ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 40 เค้นความลับ (2)
ตอนที่40 เค้นความลับ (2)
และเห็นเซียถง ฮูหยินเฉิงลูกตาหดวูบ เชิดศีรษะยกมือขึ้นพักเอว ตีสีหน้าไม่พอใจกล่าวดุว่า
“นังเดรัจฉาน ไสหัวออกไปให้พ้นทาง ข้ามาในครั้งนี้ภายใต้พระราชฎีกาของฝ่าบาท เพื่อเสาะเค้นความลับที่แม่ของเจ้าเก็บงำ!”
เซียถงสะบัดข้อมือ กระชากแส้หางเหล็กออกเป็นอิสระจากมือของฮูหยินเฉิงโดยตรง หวาดฝ่ามือตบหน้าอีกฝ่ายเสียงดังฉะใหญ่ เสมือนถูกต้อนหนักเป็นตันโบกหน้า ร่างฮูหยินเฉิงถึงกับร่วงลงกับพื้น
ฮูหยินเฉิงร้องโอดครวญทั้งท่านั่งพับเพียบ ปวดแสบปวดร้อนยิ่งยวดบริเวณพวงแก้ม เซียถงยืนมองอีกฝ่าย สายตาเผยสะท้อนแววเกลียดชังฝังลึกกับขั้วกระดูกดำ เหวี่ยงแส้หางเหล็กสะบัดฟาดพื้นดังเปรี้ยงปร้าง สะเก็ดไฟน้อยใหญ่สาดกระเซ็น ก่อนจะยกขึ้นหวดใส่ฮูหยินเฉิงกระหน่ำไม่หยุดหย่อน อีกฝ่ายได้แต่กลิ้งเกลือกกรีดร้องไปมาไม่หยุด
ทั่วทั้งร่างกายของฮูหยินเฉิงเสมือนเนื้อหนังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ปริแตกเป็นแผลสดแผลฉกรรจ์
ส่วนพวกคนรับใช้โดยรอบ ได้แค่ก้มตัวหดหัวเป็นลูกหนังทรงกลมด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด มีเหงื่อเย็นผุดไหลออกมา เพียงเพราะกลัวว่า หากเผลอไผลทำอะไรไม่ดีขึ้นมา จะโดนเซียถงกระหน่ำฟาดแส้ใส่อีกคน
“ถงเอ๋อร์! อย่าตีนาง! อย่าตีนาง!”
ฮูหยินหลี่ที่อยู่มุมหนึ่ง รีบพยุงร่างขึ้นจากพื้น ตรงพรวดเข้าไปกอดร่างบุตรสาว หวังจะพยายามหยุดนางเอาไว้
เซียถงแกะมือผลักร่างฮูหยินหลี่ออก สีหน้ายามนี้ของนางมืดทมิฬราวกับปีศาจ ทั้งยังยกแส้หางเหล็กในมือขึ้นหวดฮูหยินเฉิงต่ออย่างบ้าคลั่ง จนอีกฝ่ายกรีดร้องเสียงแหบแห้งด้วยเจ็บปวดสุดขีด
“นังเด็กไม่รักดี! หยุดมือ!!”
เซี่ยอี้เฉินที่ได้ยินเสียงดังมาแต่ไกล ก็รีบวิ่งตรงเข้ามายังที่เกิดเหตุ จ้องตาเซียถงเขม็งด้วยความโกรธจัด
พอเห็นเซี่ยอี้เฉิน ซึ่งเป็นตัวการที่จับแม่ของตนเข้ามาขังในกระท่อมหลังนี้ เพลิงความอาฆาตเกลียดชังยิ่งโหมทวีทบ อัดแน่นล้นอยู่กลางออกของเซียถง นางหันขวับ กวาดแส้หางเหล็กในมือเบี่ยงทิศทาง หันไปหาเซียอี้เฉินแทนโดยทันที
“เจ้า! เจ้า! …ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!!”
