ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 392 คุมขัง (2)
ตอนที่392 คุมขัง (2)
ตอนที่392 คุมขัง (2)
ทั้งเสี่ยวฮั่วและหลิวซูต่างนอนหมดสติอยู่ในห้วงความคิดของนางทั้งคู่? ทันใดนั้นเอง เซียถงก็หวงย้อนกลับไปนึกถึงกลิ่นหอมจากกล้วยไม้ทั้งในห้องนอนและห้องน้ำของคณบดีก่อนหน้าได้ทันควัน หรือต้นเหตุจะอยู่ที่กระถางกล้วยไม้พวกนั้นจริงๆ? ไม่น่าแปลกใจไฉนถึงมีกระถางกล้วยไม้ตั้งอยู่มากมายไปทั่วขนาดนั้น! ปรากฏว่ากระถางกล้วยไม้พวกนี้มันไม่ปกตินี่เอง
เซียถงผิดหวังกับตัวเองอย่างมาก ในฐานะนักหลอมโอสถคนหนึ่ง นางควรจะมีปฏิกิริยาต่อพิษในรูปแบบต่างๆ ที่คณบดีซ่อนแฝงเอาไว้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วด้วยซ้ำ นางพยายามผยุงตัวลุกขึ้นมา และกวาดสายตามองรอบห้องใต้ดินแห่งนี้ ทว่ากลับไม่พบสิ่งใดเลย ปราศจากความช่วยเหลือจากทั้งเสี่ยวฮั่วและหลิวซู กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยในขณะนี้ จะให้เดินสำรวจโดยรอบก็ยาก เพราะอาจทำให้พิษในกายกระจายตัวเร็วขึ้น
อยู่ในกำมือของศัตรูโดยสมบูรณ์เช่นนี้ เซียถงทำได้เพียงสงบจิตสงบใจตัวเองลงเท่านั้น การที่ปรมาจารย์เสวี่ยไม่คิดลงมือสังหารนางทิ้ง นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า คนพวกนั้นต้องการใช้ประโยชน์จากตัวนางอยู่ ดังนั้นก็ควรจะปฏิบัติต่อท่านแม่ของนางเป็นอย่างดีเช่นกัน ครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ก็คลายกังวลลงมิใช่น้อย นางเดินตรงไปยังฟูกผ้าห่มและนอนลง ผล็อยหลับลงไปท่ามกลางสติสัมปชัญญะที่มึนงง
ไม่ทราบวันเวลาล่วงเลย เซียถงตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงกำแพงโลหะที่ปิดดัง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นคณบดีเคราขาวยืนมองด้วยรอยยิ้ม พอเห็นเซียงได้สติขึ้นมา จึงเอ่ยถามน้ำเสียงอย่างเป็นมิตรขึ้นว่า
“เคยต้องมาอยู่สถานที่แบบนี้หรือไม่?”
สายตาของชายชรากวาดมองไปที่ฟูกสำลีเก่าขึ้นรา คณบดียิ้มกล่าวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า
“พรุ่งนี้ข้าจะวานให้ปรมาจารย์เสวี่ยนำฟูกสำลีผืนใหม่มาให้ หากทนนอนแบบนี้ต่อไป กลัวว่าเจ้าจะเป็นหวัดเอาได้”
น้ำเสียงที่เปล่งดังออกมาของเขาฟังดูจริงใจเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งสีหน้าแววตาเองก็เช่นกัน และหากเซียถงมิได้ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้ นางคงเชื่อสนิทใจไปแล้วว่า เขามีความเป็นห่วงเป็นใยนางจริงๆ
เซียถงพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ใส่อย่างเย็นชา กล่าวขึ้นว่า
“ท่านแม่ข้าอยู่ที่ไหน?”
“ช่างเป็นลูกกตัญญูจริงๆ เนื่องด้วยสภาพร่างกายท่านแม่เจ้าไม่แข็งแรงนัก ข้าจึงจัดเตรียมสถานที่อื่นที่ดีกว่านี้ให้แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป”
คณบดีกล่าวตอบพลางลูบไล้เครายาวสีขาวอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อได้ยินว่า ความเป็นอยู่ของท่านแม่ค่อนข้างดี เซียถงค่อยถอนหายใจโล่งอก เงยหน้าจับจ้องคณบดีและกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?”
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ!”
