ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 389 ห้องลับ (3)
ตอนที่389 ห้องลับ (3)
ตอนที่389 ห้องลับ (3)
ส่วนนูนแตกปรากฏเป็นร่องรอยกุญแจบาง หากมงผ่านตาเปล่าแทบจะแยกไม่ออก ลองใช้นิ้วลูบสัมผัสถึงจะรู้สึกได้ถึงความไม่เสมอกันของพื้นผิว ลูบคลำอยู่สักพักหนึ่ง เซียถงค่อยออกแรงกดเบาๆ ไปทีหนึ่ง
เสียงยุบตัวดังกึกกัก ทันใดนั้นก็มีบางอย่างดีดเด้งกระเด็นตกพื้นลงมา
เซียถงก้มตัวไปหยิบขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นกุณแจเล็กๆ ดอกหนึ่ง
ที่แท้ก็มีช่องเก็บกุญแจลับซ่อนอยู่บนหัวเตียง ขนานนาบไปกับพื้นผิวไม้ตรงนั้นโดยใช้กระถางกล้วยไม้หลายหลากปิดทับซ่อนไว้อีกทีหนึ่ง เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้พบกุญแจแล้ว เช่นนั้น…ห้องลับที่ว่ามันอยู่ที่ไหน?
เซียถงจัดเรียงกระถางกล้วยไม้ไว้บนหัวเตียงดังเดิม เริ่มให้ความสนใจกับอ่างไม้แช่ตัวตรงห้องน้ำที่อยู่ถัดไป นี่เป็นจุดสุดท้ายในเรือนหลังนี้ที่นางยังไม่ตรวจสอบโดยละเอียด เช่นนั้นจึงมุ่งหน้าตรงไปยังอ่างที่ว่าทันที และไม่นานก็เสาะพบสิ่งผิดสังเกตคือ โดยรอบอ่างไม้แช่ตัวแห่งนี้มีกระถางกล้วยไม้ประดับประดาโดยรอบอีกแล้ว ซึ่งมันเหมือนกับของที่อยู่บนหัวเตียงไม่มีผิด
เดินไปคว้าหยิบกระถางกล้วยไม้เหล่านั้นออกมา ก็ปรากฏรอยแตกขนาดเล็กอยู่จุดหนึ่ง ซึ่งขนาดและรูปร่างของรอยแตก หากสังเกตให้จงดีจะมีขนาดพอดีกับรูกุญแจเอาไว้เสียบได้ โดยไม่มีรีรอใดๆ เซียถงนำกุญแจที่เพิ่งได้มาเสียบเข้าไปโดยตรง และทันใดนั้นเสียงกลไกบางอย่างขับเคลื่อนก็ดังขึ้นอย่างเชื่องช้า ก้มอ่างไม้แช่น้ำใบใหญ่ยุบตัวลง กลายเป็นช่องบันไดลาดเอียงลงไปยังใต้ดิน ขนาดความกว้างประมาณหนึ่งคนเข้าพอดี
มันมีห้องลับอยู่ที่นี่จริงๆ! ทั้งตัวกุญแจและทางเข้าลับถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี เซียถงดึงกุญแจเก็บกลับมา และมุ่งหน้าเดินลงบันไดไป ก้าวลึกลงไปกว่าหลายสิบขั้น ชั้นใต้ดินเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสค่อนข้างกว้าง มีโคมไฟสีทองแดงให้ความสว่างอยู่ทั่วผนังทางเดิน
จุดสังเกตที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น เสาเหล็กตันหนาจำนวนหลายต้นตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องใต้ดินแห่งนี้ และกำลังมีใครบางคนถูกล่ามโซ่เหล็กใหญ่หนาทั้งมือทั้งเท้าอยู่ คราบเลือดที่แห้งกราดเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ
คนๆ นั้นสวมเสื้อผ้าขาดลุ่ย ก้มศีรษะดูไร้เรี่ยวแรงคล้ายกำลังหมดสติ เซียถงรีบเดินไปดูทันทีด้วยความตื่นตระหนก ภายในใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เพราะกลัวว่าหากเป็นแม่ของนาง การถูกทรมานสาหัสปานนี้อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย!
แต่คล้อยหลังพินิจมองโดยละเอียดถี่ถ้วน ปรากฏว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย นางพลันรู้สึกโล่งใจในทันที พยายามยื่นมือไปสะกิดเล็กน้อย ทว่าชายคนดังกล่าวกลับไม่ตอบสนองใดๆ จึงมิอาจทราบได้ว่า ตายไปแล้วหรือกำลังใกล้ตาย
ด้วยความสงสัย เซียถงค่อยๆ เอนตัวก้มหน้ามองย้อนขึ้นหา หวังจะดูใบหน้าของชายคนดังกล่าวให้ชัดถนัดสายตาว่าเป็นใครกันแน่ แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น นางก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ รีบเอื้อมมือไปเขย่าร่างอยู่หลายที ทั้งยังเชยคางอีกฝ่ายให้เงยศีรษะขึ้นมา
ถึงแม้ใบหน้าจะฉาบชโลมรอยเลือด แต่ก็ยากเกินกว่าจะปิดบังแววความหล่อเหลาและแสนเจ้าเล่ห์ของชายคนนี้ได้ เพียงปราดเดียว เซียถงก็จำได้ทันที นี่หาใช่ใครอื่นนอกจาก หวานหลีซุน
ไม่ใช่ว่า หวานหลีซุนเพิ่งเดินทางมาส่งข่าวเรื่องมีสายลับจากซีฉินอยู่ในสถานศึกษาเซิงหลิงกับนางเมื่อวันสองวันก่อนเองมิใช่รึ? ไฉนตอนนี้ถึงถูกจับตัวมาขังไว้เสียแล้ว? ซึ่งตอนนั้นนางเองก็ให้โอสถระงับพิษไปแล้ว พลังความแข็งแกร่งก็ฟื้นคืนขึ้นมาหลายส่วน แต่ไฉนถึงหมดสภาพยับเยินขนาดนี้? เซียถงออกแรงบีบคางเขาอยู่ทีสองที ทั้งยังเขย่าร่างหวังให้ได้สติฟื้นตัว ตะโกนขานชื่อว่า
“หวานหลีซุน! หวานหลีซุน!”
หลังจากพยายามเขย่าเรียกสติอีกฝ่ายอยู่สักครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา นางจึงลองเอานิ้วไปอังใต้จมูก ยังดีที่พอสัมผัสได้ถึง ลมหายใจไอร้อนอุ่นๆ ได้อยู่บาง พึงทราบได้ทันที ถึงแม้ยังไม่ตายก็จริง แต่ก็เข้าขั้นวิกฤติแล้ว
เซียถงขมวดคิ้วแน่น ก้าวถอยหลังออกมาสองสามก้าว กวาดสายตาสำรวจมองหวานหลีซุนอย่างระมัดระวัง ไม่ได้เจอกันแค่วันสองวัน แต่เหตุใดสภาพอีกฝ่ายถึงดูเลวร้ายปานนี้? ใบหน้าก็ซีดเซียวตอบผอม เบ้าตาลึกกลวงโบ๋ดำทมิฬ น่าแปลกที่ทั่วร่างกายไม่มีร่องรอยปผลเป็นใดๆ เลย ทว่าบริเวณแผ่นอกกลับมีคลาบเลือด เนื้อหนังเหี่ยวเฉาและเน่าเฟะจนส่งกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์รุนแรง
เกิดอะไรขึ้นกับห้องใต้ดินแห่งนี้กัน? เพิ่งจะพบหน้ากันหมาดๆ วันสองวันก่อน แล้วไฉนถึงเปลี่ยนได้ขนาดนี้?
