ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 396 เรื่องราวน่าสะเทือนใจ (2)
ตอนที่396 เรื่องราวน่าสะเทือนใจ (2)
ตอนที่396 เรื่องราวน่าสะเทือนใจ (2)
“ใช่!”
เย่หลีเทียนรีบวิ่งไปคว้าสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาทันที แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอ ส่งผลให้ขาอ่อนยวบฉับพลัน ล้มคะมำลงกับพื้นอย่างแรง แต่ก็ไม่วายพยายามยื่นมือออกไปคว้าสร้อยดังกล่าวบนฝ่ามือของนาง
เซียถงหรี่ตาเปิดขึ้นมองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เหม่อมองอีกฝ่ายที่นอนคะมำกองอยู่กับพื้น
เย่หลีเทียนไอเสียงดังรุนแรงต่อเนื่องอยู่หลายที จนมีคราบเลือดเจือปนพ่นออกมาเปรอะเปื้อนมุมปาก แต่เจ้าตัวกลับหาได้สนใจแม้สักนิด นอนขดตัวกอดสร้อยข้อมือเส้นนั้นในมือแน่น ไม่นานก็มีน้ำตาไหลรินออกมา
เซียถงชำเลืองมองอีกฝ่ายเจือทีท่าแปลกใจหนึ่งส่วน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เย่หลีเทียนก็มีด้านที่อ่อนแอเช่นนี้อยู่ด้วย เมื่อได้ยินเสียงไอไม่หยุดของอีกฝ่ายดังลั่นอยู่นาน นางทนฟังต่อไม่ไหว จึงเอื้อมไปคว้าชามน้ำใสส่งให้
เย่หลีเทียนเหลือบสายตาคู่เปียกชุ่มธารน้ำตา จับจ้องเซียถงด้วยความแปลกประหลาดใจพร้อมส่งยิ้มให้ เห็นสภาพตัวเองนอนคลุกอยู่กับพื้นดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงพยุงร่างตัวเองเปลี่ยนเป็นท่านั่ง แต่เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บที่ตนเผชิญพบอยู่ในขณะนี้ค่อนข้างรุนแรง จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้มากมายนัก ยิ่งมีอาการไอมาผนวกก็ยิ่งเลวร้ายลง ปริมาณเลือดที่พ่นออกมาพร้อมกับตอนไอก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเขาในเวลานี้ทั้งบาดเจ็บสาหัสและอ่อนแออย่างมาก พยายามใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างวางราบกับพื้นและออกแรงค้ำยันตนเองขึ้นมา แต่การจะเปลี่ยนเป็นท่านั่งกลับยากเกินไปสำหรับเขาในเวลานี้ ก็เลยพยายามใช้มือดันร่าง คลานไปหาชามน้ำใสตรงหน้าเพื่อดื่มกิน และทุกครั้งที่ลากร่างกายขยับขึ้นหน้า มักจะมีเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่นต่ำดังก้องอยู่ในลำคอ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ดูเหมือนจะปวดระทมไปเสียหมด
แต่ทันใดนั้น ก็มีมือคู่หนึ่งตรงเข้าประคองร่างของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง จัดท่าทางให้เหมาะสม และเมื่อชำเลืองมองหันข้างก็พบว่าเป็นเซียถงที่กำลังกอดร่างช่วยพยุงตนอยู่ จากนั้นนางก็หยิบชามน้ำดื่มมาป้อนเข้าปากอย่างช้าๆ หลังริมจิบจนพอใจ เขาก็หันมากล่าวเบาๆ ว่า
“ขอบคุณมาก!”