เซ่ยอี้เฉินสะดุ้งโหย่งกระโดดหลบแทบไม่ทัน ระดมลมปราณขุมหนึ่งลงยังฝ่ามือ ตบแส้หางเหล็กกระเด็นไปยังอีกทาง ยามนี้เขาโมโหโกรธจัดจนแทบสิ้นสติแล้ว
ขณะที่แส้หางเหล็กถูกเปลี่ยนทิศทาง มันยังคงรักษาพลังรุนแรงไม่จางหาย ปลายหางแส้ตวัดไปโฉบใส่ฮูหยินหลี่ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง แขนเสื้อฉีกขาด ปรากฏรอยแส้สีแดงก่ำบนเรียวแขนผิวสีขาวนวลของนาง
“ท่านแม่!”
เซียถงสะดุ้งตกใจ นางรีบชักแส้เก็บกลับมาทันใด วิ่งไปดูอาการบาดเจ็บที่ต้นแขนของอีกฝ่าย แลเห็นเป็นรอยแส้สีแดงแถบหนึ่ง สิ่งนี้เสมือนตราบาปที่ต้องพลั้งมือตีแม่ของตนเอง ภายในใจรู้สึกทั้งเป็นทุกข์และโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน
“เจ้า…เจ้า…ข้าบอกให้ถอยไปไง!!”
เซี่ยอี้เฉินชี้หน้ากราดคำรามใส่เซียถง เรียวนิ้วสั่นระริก แทบจะเป็นลมล้มพับด้วยความโกรธเกินพิกัด
“เซี่ยอี้เฉิน วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าความตายเป็นอย่างไร!”
เซียถงหันขวับ เข้าจับจ้องเซี่ยอี้เฉินตาเขม็ง ก่นเสียงคำรามลือลั่น เปลวเพลิงแห่งความอาฆาตพยาบาทได้ถูกจุดขึ้นติดแล้ว
ครั้งนี้และต่อไปจะไม่มีพลาดเป้า ทันทีทันใด แส้หางเหล็กในมือของเซียถงก็ถูกกระแสลมปราณสีครามฟ้าสดใส รินไหลเข้าชโลมปกคลุมจนเอิบอิ่ม แววตาที่จับจ้องเสมือนว่าชายวัยกลางคนตรงหน้าหาใช่ผู้เป็นพ่อ!
เซียกัดฟันกรอด กระตุกแส้ในมือฟาดพื้นเบื้องหน้าเซี่ยอี้เฉิน เชิงเป็นคำขู่ขวัญ ทำเอาตัวเซี่ยอี้เฉินสั่นสะท้านหนัก ใบหน้าซีดเผือด หวาดผวาจัด
“ถอยไป…ถอยไป…ถอยไป…!!!”
ริมฝีปากบนล่างสั่นเทาไม่หยุด จะขบให้ตรงกันยังทำไม่ได้ พ่นน้ำลายออกมาคำแล้วคำเล่า ซ้ำไปเวียนมาอยู่แค่นี้
“ถงเอ๋อร์ เจ้าจะทำเช่นนี้มิได้ เขาเป็นท่านพ่อของเจ้า หากเจ้าลงมือสังหารไป เกรงว่าฟ้าดินจะไม่ทนต่อบาปในครานี้!”
ฮูหยินหลี่รีบโพล่งเข้ากอดเซียถงอีกครั้งเป็นคำรบสอง ท่าทางการแสดงออกตื่นตระหนักหนัก ทั่วใบหน้าอาบพวงแก้มมีแต่น้ำตา แววตาของนางเผยความตื่นตระหนกสั่นไสว
“เซี่ยอี้เฉิน กลับเป็นเจ้าที่บีบบังคับให้ข้าแว้งกัดเอง! และครั้งนี้ข้าจะไม่ทนอีกต่อไป ท่านแม่ของข้าเกือบโดนเจ้าทรมานเกือบตาย!”
ความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ภายในใจของเซียถง มันยากเกินกว่าจะขจัดทิ้งได้ หากไม่ได้จบลงที่การฆ่า!
จากนั้นเซียถงก็คว้าแขนฮูหยินหลี่ออกแรงผลักให้นางหมุนเคว้งหันหลัง จากนั้นก็ถกเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายขึ้น เผยให้เห็นถึงแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวะหวะช้ำเลือด ที่ใครเห็นต่างต้องขนลุกชันด้วยความสยดสยอง!
“ถงเอ๋อร์ แม่ไม่เป็นไร อย่าโกรธท่านพ่อของเจ้าเลย”
ฮูหยินหลี่รีบชักเสื้อถงลงมาเพื่อปกปิดรอยแผลบนแผ่นหลัง สีหน้าท่าทางตื่นตระหนกสุดขีด พยายามเขย่าแขนเซียถงอยู่หลายที โน้มน้าวใจกล่าวไม่หยุด
“รีบสำนึกผิดแล้วคุกเข่าขอโทษท่านพ่อของเจ้าเร็ว!”
เซียถงจับจ้องเซี่ยอี้เฉินตาเขม็งไม่คลายอ่อน ลั่นวาจารีดเค้นออกมาด้วยความแค้นอาฆาตจัดว่า
“ท่านแม่ของข้าทั้งอ่อนโยน ใจดีมีเมตตาต่อเจ้าเสมอมา! ดูตอนนี้สิ! ขนาดเจ้าทำร้ายนางปางตาย แต่นางยังไม่คิดโกรธเคืองเจ้าแม้สักนิด! เจ้าไม่เพียงจับนางไปขังในกระท่อมโสโครกหลังนี้ แต่ยังทุบตีเฆี่ยนนาง เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่? ยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!?”
เซี่ยอี้เฉินชำเลืองมองฮูหยินหลี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนพบว่าเสื้อผ้าทั่วร่างยามนี้ของนางขาดรุ่งริ่งไม่มีชิ้นดี ทั้งยังรอยแผลเหวอะหวะบนแผ่นหลังนั่นอีก พอเห็นแบบนี้เข่าก็อดหันขวับจับจ้องไปทางฮูหยินเฉิงที่นอนจมกองอยู่กับพื้นตรงหน้ามิได้
ทันทีที่ลมปราณระดับชั้นเสาหลักฟ้าถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเซียถง และเข้าทำทรมานทำร้ายองค์รัชทายาทจนสาหัสปางตาย ก็มีม้าเร็วรีบส่งข่าวรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อฝ่าบาท ต่อมา ฝ่าบาทรีบประกาศทันทีว่า บุตรชายของเขาเป็นฝ่ายบริสุทธิ์ จึงมีราชโองการ สั่งให้เสนาบดีเซี่ยมาเข้าเฝ้า แต่เบื้องหลังจริงๆ แล้ว ฝ่าบาทเรียกตัวเขามาก็เพื่อ ใช้ข้ออ้างนี้ขูดรีดให้เซี่ยอี้เฉินยอมเผยที่ซ่อนของคัมภีร์วรยุทธลับของตระกูลหลี่มา
จากนั้นเซี่ยอี้เฉินรีบกลับมาในจวน และเดินทางไปหาฮูหยินหลี่สนทนากันเป็นการใหญ่ เขาหวังว่านางจะยอมมอบคัมภีร์วรยุทธลับดังกล่าวแต่โดยดี แต่กลับถูกปฏิเสธเป็นคำตอบกลับมา ด้วยความโกรธจัด เซี่ยอี้เฉินจึงส่งตัวนางเข้าไปขังในกระท่อมไม้ เพื่อจะนำตัวไปสอบสวนต่อจนกว่าจะยอมคายความลับออกมา
แต่ขณะนั้นเอง ฮูหยินเฉิงกลับโผล่หัวเสนอหน้าออกมา และขออาสารับหน้าที่เค้นความลับจากฮูหยินหลี่เอง ทั้งยังบอกอีกว่า ตนมีวิธีที่จะบีบให้อีกฝ่ายยอมคายความลับออกมา เซี่ยอี้เฉินที่ได้ยินแบบนั้นก็จึงพยักหน้าเห็นด้วย แต่ใครจะไปคิดกัน วิธีที่ว่าจะเป็นการเฆี่ยนตีกันปานนี้
แน่นอน เซี่ยอี้เฉินรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งกับการกระทำของฮูหยินเฉิง แต่สภาพของนางในขณะนี้กลับเวทนาไม่แพ้ฮูหยินหลี่เลยเช่นกัน บางทีอาการอาจจะหนักยิ่งกว่า
เหม่อมองร่างของฮูหยินเฉิงที่นอนตะเกียกตะกายอยู่กับพื้นด้วยความเวทนาสงสาร ร่องรอยความไม่พอใจเมื่อครู่พลันอันตรธานหายวับไปทันที ก่อนจะรีบโบกมือเรียกบ่าวรับใช้ ให้มาช่วยประคองนางออกไปรักษาโดยเร็ว
“เฆี่ยนตีท่านแม่ของข้าหวังเอาตาย คงไม่คิดจะจากไปโดยง่ายปานนี้กระมัง?”
พอเห็นร่างของฮูหยินเฉิงถูกบรรดาบ่าวไพร่ช่วยกันประคองขึ้นมา เซียถงก็ยกแส้หางเหล็กขึ้นฟาดอีกจิตใต้สำนึก ผิวปากเรียกทางบรรดาคนเหล่านั้น
เพียงได้ยินเสียงแส้ฟาดอัดพื้นดังเปรี้ยงปร้าง ใบหน้าของฮูหยินเฉิงถึงกับซีดเซียวหนัก ราวกับหวาดผวาสุ้มเสียงนี้จนฝังลึกเข้าจิตใต้สำนึกไปแล้ว ฮูหยินเฉิงทิ้งตัวลงทันที และนั่งทรุดอยู่กับพื้นทั้งแบบนั้น พร้อมกรีดร้องระงมลั่นแหกปากดังไม่หยุด ทำเอาบรรดาบ่าวไพร่รอบข้างทั้งหลายร่นถอยกันออกไป
ได้ยินฮูหยินเฉิงกรีดร้องเสียงหลงด้วยความผวากลัวสุดขีด เซียถงจึงกระหน่ำแส้หางเหล็กฟาดพื้นไปอีกชุดใหญ่
ฮูหยินเฉิงยิ่งกรีดร้องดังและดังขึ้นเรื่อยๆ! ราวกับว่านางกลัวเสียงของแส้กระทบพื้นจนเสียสติไปแล้ว!
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้!!! พวกเจ้าทั้งหมดกำจัดนังเดรัจฉานนี่ทิ้งซะ!!!”
เซี่ยอี้เฉินโบกมือเรียกทหารยามที่อยู่เบื้องหลัง สั่งการด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด
ทหารยามเหล่านี้รีบชักดาบกระชับในมือแน่นโดยไวตามสัญชาตญาณ
มือข้างหนึ่งของเซียถงพลันหยุดชะงักค้างแข็ง ทันทีทันใด เสมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับแววตาเลือดเย็นของปีศาจร้ายที่หนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าบ่อน้ำแข็งโบราณนับหมื่นปี เซี่ยอี้เฉินเสียวสันหลังวาบ สั่นสะท้านขนลุกซู่วยันหนังศีรษะโดยมิตั้งใจ ถึงขั้นที่ว่าเผลอถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง ดั่งว่าสัญชาตญาณของเขาสั่งให้หนีออกไป
“หากใครกล้าหนี ข้าจะฆ่าทิ้งให้หมด!”
คล้อยหลังพยายามกลัดกุมสติกลับคืน สายตาคู่นั้นของเซี่ยอี้เฉินเองก็ดูเฉียบคมมั่นคงขึ้นเล็กน้อย ก่อนคำรามลั่นสั่งการเหล่าทหารยามที่ยืนลังเลอยู่เบื้องหลัง ให้กำจัดเซียถงต่อทันที!