กลิ่นเน่าเหม็นที่ลอยฟุ้งอบอวลอยู่ในอากาศห้องใต้ดิน มันช่างเหม็นเน่าจนทำเอาเซียถงปวดเวียนศีรษะอย่างมาก นางกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย ฉีกเสื้อผ้าในส่วนหน้าอกให้เปลือยเปล่าไม่เหลือชิ้นดี บนหน้าอกของหวานหลีซุนจะมีก็เพียงแผ่นยาสีดำขนาดใหญ่แปะติดอยู่ตรงนั้น และเมื่อลองลอกทิ้งออกมา ปรากฏว่าเนื้อหนังในส่วนที่โดนแผ่นยาสีดำปิดทับเอาไว้ มันถูกกัดกร่อนจนลึกเห็นถึงกระดูกสีขาว ทั้งยังมีแอ่งน้ำหน่องสีเหลืองเน่าเหม็นไหลเยิ้ม เจือผสมก้อนเลือดสีแดงส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่ว
ผงละลายกล้ามเนื้อ? นี่ตั้งใจจะค่อยๆ ทรมานหวานหลีซุนจนตายไปข้างเลยกระมัง? ถึงใช้ผงละลายกล้ามเนื้อแปะทิ้งไว้แบบนี้? วิธีการของสายลับจากซีฉินโหดเหี้ยมเลือดเย็นเอาการ กระทั่งเซียถงที่ได้ทราบยังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกลึง นางรีบหยิบโอสถถอนพิษจากแขนเสื้อออกมา และบีบให้ปากของอีกฝ่ายเปิดออก ตบโอสถบังคับให้กลืนลงไปโดยตรง
ถึงแม้ผงละลายกล้ามเนื้อจะมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง แต่ก็สามารถรักษาได้ไม่ยากเช่นกัน อาศัยโอสถขับพิษระดับสองสักเม็ดหนึ่งก็ช่วยได้แล้ว เมื่อช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ ที่กำลังริบหรี่ลงของหวานหลีซุนได้แล้ว เซียถงก็ลุกเดินกวาดสายตามองโดยรอบห้องใต้ดินลับแห่งนี้
ผนังทั้งสี่ด้านทำจากโลหะชนิดพิเศษสีเขียว ด้านมุมหนึ่งเต็มไปด้วยสารพัดอาวุธและเครื่องมือทรมานจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยทั่วไปแล้ว ห้องลับมันไม่ได้มีเพียงสถานที่กักขังนักโทษเท่านั้น แต่มันจะต้องมีเส้นทางลับบางอย่างที่ใช้เก็บซ่อนอะไรบางอย่าง จวบจนกระทั่งใช้หลบหนีในยามฉุกเฉินด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้ว ห้องลับใต้ดินแห่งนี้จะต้องมิได้มีเพียงเท่านี้แน่นอน จากนั้นเซียถงจึงเริ่มใช้สองมือคลำไปตามกำแพง เพื่อหากลไกลับสำหรับในส่วนอื่นๆ
หากท่าแม่ของนางมิได้อยู่ตรงนี้ แสดงว่าจะต้องมีห้องลับอื่นที่ถูกซ่อนอีกแน่นอน
แต่เพิ่งจะลูบคลำกำแพงได้ไม่นาน นางก็พลันได้ยินเสียงแหบแห้งของหวานหลีซุนเอ่ยขึ้นว่า
“น้ำ…ข้าหิวน้ำ…”
เซียถงรีบวิ่งกลับไปหาทันที พบว่าอีกฝ่ายในเวลานี้ได้สติฟื้นขึ้นแล้ว และพยายามจะยกศีรษะเงยขึ้นมา พอเห็นว่าผู้มาถึงก็คือเซียถง ใบหน้าอันเสื่อมโทรมของเขาก็ดูมีความสุขขึ้นทันควัน ริมฝีปากแห้งแตกระแหงของเขาปริเสียงเอ่ยว่า
“คะ-คุณ…คุณหนูเซีย…ช่วยข้า…ด้วย”
“เจ้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ยังไง?”
แต่เดิมเซียถงก็รังเกียจหวานหลีซุนคนนี้อยู่แล้ว เห็นอีกฝ่ายฟื้นคืนสติ นางก็ยังกอดอกแน่นไม่มีทีท่าเข้าช่วยเหลือใดๆ
“หลังจาก…ที่รู้ว่าสายลับของพวกซีฉินซ่อนตัวอยู่ในสถานศึกษาเซิงหลิง ข้า…ข้าก็ลอบเข้ามาในเรือนพักคณบดี…หวังจะเสาะหาเบาะแสเพิ่มเติม แต่…แต่ไม่คิดเลย…จะถูกดักตีหัวจนหมดสติ…แล้วถูกจับขังที่นี่ พวกมัน…พวกมันแปะแผ่นยาละลายกล้ามเนื้อบนอกข้า หวังจะฆ่า…ฆ่าข้า” หวานหลีซุนหอบหายใจเว้นช่วงอธิบายเป็นระยะไม่ค่อยต่อเนื่องนัก
“หากเช่นนั้นได้เบาะแสเกี่ยวกับท่านแม่ข้าเพิ่มเติมหรือไม่?”
เซียถงเอ่ยถาม
หวานหลีซุนปั้นหน้าลำบากใจในทันที ก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“หากเช่นนั้นก็จงอยู่ที่นี่ต่อไป!”
กล่าวจบเซียถงถอนตัวออกห่างจากหวานหลีซุนโดยหาได้สนใจแลเหลียวใดๆ อีกเลย และเริ่มลูบคลำตามกำแพงตามหากลไกลับที่นำไปสู่ส่วนอื่นๆ ต่อไป
“คะ-คุณหนูเซีย…ข้า…ที่ข้าถูกขังที่นี่…ก็เพื่อเสี่ยงตายตามหาท่านแม่ของท่าน…”
หวานหลีซุนรีบร้องกล่าวทวงความเป็นธรรม
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าลักพาตัวท่านแม่ข้าไปตั้งแต่แรก มีหรือที่เรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้?”
เซียถงหยิบเครื่องทรมานชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากมุมห้องตรวจสอบ เครื่องทรมานชิ้นนี้คล้ายกับมีคราบเลือดที่แห้งแล้วสีน้ำตาลฉาบคุมไปทั่วจนไม่เห็นสีดั่งเดิมของมัน พลางคิดกับตัวเองในใจ ไม่รู้เลยว่าภายในห้องใต้ดินนี้มีกี่ชีวิตแล้วที่ต้องสังเวย?
“คุณหนูเซีย พะ-พวกนั้น…มันมีเป้าหมายคือการลักพาตัวแม่ของท่านอยู่แล้ว ต่อ…ต่อให้ข้าไม่ได้ทำ…แม่ของท่านคงถูกลักพาตัวหายไปอยู่ดี”
หวานหลีซุนกล่าวทักท่วงเพิ่มเติมออกไป เนื้อตัวของเขาสั่นเทาหนักด้วยความกังวล ภายใต้สถานการณ์ตอนนี้ เซียถงคือความหวังเดียวที่จะช่วยชีวิตตนได้ หากนางมองข้ามไม่สนใจกันจริงๆ เกรงว่าจะต้องเน่าตายอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้เป็นแน่แท้
โซ่เหล็กหนาสั่นกระเพื่อมเบาๆ เนื่องด้วยอาการตัวสั่นเทิ่มและวิตกจริตหนักของหวานหลีซุน
“อย่าลืมไปเสีย ความตั้งใจเดิมของเจ้าคือช่วยเหลือฮูหยินรองเฉิงเพื่อกำจัดข้ากับท่านแม่ทิ้งไป แล้วไฉนตอนนี้ข้าต้องให้ความช่วยเหลือกับคนร้ายอย่างเจ้า?”
เซียถงชำเลืองมองหวานหลีซุนที่ตัวสั่นไม่หยุดอยู่ตรงนั้น