมาส่งข่าวให้แก่นาง แจ้งถึงเบาะแสที่ได้มาดังว่า ดูเหมือนในตอนนี้ฮูหยินหลี่จะถูกสายลับไร้นามคนหนึ่งจับตัวขังอยู่ในเมืองเฟิงหลี่ ลงรายละเอียดให้ลึกกว่านั้นคือ สายลับไร้นามคนที่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาเซิงหลิง
ได้ยินเบาะแสสำคัญดังนั้น เซียถงมอบยาบรรเทาพิษแก่เขา ทั้งยังสั่งให้ออกไปเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกรอบ เมื่อหวานหลีซุนจากไป นางก็ตรงมายังบานหน้าต่าง เงยหน้าเชยจันทร์เหนือฟ้ารัตติกาล สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างยิ่ง
ในวันรุ่งขึ้น เซียถงมุ่งหน้าสู่สถานศึกษาเซิงหลิงทันที เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากหยุนซี หวังให้ตรวจสอบข้อมูลของทั้งอาจารย์คนอื่นๆ และนักเรียนทั้งหมดในสถานศึกษาแห่งนี้ ซึ่งทั้งสองก็ช่วยกันสอบค้นประวัติจากใบบันทึกข้อมูลของทั้งอาจารย์และนักเรียนทั้งหมดในนั้น ทว่ากลับไม่พบบุคคลใดที่น่าสงสัย
“อาจารย์หยุนซี ท่านคิดว่าใครกันในสถานศึกษาที่มีโอกาสเป็นสายลับของพวกซีฉินได้บ้าง?”
เซียถงนั่งจ้องเอกสารข้อมูลของอาจารย์และนักเรียนทั้งหมดที่กระจัดกระจายทั่วพื้น ขณะที่หยุนซีนั่งยองก้มหน้าก้มตาค้นหาต่อไป
“คิดว่าทุกคนดูน่าสงสัยหมดนั่นแหละ ยกเว้นข้าคนนึง”
สุดท้ายนี้เอง กระทั่งหยุนซีเองก็ยังจนปัญญา ทยอยเก็บเอกสารทั้งหมดจัดเรียงให้เข้าที่เข้าทางดังเดิม
“สภาพร่างกายท่านแม้ข้ามิค่อยแข็งแรงนัก เป็นห่วงเหลือเกิน นางจะเป็นเยี่ยงไรบ้างตอนนี้?”
เซียถงทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าช่างเศร้าสร้อย
“อืม…หากฟังจากที่เจ้าเล่ามา องค์จักรพรรดิซีฉินลักพาตัวนางไป ก็เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองกับเจ้า เช่นนั้น นางก็ไม่ควรถูกทรมาน เพียงจับไปกักตัวขังไว้เฉยๆ เจ้าวางใจเถอะ”
หยุนซีตบไหล่ปลอบประโลมเซียถงไปทีหนึ่ง
เซียถงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูและทันใดนั้นเองก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงมาจากแขนเสื้อ หยุนซีเห็นดังนั้นจึงหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย คลี่กางออกมาดูอยู่สองสามทีค่อยขยำขว้างทิ้งไป
“นี่เจ้าเก็บเศษขยะแผ่นนี้ไว้ในแขนเสื้อ?”
“มันเป็นสาสน์จากพิราบสื่อสารของเย่หลีเทียน เป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับที่ท่านแม่ถูกลักพาตัวไป ข้อความบนนั้นเป็นลายมือของสายลับจากซีฉิน”
ใช่แล้ว ลายมือ! เซียถงตาเป็นประกายสว่างไสวขึ้นทันใด และรีบคว้าก้อนกระดาษที่โดนขยำ คลี่กางออกมาโดยไว กวาดสายมองบรรดาตัวอักษรตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
จากอักษรทั้งหมดแปดตัวถ้วน มีห้าตัวถูกรอยเท้าน้อยๆ ประทับบดบัง แต่อีกสามตัวที่ยังหลงเหลือค่อนข้างเด่นชัดเจน เซียถงขมวดคิ้วจับจ้องตาเขม็ง ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ไฉนวันนั้น ข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับลายมือพวกนี้เป็นอย่างมาก ทว่ากลับคิดอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียทีว่า เคยเห็นมันจากแห่งหนใด
“อาจารย์หยุนซี ไม่คุ้นลายมือพวกนี้เลยรึ?”
หยุนซีชะโงกศีรษะพินิจมองอย่างระมัดระวัง จากนั้นไม่นานเกินรอ นางก็เงยหน้าขึ้นสบตาเซียถง อุทานขึ้นคำหนึ่งด้วยความประหลาดใจยิ่งว่า
“ลายมือเช่นนี้เหมือนกับของคณบดีเลย!”
ได้ยินหยุนซีกล่าวเช่นนี้ เซียถงก็ร้องอ่อจำได้ทันที นี่มันลายมือของคณบดีเคราขาวจริงๆ! ตอนที่นางเข้าสถานศึกษาครั้งแรก ก็เห็นคณบดีเคราขาวยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งให้กรอก ซึ่งภายในนั้นถูกเขียนขึ้นโดยตัวเขา อาจเป็นเพราะตอนนี้นางมองผ่านอ่านเพียงปราดเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่รู้สึกคุ้นเคยแต่จำไม่ได้
“แล้วท่านคณบดีเคยทำอะไรมาบ้างก่อนหน้านี้?”
เซียถงจ้องหน้าหยุนซีเขม็ง แววตาสดใสเป็นประกายเปี่ยมล้นไปด้วยความคาดหวัง
หยุนซีเกาหัวแกรกๆ ขมวคคิ้วใช้ความคิดอยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ตาแก่นั่นอยู่ในสถานศึกษาก่อนที่ข้าจะเข้ามาด้วยซ้ำ แต่เคยได้ยินบางคนพูดว่า ตาแก่นั่นกับองค์จักรพรรดิตงหลี่สนิทสนมกันดั่งพี่น้อง”
“อาจารย์หยุนซี พอจะมีเอกสารที่เป็นลายมือของท่านคณบดีอีกหรือไม่? ศิษย์จะได้ลองเอามาเทียบกัน”
เซียถงกล่าว
ตราบใดที่ยืนยันได้ว่า ข้อความบนแผ่นสาสน์พิราบสื่อสารแผ่นนี้เป็นลายมือของคณบดีเคราขาวจริงๆ ถึงสุดท้าย เขาจะไม่ใช่ตัวการที่ลักพาตัวไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน
หยุนซีพยักหน้า รีบมุ่งหน้าเดินไปทางชั้นวางเอกสารอีกแถวหนึ่งทันที หยิบซองเอกสารหนังวัวสีเหลืองซีดออกมา เปิดนำกระดาษปึกหนึ่งออกมาจากในนั้น พร้อมยื่นให้ถึงมือเซียถง
“นี่เป็นสำเนาเอกสารเก่าของตาแก่นั่น”
เซียถงหยิบกระดาษปึกขึ้นมา และนั่งไล่อ่านทันทีบนโต๊ะ พยายามมองหาอักษรที่เหมือนกับตัวในข้อความกระดาษแผ่นนั้น