ทันใดนั้นเอง คณบดีก็ระเบิดหัวเราะลั่นออกมา เดินตรงไปหาเซียถงและกล่าวชื่นชมขึ้นว่า
“เซียถง เจ้าเองก็เป็นเด็กฉลาดหัวไว คงทราบดีอยู่แล้วว่าจุดประสงค์ของข้าคือสิ่งใด ตราบเท่าที่ยอมมอบคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับให้แก้ข้า ท่านแม่ของเจ้าจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย”
“ข้าไม่มีคัมภีร์วรยุทธ์อะไรทั้งนั้น! วรยุทธที่ข้าสำแดงใช้ทั้งหมดล้วนถูกสอนสั่งโดยเฒ่าประหลาดท่านหนึ่ง หากต้องการเกรงว่าต้องไปตามหาเขาผู้นั้นเอง!”
เซียถงสบถกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
คัมภีร์วรยุทธต่อสู้ลับแห่งตระกูลหลี่ เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยอมสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อปกป้องมัน ดังนั้น นางจะไม่ยอมให้สิ่งนี้ตกอยู่ในมือผู้ใดโดยเด็ดขาด!
“โอ้? งั้นรึ?”
คณบดีค่อยๆ โน้มตัวลงต่อหน้า และทันใดนั้น สีหน้าแต่เดิมที่ดูแสนใจดีของเขา ก็แปรเปลี่ยนไป มันดูบิดเบี้ยวน่าเกลียดเกินบรรยาย เสมือนมีเปลวไฟแห่งโทสะพวยพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ยิงใส่ออกมาหวังแผดเผานางทั้งเป็น
“หากท่านตาของเจ้ามิได้ส่งมอบคัมภีร์วรยุทธต่อสู้ลับเล่มนั้นให้เจ้า แล้วมันยังจะส่งมอบให้ผู้ใดอีก? และถ้ามิใช่เพราะไอ้บัดซบนั่นมีวรยุทธ์ต่อสู้ไว้สำแดงใช้ มีหรือที่มันจะเหนือกว่าข้าได้!”
“ปรากฏว่าท่านคือแม่ทัพคู่อริเก่าของท่านตาของข้า? เพราะตอนนั้นไม่สามารถเอาชนะท่านตาได้ ตอนนี้จึงใช้ลูกไม้สกปรก ลอบวางยาพิษใส่ข้าเพื่อข่มขู่?”
เซียถงเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ระเบิดหัวเราะเยาะออกมาคำโต
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ ตอนที่เจ้าแอบวางยาพิษองค์รัชทยาทกับองค์หญิง เจ้าเองก็คงกล่าวไม่ต่างจากข้าตอนนี้เช่นกัน ทั้งหมดมันเป็นเพราะความประมาทของตัวเจ้าเองทั้งสิ้น ที่ไม่ระมัดระวังตัวอะไรเลยทั้งที่อยู่ในถิ่นศัตรู จงตำหนิตัวเองเสียเถอะ กุญแจดอกนี้ทำมาจากไม้เถียนมู่ แรกเริ่มเดิมที มันไม่มีพิษ แต่หลังจากสัมผัสกับผิวของมนุษย์แล้ว มันจะเกิดปฏิกิริยากลายสภาพเป็นพิษ ยิ่งได้กลิ่นหอมจากกล้วยไม้ในห้องด้วยแล้ว จึงไปกระตุ้นความรุนแรงของพิษเป็นหลายสิบทวี หลายต่อหลายคนที่พยายามเปิดโปงเรื่องราวของข้า ล้วนพลาดท่าให้กับกุญแจดอกนี้ทั้งนั้น”
คณบดีลูบเคราของตนอย่างภาคภูมิใจ
การตัดสินใจใช้ไม้เถียนมู่มาทำเป็นกุญแจ หลุมกับดักนี้เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด เพราะผู้คนโดยส่วนใหญ่ที่มีความระมัดระวังตัวเองสูง มักจะมองข้ามและพลาดท่าให้กับสิ่งเล็กๆ เฉกเช่นนี้อยู่เสมอ
คงคิดกันไปเองว่า เพราะกุญแจเป็นสิ่งที่เจ้าของหยิบใช้อยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีทางทำอะไรกับกุญแจดอกนี้ให้เป็นอันตรายแน่นอน ทว่าหารู้ไม่ว่า ทุกครั้งที่เปิดใช้ห้องลับใต้ดิน เขามักจะสวมถุงมืออยู่เสมอและทันทีที่เข้าไป ก็จะแขวนกุญแจไว้บนผนังทันที ไม่มีทางนำมันมาเก็บไว้ใกล้ตัวโดยเด็ดขาด
“เหลี่ยมจัด เจ้าเล่ห์โดยแท้!”