ทว่าอีกฝ่ายไม่พูดไม่ตอบใดๆ เพียงดันชามน้ำบังคับให้เขาดื่มต่อ น้ำเย็นอีกกระแสใหญ่ไหลเข้าลำคอ เสมือนความเจ็บปวดระทมชอกช้ำทั้งหลายทั่วอวัยวะภายในร่างกายของเขาจะถูกบรรเทาลงด้วยน้ำเย็นเหล่านี้ เย่หลีเทียนยังคงกำสร้อยข้อมือทาบไว้บนอกแน่น ดวงตาคู่ลึกล้ำสีดำขลับจับจ้องหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเป็นประกาย
คล้อยหลังจากที่เซียถงกป้อนน้ำเย่หลีเทียนเสร็จ ก็ช่วยอุ้มร่างอีกฝ่ายไปนั่งพิงพักกับกำแพงด้านที่ใกล้ตัวที่สุด ส่วนนางก็ลากฟูกมานั่งเฝ้าไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันนัก
ผ่านไปเป็นเวลานาน จู่ๆ เซียถงก็ได้ยินสุ้มเสียงเย่หลีเทียนเอ่ยกระซิบแผ่วอ่อนขึ้นว่า
“สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ มันคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของข้าเลย”
เซียถงก่นเสียงตอบไปคำหนึ่ง ปิดปากเงียบมิได้เอ่ยตอบอะไรใดๆ
เย่หลีเทียนยังกล่าวต่ออีกว่า
“ข้ากับท่านแม่ต่างต้องพึ่งพากันและกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เดินเตร็ดเตร่อยู่ตามท้องถนน เผชิญพบกับความลำบากมาแล้วทุกรูปแบบ แต่ท่านแม่ของข้าก็ยังยิ้มสู้อยู่เสมอ นางเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมากจริงๆ ไม่ว่าวันนั้นจะลำบากยากเย็นเพียงใด ก็มักจะยิ้มให้ข้าและบอกว่า เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง และนั่นแหละ…จึงทำให้ข้าคิดว่า ถึงแม้ชีวิตจะลำบาก แต่เพราะยังมีท่านแม่อยู่เคียงข้าง ข้าก็มีความสุขอยู่เสมอ”
“จนกระทั่งตอนข้าอายุหกขวบ ท่านแม่กับข้าก็ถูกจับตัวไปโดยโจรภูเขากลุ่มหนึ่ง พวกมันจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงปีศาจ แทบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่อีกแล้ว ฆ่าผู้คนเป็นว่าเล่นราวกับผักปลา และในวันนั้น…พวกมันก็ต้องการจะฆ่าข้า แต่ท่านแม่ก็พยายามช่วยข้าเอาไว้…”
กล่าวเล่ามาถึงจุดนี้ จู่ๆ สุ้มเสียงของเย่หลีเทียนพลันชะงักหยุดลงเสียดื้อๆ และไม่ปริปากเอ่ยกล่าวอันใดอีกเลย
เซียถงชำเลืองมองอีกฝ่าย แลเห็นว่ามือทั้งสองข้างของเขากำลังกำหมัดบีบแน่น ฝังศีรษะก้มต่ำจนติดแบบอยู่บนเข่า เนื้อตัวสั่นเทาจนเห็นได้ชัด คล้อยหลังเฝ้าสังเกตอยู่เงียบๆ สักพัก นางจึงกล่าวปลอบประโลมขึ้นว่า
“ชีวิตหลังความตายล้วนแต่อยู่ดีมีสุข วิญญาณท่านแม่บนสวรรค์อาจกำลังเฝ้ามองเจ้าในขณะนี้อยู่ก็เป็นได้”
“ไม่…เจ้าไม่รู้อะไรเลย ท่านแม่ของข้าต้องทนทุกข์ทรมานปานใด นางยอมจำนนต่อกลุ่มโจรป่าพวกนั้น พวกมัน…พวกมัน…ทั้งฝืนใจและสร้างมลทินแก่นางนับครั้งไม่ถ้วน เป็นความขมขื่นที่เกินจะแบกรับได้ไหว!”
เย่หลีเทียนเงยหน้า สายตาคู่นั้นกลายเป็นสีแดงก่ำดูเฉียบคมอาฆาตขึ้นทันควัน
เซียถงใจสั่นระรัวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยิน นางสามารถจินตนาการเห็นภาพได้ทันทีว่า ค่ำคืนในวันนั้นมันเป็นขุมนรกเช่นไร รวมไปถึงความเจ็บปวดสุดแสนระทมขมขื่นที่เย่หลีเทียนได้รับ
“หลังจากที่โดนพวกโจรป่าจับตัวไป ข้าต้องทนฟังเสียงกรีดร้องของท่านแม่ทุกคืนจากนอกหน้าต่าง! เฝ้าดูไอ้บัดซบพวกนั้นผลัดเปลี่ยนเข้าออกจากห้อง… พวกมันยังจับข้ามาทรมาน ทิ้งรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันลบออกทั้งชีวิตฝากฝังเอาไว้!”
เย่หลีเทียนข่มตาหลับด้วยความเจ็บปวดหัวใจ น้ำตาที่รินไหลออกมา ผสมกับคราบเลือดบนมุมปาก กลั่นตัวเป็นหยดร่วงตกกระทบลงบนหน้าอกแล้วเล่า ก่อเกิดเป็นดวงเลือดสีแดงฉานประดุจดอกไม้โลหิตที่เบ่งบาน
เซียถงนั่งฟังอย่างเงียบงัน ทันใดนั้นก็พลันนึกถึงรอยแผลเป็นมากมายทั่วทั้งเรือนร่างของเย่หลีเทียน นางค่อยๆ สอดเรียวนิ้วเข้าไปในฝ่ามือของอีกฝ่ายโดยไม่ทันรู้ตัว
กลุ่มโจรใจโฉดเกินมนุษย์พวกนั้นสมควรตกนรกหมกไหม้จริงๆ
เย่หลีเทียนก้มศีรษะปิดปากเงียบลง ค่อยๆ กุมเรียวนิ้วบางของเซียถงเอาไว้แน่น นั่งนิ่งเหมือนว่าตกสู่ห้วงอดีตอันขมขื่น และไม่รู้สึกตัวอะไรใดๆ อีกเลย
ห้องลับใต้ดินแห่งนี้กลายเป็นความสงัดเงียบ ต่างฝ่ายต่างไม่ปริปากเอ่ยกล่าวอันใดต่อ
คล้อยหลังไม่นานนัก เซียถงก็หลับตาลงและผล็อยหลับไป ระหว่างที่หลับใหลอยู่นั้น นางก็ฝันเห็นชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังตีกรอบล้อมผู้หญิงนางหนึ่งเอาไว้ พวกมันดูมีเจตนามุ่งร้ายชัดเจน เซียถงเห็นเช่นนั้นก็ของขึ้น และต้องการจะรีบวิ่งไปช่วยผู้หญิงนางนั้นทันที แต่ทันใดนั้นก็เห็นเย่หลีเทียนที่เป็นคนวิ่งกระโจนใส่ชายกลุ่มนั้น
ในความฝันของนาง ใบหน้าของเย่หลีเทียนบิดเบี้ยวน่ากลัวราวกับปีศาจชั่วร้าย ทั่วทั้งตัวฉาบคลุมไปด้วยธารเลือดสด ดูน่าสยดสยองยิ่งยวด ทันทีที่จับตัวชายกลุ่มนั้นไว้ได้ เขาก็ไล่กัดคอและดูดเลือดพวกมันทีละคน
ชายกลุ่มนั้นถูกเขาสังหารทิ้งภายในเวลาอันสั้น เซียถงที่เฝ้ามองด้วยความกลัวอยู่ตรงนั้น พยายามจะรีบวิ่งหนีออกมา ทว่าเย่หลีเทียนกลับหันมาจับจ้องนาง สีหน้ากระหายเลือดบ้าคลั่ง ภาพฉากนี้ทำให้นางถึงกับตัวสั่นเทา
“เจ้า! เจ้าฆ่าท่านแม่! เช่นนั้นจงลงนรกไปเสีย!!”
เย่หลีเทียนแยกเขี้ยวคำราม ไม่ทันสิ้นเสียงขาดคำก็กระโดดกัดหัวไหล่เซียถงทันทีอย่างบ้าคลั่ง
กระแสความเจ็บปวดแสนสาหัสโฉบแล่นผ่านจากหัวไหล่รุนแรง เซียถงกรีดร้องลั่นและลืมตาตื่นขึ้นในทันใด
ทว่าลืมตาขึ้นมา กระแสความเจ็บปวดบนหัวไหล่ของนาง ยังสัมผัสได้ชัดเจนไม่หายไปไหน พยายามจะขยับเขยื้อนตัวดิ้นหนี แต่กลับถูกร่างของใครบางคนคล่อมตัวทันไว้อยู่ ภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสบนหัวไหล เซียถงยังสัมผัสได้อีกถึงกระแสเลือดไหลเวียนในกายที่กำลังถูกดูดออกไป
ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน กลับเกิดขึ้นกับตัวนางจริงๆ! เย่หลีเทียนกำลังคล่อมตัวนางไว้อยู่ และกำลังแยกเขี้ยวกัดหัวไหล ดูดเลือดนางอย่างดิบกระหาย!
“เย่หลีเทียน! เจ้ามันบ้าไปแล้ว! ข้าเอง! ข้าเซียถง! ไม่ใช่ฆาตกรสังหารแม่เจ้า!”
เซียถงระดมใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีผลักร่างอีกฝ่ายออกไปสุดแรง ทว่าเย่หลีเทียนกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย
เหม่อมองจับจ้องใบหน้าเย่หลีเทียน ในเวลานี้นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำประดุจมารปีศาจ คมเขี้ยวยาวแหลมเยี่ยงเดรัจฉาน พอเห็นเฉกเช่นนี้ นางก็พลันนึกถึงภาพฉากในบ่อน้ำตกตอนนั้น พึงตระหนักทราบได้ทันใด เขาตกสู่สภาวะเสียสติสัมปชัญญะไปโดยหมดสิ้น จิตใจถูกปีศาจกลืนกินชั่วขณะ ชั่วอึดใจต่อมา นางรีบหยิบเข็มเงินจากใต้แขนเสื้อ พุ่งเข้าสกัดจุดบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว