ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 397 ที่ซ่อนของท่านแม่
ตอนที่397 ที่ซ่อนของท่านแม่
ตอนที่397 ที่ซ่อนของท่านแม่
แทงเข็มเงินเสียบเข้ากลางหลัง แต่นั่นก็ทำให้พลังเฮือกสุดท้ายที่เซียถงเก็บสะสมมาได้หมดลง สองมืออ่อนยวบร่วงตกพื้น สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเย่หลีเทียนด้วยความหวังเล็กๆ หากอีกฝ่ายยังไม่ฟื้นสติขึ้นมา เกรงว่าตัวนางอาจต้องตายแน่นอน เหตุจากเสียเลือดมากเกินไป
นัยน์ตาปีศาจสีแดงก่ำของเย่หลีเทียนค่อยๆ จางอ่อนลง ใบหน้าและคมเขี้ยวแหลมคมดุจเดรัจฉานเริ่มกลับสู่สภาวะปกติดังเดิม หยุดทุกการกระทำอันบ้าคลั่งและถอนศีรษะขึ้นจากหัวไหล่ของเซียถง จ้องมองนางด้วยความมึนงง
พอได้เห็นใบหน้าอันซีดเซียวของนาง เขาก็รีบลุกขึ้นพรวดพราด ทีท่าการแสดงออกดูตื่นตระหนกอย่างหนัก
“เจ้า…เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?!”
เย่หลีเทียนเขย่าร่างเอ่ยถามเซียถงด้วยความกังวล ยิ่งเห็นธารเลือดสดรินไหลออกจากไหล่ของนางในปริมาณมาก เขาก็รับใช้สองมือเอื้อมไปปิดปากแผลโดยไว
เซียถงรู้สึกวิงเวียนศีรษะ วิสัยทัศน์เบื้องหน้าที่ตาเห็นูพร่ามัวไปหมด นี่คือลักษณะอาการของคนที่เสียเลือดมากเกินขนาด ทำอันใดอื่นไม่ได้ นอกจากนอนราบลงกับพื้น หูตาอื้อฟังไม่ได้ใจความไปซะหมด ปล่อยให้เย่หลีเทียนห้ามเลือดบริเวณหัวไหล่เช่นนั้น และไม่รู้เลยว่าตนเองผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อใด และนานแค่ไหนแล้วกว่าที่อาการวิงเวียนจะหายไป
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง นางก็หันไปมองเย่หลีเทียนที่นั่งเฝ้าอยู่เคียงข้าง กำลังมองบาดแผลบริเวณหัวไหล่ด้วยความรู้สึกผิด นางขมวดคิ้วแน่นโกรธเคืองมิใช่น้อย กล่าวขึ้นว่า
“เย่หลีเทียน ที่ผ่านมาข้าช่วยเหลือเจ้า ทว่านี่หรือคือการตอบแทนเหล่านั้น?”
เพิ่งโดนดูดเลือดไปหมาดๆ ตัวนางในตอนนี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะทำอะไรอีกแล้ว
“เซียถง อย่าเข้าใจข้าผิดไป เมื่อครู่กลับมิได้มีเจตนาดูดเลือดเจ้าเลยแม้สักนิด ทว่าจิตใจถูกธาตุไฟเข้าแทรก”
เย่หลีเทียนส่ายหัว สีหน้าการแสดงออกดูรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน
“จิตใจถูกธาตุไฟเข้าแทรก? แล้วหากไม่มีเจตนาดูดเลือดกันจริงๆ ไฉนถึงเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่ได้?”
เซียถงเหล่มองค้อนใส่อีกฝ่าย
“เจ้าจำครั้นล่าสุดที่เจอกันในบ่อน้ำตกถ้ำได้หรือไม่?”
เย่หลีเทียนเผยทีท่าลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง พอเห็นเซียถงมองค้อนใส่ดูขุ่นเคืองตัวเขามิใช่น้อย จึงตัดสินใจกล่าวอธิบายต่อทันทีอย่างช่วยไม่ได้นัก
“ในกรณีที่ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส จิตใจของข้าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกชั่วขณะ และเผลอดูดเลือดคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ…ข้าจำเป็นต้องดูดเลือดคนอื่นเพื่อฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งกลับคืนมา ซึ่งตลอดที่ผ่านมา ข้าพยายามอย่างที่สุดแล้ว พยายามควบคุมสติตัวเอง…”
เซียถงเองก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างชัดเจน ผิวพรรณของเย่หลีเทียนในเวลานี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าตอนแรกมาก สภาพจิตใจและพลังความแข็งแกร่งเองก็ดูจะเสถียรขึ้นหลายส่วน นางพอจะทราบ เมื่อครู่อีกฝ่ายดูเสียสติไปจริงๆ แต่ก็อดหงุดหงิดโมโหมิได้อยู่ดี ได้ยินคำอธิบายเช่นนั้น นางก็ปิดปากเงียบไม่กล่าวอันใดอีก ใช้แขนข้างหนึ่งพยายามดันร่างตัวเองขึ้นนั่ง ทว่าระหว่างพยุงตัวขึ้นมา กลับรู้สึกวิงเวียนศีรษะชั่วขณะ ทำเอาร่างเสียศูนย์เซล้มไปด้านหนึ่ง
“หากต้องการจะทำอะไรก็บอกข้าได้ทุกเมื่อ ตอนนี้สภาพข้าดีขึ้นมากแล้ว”
เย่หลีเทียนรีบตรงเข้ามาประคองร่างสนับสนุนนางทันที
เซี่ยถงถอนหายใจใส่อย่างเย็นชาไปทีหนึ่ง เอนแผ่งหลังพิงพักบนกำแพง เอียงศีรษะเหลือบมองไปที่บาดแผลบริเวณหัวไหล่ แลเห็นว่ามันถูกทำแผลเสร็จสรรพเรียบร้อย พันด้วยเศษผ้าผืนหนึ่งสีม่วง ถึงจะมีอาการปวดช้ำอยู่เป็นระยะ แต่มิได้รุนแรงขนาดนั้น ตัดภาพหันหน้าไปมองเย่หลีเทียน จะสังเกตเห็นว่ามีชายเสื้อคลุมอยู่มุมหนึ่งถูกฉีกแหว่งหายไป นางพึงทราบทันที เศษผ้าสีม่วงที่พันอยู่บนหัวไหล่ตนก็คือชิ้นส่วนเสื้อคลุมของอีกฝ่าย นางก็เลยรีบคลายปมผ้าบนหัวไหล่และโยนมันทิ้งลงพื้นทันที
เนื่องด้วยการกระทำเช่นนี้เอง ส่งผลให้ปากแผลเริ่มเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเลือดสดที่รินไหลออกมา เซียถงขมวดคิ้วอดกลั้นเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด
“ไฉนถึงทำแบบนั้น? มันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะห้ามเลือดให้หยุดไหลได้”
เย่หลีเทียนรีบฉีกชายเสื้อคลุมอีกส่วนออกมาทันที และเดินตรงเข้าไปใกล้หวังจะช่วยพันแผลใหม่ให้นางอีกครั้ง
“อาการบาดเจ็บแค่นี้มิอาจคราชีวิตข้าได้ ไม่จำเป็นติดหนี้บุญคุณอัครมหาเสนาบดีเย่ ขอเพียงท่านไม่กระโดดกัดข้าอีกเป็นพอ”
เซียถงหลีกตัวหนีห่าง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาหยุดอีกฝ่ายเอาไว้
เย่หลีเทียนชะงักมือไม้ค้างเติ่งกลางอากาศ เผยสีหน้าการแสดงออกที่แสนซับซ้อนออกมา สบสายตากับนางตาเขม็งอย่ะยะหนึ่ง แลเห็นแววตาแข็งกร้าวของหญิงสาว สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมุนตัวกลับไปนั่งติดกำแพงด้านตรงข้ามและไม่พูดใดๆ อีกเลย
เซียถงชักมีดสั้นจากใต้แขนเสื้อ ตัดชายกระโปรงส่วนหนึ่งออกมา ใช้ฟันกัดปลายผ้าด้านหนึ่งเอาไว้และพยายามพันแผลรัดให้แน่น สภาพดูค่อนข้างทุลักทะเล ผ่านไปได้ครึ่งทาง เย่หลีเทียนทำท่าจะลุกขึ้นอยู่หลายครั้งเพราะอยากจะช่วย แต่เมื่อพบเห็นสีหน้าอันเย็นชาของนางที่สาดเข้าใส่ เจ้าตัวก็กลับไปนั่งเงียบๆ ดังเดิม
พันแผลเสร็จแล้ว เซียถงก็หมดเรี่ยวแรงพอดี ขยับตัวเอนแผ่นหลังติดกำแพงและหลับตาลงอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เย่หลีเทียนก็เฝ้ามองนางตาไม่กะพริบเช่นกัน
“เจ้าเกลียดข้ามากมิใช่รึ? แล้วไยยังให้ความช่วยเหลือข้า?”
ท่ามกลางความเงียบงัน จู่ๆ เย่หลีเทียนก็เอ่ยเสียงแหบแห้งดังออกมา
“ข้าเพียงช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น”
เซียถงกล่าวตอบไปตามตรง
เย่หลีเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ทั้งตัวเขาและนางในเวลานี้ต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และหากปล่อยให้คนใดคนหนึ่งตายไป นั่นหมายความว่า โอกาสรอดชีวิตออกจากที่นี่ก็จะลดลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน เหตุผลนี้เองจึงทำให้นางจำเป็นต้องช่วยเหลือเขาที่ผ่านมา ป้องกันมิให้โอกาสรอดชีวิตลดทอนต่ำลง คิดได้เช่นนั้น เขาจึงยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้านี่เป็นพวกทำธุรกิจไม่ยอมขาดทุนเลยจริงเชียว”
เว้นช่องไฟหยุดลงหนึ่งจังหวะ เขากล่าวต่ออีกว่า
“ข้าเจอแม่ของเจ้าแล้ว และตอนนี้ก็เชื่อว่า นางน่าจะได้รับการช่วยเหลือจากคนของข้าแล้วเช่นกัน”
ดวงตาเซียถงเป็นประกายเร่าร้อนขึ้นทันใด นางจับจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ดูมีทีท่ากระตือรือร้นขึ้นมาก
“ท่านแม่ข้าอยู่ที่ไหน?”
เย่หลีเทียนกล่าวตอบ
“แม่ของเจ้าถูกกุมขังอยู่ในตำหนักเย็น ทันทีที่พบว่านางถูกลักพาตัวไปซ่อนไว้ที่ใด ข้าก็นำกำลังคนที่มีบุกตรวจสอบทันที แต่ใครจะไปคิดว่า นางกลับถูกขันทีในตำหนักเย็นทรมานร่างกายสาหัส อวัยวะภายในบอบช้ำเสียหาย อย่างไรเสีย ก่อนที่ข้าจะถูกจับตัวมาที่นี่ ก็ได้ส่งสัญญาณลับขอกำลังเสริมเพิ่มเติมแล้ว พวกคนของข้าอีกส่วนที่ดักซุ่มในเงามืดน่าจะรีบเข้าสมทบ บุกเข้าไปในตำหนักเย็นแล้ว ซึ่งในเวลานี้ แม่ของเจ้าน่าจะถูกช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว”
“หื้ม? นี่เจ้าโดนขันทีในตำหนักเย็นทำร้ายจนสาหัสปานนี้เชียว? แล้วจะแน่ใจได้เยี่ยงไรว่า คนของเจ้าที่เหลือจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้? เกรงว่ายามนี้ ท่านแม่ข้าอาจถูกย้ายไปกักขังที่อื่นแล้วกระมัง? ที่แย่ไปกว่านั้น พวกศัตรูน่าจะยิ่งเพิ่มความระมัดระวังเป็นเท่าตัว”
“ไม่ แม่ของเจ้าจะต้องปลอดภัยแล้วแน่นอน”
เย่หลีเทียนคลี่ยิ้มกว้างดูมั่นอกมั่นใจอย่างมาก ทำเอาเซียถงปั้นหน้าฉงนสงสัย
“ขันทีในตำหนักเย็นไม่มีใครต่อสู้เป็นเลยสักราย แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า ใครกันที่ปลอมตัวเป็นขันทีเฝ้าแม่ของเจ้าในตอนนั้น?”
ได้ยินดังนั้น เซียถงตอบโดยไม่ต้องคิดเลย
“คณบดีสถานศึกษาเซิงหลิง?”
“ฉลาดหนิ”
เย่หลีเทียนปรบมือให้
ใครจะไปคิดว่า คณบดีคนนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวตนที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ เขาลอบปลอมตัวเป็นขันทีอยู่ในตำหนักเย็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยจนไปสู่เรื่องใหญ่โตในวังหลวงแห่งตงหลี่ ข้อมูลทุกซอกทุกมุมล้วนถูกรายงานไปถึงจักรพรรดิซีฉินโดยละเอียด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉน ตลอดที่ผ่านมา จักรวรรดิตงหลี่จึงถูกจักรวรรดิซีฉินกดขี่อยู่เสมอ
“ตอนนี้คณบดีน่าจะอยู่เฝ้าที่นี่ แล้วมั่นใจเพียงใดว่าจะช่วยท่านแม่ข้าออกมาได้?”
เซียถงเอ่ยถามต่ออย่างเป็นกังวล
“ร้อยในร้อยส่วน! เซียถง เจ้าอย่าได้กังวลไป ขอสัญญาเลย ข้าจะพาท่านแม่กลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”
เย่หลีเทียนยิ้มกล่าวสายตาเป็นประกาย น้ำเสียงท่าทางของเขาในเวลานี้ดูมั่นใจยิ่งยวด
เซียถงที่ได้ยินแบบนั้น ก็สันนิษฐานกับตนเองในใจทันที แสดงว่า ในบรรดากำลังคนใต้บัญชาของเขาจะต้องมีมือดีอยู่แน่นอน มิเช่นนั้น เขาคงไม่กล้าเอ่ยปากรับประกันอย่างมั่นอกมั่นใจปานนี้แน่ คิดได้ดังนั้น นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นหนึ่งส่วน แต่จะอย่างไร ก็ไม่กล้าปักใจเชื่อทั้งหมด