เซียถงสบถสาปแช่งเสียงดังสนั่น ยามได้เห็นสีหน้าอันน่าพึงพอใจของอีกฝ่าย
“ข้าเข้าใจ เช่นนั้นจึงไม่โกรธ”
คณบดีหาได้แยแสใส่ใจกับวาจาคำด่าของเซียถงเลยสักนิด เพียงลูบเคราไปพลางยิ้มร่ากล่าวว่า
“เซียถง จะบอกอะไรให้เจ้าฟังสักอย่าง คัมภีร์วรยุทธต่อสู้ลับหาใช่เป้าหมายหลักของข้า แต่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินต้องการให้เจ้าเข้ารับใช้และซื่อสัตย์ต่อจักรวรรดิซีฉิน สภาพร่างกายของแม่เจ้าก็อ่อนแอจะแย่ มิทราบเลยว่าจะทนต่อผงละลายกล้ามเนื้อได้สักกี่น้ำ”
แน่นอน แผนการทั้งหมดนี้ล้วนมีองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินอยู่เบื้องหลัง จุดประสงค์หลักคือการดึงตัวเซียถงให้มาเป็นเบี้ยรับใช้ โดยมีคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับเป็นเรื่องรอง
“ถึงแม้จะสังหารท่านแม่ข้าให้ตายไป แต่ข้าก็ไม่สามารถมอบคัมภีร์วรยุทธ์ที่เจ้าต้องการได้อยู่ดี รวมไปถึงเรื่องที่จะไปเข้าร่วมกับจักรวรรดิซีฉินด้วย”
เซียถงระงับความโกรธเกรี้ยวภายในใจลงอย่างสุดกำลัง ยิ่งคนพวกนี้หยิบยกเรื่องท่านแม่มาข่มขู่มากเท่าไหร่ นางจำเป็นจะต้องสงบนิ่งให้ได้มากเท่านั้น
“เจ้าไม่สนเลยรึว่า ท่านแม่ของเจ้าจะเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไร?”
ขณะเอ่ยกล่าว คณบดีมุ่งสายตาจับจ้องเซียถงตาเขม็ง
“เรื่องเป็นตายล้วนคิดอยู่กับโชคชะตาและบุญบาป หากช่วยเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ท่านแม่ยังต้องสิ้นใจตายลง นี่ก็ถือเป็นเรื่องช่วยไม่ได้แล้วเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางมานั่งเสียใจย้อนหลัง”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องเล่นสงครามจิตวิทยาเพื่อมิให้เสียเปรียบไปมากกว่านี้แล้วเท่านั้น
คณบดีลูบไล้เคราขาวยาวสลวยของตนอ จ้องสังเกตการณ์ทีท่าการแสดงออกของเซียถงอย่างเงียบงันสักพักใหญ่ เสมือนจิ้กจอกเจ้าเล่ห์กำลังจับผิด พยายามชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือของคำกล่าวที่ได้ยิน แต่จะอย่างไร การจะลงมือขั้นเด็ดขาดกับผู้หญิงสองคนนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดคำนึงให้มาก เพราะจากข้อมูลที่มีทั้งหมด มีเพียงเซียถงและแม่ของนางเท่านั้นที่รู้ว่าคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหน ถึงแม้คณบดียังเชื่อว่า เซียถงค่อนข้างให้ความสำคัญกับชีวิตของแม่ตัวเอง แต่ก็หาใช่ว่ามั่นใจสิบในสิบส่วน
เซียถงสบตามองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง กล่าวอธิบายขึ้นพร้อมเสียงถอนหายใจดังว่า
“ท่านตาของข้าเคยมีคัมภีร์วรยุทธ์ต่อสู้ลับอยู่ในครอบครองจริงๆ แต่แล้วในเวลาต่อมา ท่านตาของข้าก็สูญเสียทุกอย่างไปรวมไปถึงครอบครัวของท่านเอง โดยที่ทั้งหมดเป็นเพราะคัมภีร์วรยุทธ์นั่นเพียงเล่มเดียว ด้วยความแค้นใจ จึงมอบคัมภีร์วรยุทธ์ดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว”