ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 403 อดีตของคณบดี (1)
ตอนที่403 อดีตของคณบดี (1)
ตอนที่403 อดีตของคณบดี (1)
‘ไป๋หลี่เฉิงคือใคร?’
เซียถงเขียนอักษรอากาศบนฝ่ามือของเย่หลีเทียน
‘พระราชบิดาฝ่าบาท’
เย่หลีเทียนเองก็เขียนตอบลงบนฝ่ามือของนางเช่นกัน
ได้ยินเสียงถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นหลายครั้งในกระท่อมไม้ คณบดีเอ่ยขึ้นอีกกว่า
“พวกสุนัขรับใช้ของราชาหมาป่าสวรรค์ สภาพก็มิได้ดีไปกว่าข้าเท่าไหร่นัก บ้างบาดเจ็บสาหัสเจียนตายไม่ต่างกับเจ้านายมัน! หึ! บอกจะสั่งสอนข้าในนามของเซียถง? สุดท้ายเป็นเยี่ยงไรล่ะ? ช่างน่าเศร้านัก ช่างน่าเศร้า…”
หนึ่งวาจาคำว่า ช่างน่าเศร้า ดังต่อเนื่องสองครา เสมือนดั่งค้อนหนักกระแทกจิตใจเซียถงอย่างแรง ทำลายความนิ่งสงบของนางไปโดยสิ้นซาก สองมือบีบเข้าหากำหมัดแน่น ชั่วขณะนั่นแทบจะพุ่งพรวดออกไปฆ่าไอ้บัดซบคณบดี หวังล้างแค้นให้ไป๋หลี่หานที่น่าจะเสียท่าไปแล้ว
“ใจเย็นก่อน คนอย่างเจ้าไป๋หลี่หานมีหรือจะตายโดยง่าย? อย่าไปฟังคำพูดของมัน”
เย่หลีเทียนที่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผันเปลี่ยนไปของเซียถงก็รีบวาดมือโอบร่างอีกฝ่ายกอดไว้แน่น พันธนามิให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าตามอารมณ์ความโกรธ
เซียถงมองตาอีกฝ่ายเขม็ง ส่อให้เห็นแววประกายสดใสที่กำลังลุกโหมเป็นเปลวไฟ
สังเกตเห็นสีหน้าอารมณ์ของนาง เย่หลีเทียนลอบถอนหายใจแผ่วเบา เอ่ยกระซิบเสียงต่ำว่า
“เจ้าไป๋หลี่หานหรือจะตายง่ายปานนั้น? หากมันตายง่ายนัก คงไม่ได้ชื่อว่าราชาหมาป่าสวรรค์!”
จะว่าไป…ก็ใช่ คนฉลาดแกมโกงเสียยิ่งกว่าอะไรอย่างไป๋หลี่หาน มีหรือจะมาพลาดท่าตายง่ายปานนี้?
เซียถงค่อยๆ สงบสติอารมณ์และกลับนอนแนบกับพื้นดังเดิม สาบานกับตัวเองในใจ หากเกิดอะไรขึ้นกับไป๋หลี่หาน นางนี่แหละจะเด็ดหัวคณบดีมาเสียบประจาน!
เย่หลีเทียนเหม่อมองสีหน้าแค้นอาฆาตที่ฉาบคลุมไปทั่วของนาง แอบถอนหายใจเล็กน้อยกับตัวเองทีหนึ่ง สักครู่เพิ่งจะสังเกตได้ถึงบางสิ่ง เลื่อนสายตากวาดมองผ่านมือข้างขวาที่ยกขึ้นแนบแผ่นอกตนเอง เนื่องด้วยร่างของทั้งคู่ชิดแนบติดกันจนเรียกได้ว่าเป็นแผ่นเดียว ส่งผลให้บริเวณฝ่ามือขวาของเขาทาบวางอบู่บนหน้าอกคู่อวบอิ่มของเซียถงอย่างพอดิบพอดี ทว่าอีกฝ่ายกำลังเอี้ยวศีรษะชำเลืองหางตาสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก มุ่งความสนใจทั้งหมดออกไปยังจุดนั้น จึงมิทันสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้
คณบดียังคงพูดพล่ามคนเดียวไม่หยุดหย่อน บ้างก็มีร้องไห้ออกมาเป็นระยะ บ้างก็พรรณนาถึงความรักและอดีตวันวาน ซึ่งจากที่จับใจความกับคำพูดคำจาของอีกฝ่ายมาทั้งหมด เซียถงพอจะทำความเข้าใจได้โดยคร่าวว่า พ่อที่แท้จริงของจักรพรรดิซีฉินองค์ปัจจุบันก็คือคณบดีที่ไปมีสัมพันธ์ลับกับหลินหว่านเอ๋อร์ ส่วนไป๋หลี่เฉิงเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักที่เขาต้องสังหารระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่ในตงหลี่ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อโค่นล้มจักรวรรดิตงหลี่ให้สิ้นซาก และส่งต่อดินแดนแห่งนี้ให้บุตรชายของตนปกครองต่อไป
หลังจากทนฟังอยู่นาน จนอีกฝ่ายพล่ามออกทะเลมีแต่เนื้อหาไร้แก่นสาร ไม่เหลือข้อมูลที่เป็นประโยชน์อันใดอีก เซียถงที่ซุ่มตัวซ่อนอยู่ใต้เตียงต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน ทั้งนี้เอง กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งอบอวลในอากาศก็ยิ่งส่งกลิ่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ได้ว่า บาดแผลบนร่างกายที่เพิ่งได้รับมาคงสาหัสไม่เบา ไม่ค่อยแน่ใจนัก เย่หลีเทียนในเวลานี้จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่? ระหว่างที่นางกำลังใช้ความคิดครุ่นพินิจอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นก็แลเห็นคมเข็มมรกตเลื่อนผ่านสอดใส่ซอกนิ้วของเย่หลีเทียน คมแสงสีเขียวสาดกะพริบ คมเข็มมรกตยาวสองเล่มถูกยิงออกไป ซุ่มโจมตีใส่คณบดีโดยตรง
‘วูบ!’
คมเข็มมรกตฉาบพิษพุ่งออกไปกลางอากาศ มุ่งเป้าหมายไปที่คณบดีชัดเจน
คล้อยหลังเสียงดัง ‘ปุบ’ คณบดีก็แผดคำรามลั่นทั่วกระท่อมไม้ว่า
“ผู้ใด!? ผู้ใดกันลอบทำร้ายข้า!?”
ตบฝ่ามือซัดพลังลมปราณหอบใหญ่ออกไป ชักนำเกลียวพายุโหมตลบพัดผ่านจู่โจมใส่บริเวณใต้เตียงที่ทั้งคู่หลบซ่อนตัว เซียถงหัวใจร่วงไปยันตาตุ่มด้วยความตื่นตระหนก สภาพนางในตอนนี้ไม่มีทางหลบเลี่ยงเกลียวพายุลมปราณหอบนี้ได้แน่นอน ทว่าชั่วพริบตาต่อมา ความกังวลเหล่านั้นพลันมลายหายสิ้น รู้สึกได้ทันทีว่า มีพายุหมุนสีม่วงกระแสยักษ์กำลังควงโคจรคอยปกป้องรอบกาย เย่หลีเทียนระเบิดเตียงทิ้งเป็นผุยผง เผยแสดงตัวออกมาต่อหน้าต่อตา เบื้องหลังปรากฏเป็นร่างของเซียถงที่มีเกลียวพายุสีม่วงค่อยโคจรพิทักษ์ไว้อยู่
“ท่านคณบดีช่างมากอุบายเหลือล้ำ ลงทุนแฝงตัวอยู่ในตงหลี่เสียนาน ที่แท้ก็เป็นฆาตกรที่ลอบปลงพระชนม์อดีตจักรพรรดิพระองค์ก่อน! หวังจพยึดครองตงหลี่ในกำมือให้ได้เลยกระมัง?”
เย่หลีเทียนยืนตระหง่านภาคภูมิ สะบัดแสนเสื้อทีหนึ่ง เตรียมสัประยุทธ์เผชิญหน้ากับคณดีเต็มกำลัง
ทางด้านคณบดีสีหน้าการแสดงออกดูสงบนิ่งไม่ไหวติง เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า
“ปรากฏว่าเป็นเจ้าจริงๆ ฟื้นตัวได้เร็วโดยแท้ คนที่สังหารปรมาจารย์เสวี่ยคงเป็นฝีมือเจ้า?”
“หุหุ แต่ข้าตอนนี้รู้สึกสงสัยมากกว่า ไฉนเจ้าถึงเป็นพ่อของจักรพรรดิซีฉินองค์ปัจจุบันได้? เพราะเท่าที่ทราบ ฟังว่าหลินหว่านเอ๋อร์ได้อภิเษกสมรสกับอดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนในฐานะชายาเอก แล้วอดีตพระชายาเอกแห่งซีฉิน ดันไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับท่านได้เยี่ยงไร? หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ท่านคงจะหยิบใช้วิธีสกปรกเพื่อล่อลวงนางให้มาเป็นของตน?”
เย่หลีเทียนชำเลืองมองบาดแผลฉกรรจ์สาหัสจากคมกระบี่บนแผ่นอกของคณบดี พลางเอ่ยถามออกไปเบาๆ คำหนึ่ง
บาดแผลที่ดูเด่นชัดและน่าจะรุนแรงที่สุดของคณบดีในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นบาดแผลฉกรรจ์ฉีกลึกจากคมกระบี่บนหน้าอกอีกแล้ว จังหวะลมหายใจของอีกฝ่ายเองก็ไม่คงที่เสถียรเท่าไหร่นัก บาดแผลบอบช้ำภายในเองก็ไม่น่าจะเบาเช่นกัน คงเป็นการดีกว่า หากพยายามยั่วโทสะ พูดจากระตุ้นอีกฝ่ายให้โกรธเกรี้ยวเดือดดาลเข้าไว้ ตราบเท่าที่เลือดลมถูกเร่งเร้าจนติดขัดมีปัญหา และย้อนโจมตีหัวใจได้ บางทีอีกฝ่ายอาจพ่ายหมดสภาพทันที โดยไม่จำเป็นต้องเสียแรงต่อสู้เลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่ประโยคคำกล่าวของเย่หลีเทียนเปล่งดังออกมา ใบหน้าแสนสงบนิ่งของคณบดีก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงทันควัน เขาลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ทันที ชี้นิ้วด่าสาปแช่งอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัดว่า
“เจ้ากำลังพล่ามไร้สาระอันใด! หว่านเอ๋อร์กับข้า พวกเราต่างมีใจซึ่งกันและกัน! ทั้งหมดกลับเป็นเพราะไอ้บัดซบเซียงเยวี่ย มันไร้ยางอาย กล้าแย่งนางไปจากข้า!”
“หุหุ เป็นเช่นนั้นจริงรึ?”
เย่หลีเทียนเหล่หางตาปรายมองอีกฝ่ายอยู่ทีหนึ่ง และกล่าวต่อว่า
“แล้วเหตุใด ท่านต้องแสร้งปลอมตัวเป็นชายชราใจดีตลอดหลายปีที่ผ่านมาล่ะ? ไยต้องฝึกคัดลายมือเขียนพู่กันอย่างขยันขันแข็งทุกวัน? ทั้งหมดทำไปก็เพื่อพยายามเลียนแบบอดีตจักรพรรดิฉีฉินพระองค์ก่อน? เพราะท่านทราบดีอยู่แก่ใจว่า ชายในดวงใจที่หลินหวานเอ๋อร์โปรดปรานตลอดมาก็คือ อดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อน ดังนั้นท่านจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองดูเหมือนกับ อดีตจักรพรรดิพระองค์ก่อนมากที่สุด แต่น่าเสียดายนัก ชื่อเสียงด้านอุปนิสัยอันทรงสง่าและมากอัจฉริยภาพของอดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อน เป็นที่รู้จักโดยทั่วทวีปเทียนหลาง ต่อให้ท่านจะฝึกปรือคัดลายมืออีกสักหมื่นปี ท่านก็ไม่สามารถเทียบเคียงหรือเป็นสองรองจากเขาได้อยู่ดี!”
“มะ-ไม่! ไม่ใช่แบบนั้น! ไม่ใช่แบบนั้น!! จะ-เจ้า…เจ้าพูดจาไร้สาระอันใด?! เจ้าหรือจะไปรู้เรื่องอันใด!! ชะ-ชายที่หว่านเอ๋อร์รักสุดหัวใจก็คือข้า! นาง…นางมีใจให้ข้า! มิเช่นนั้นแล้ว นางหรือยังตัดสินใจให้กำเนิดพยานรักกับข้า!!!”
เครายาวสีขาวสลวยของคณบดีสั่นเทิ่ม สีหน้าตื่นตูมราวกับคนเสียสติ
“ท่านยังกล้าพูดเช่นนี้อีกรึ? ในวันอภิเษกสมรสระหว่างอดีตจักรพรรดิฉีฉินพระองค์ก่อนกับหลินหว่านเอ๋อร์ หากท่านมิได้ลอบวางยาลงในอาหารของหลินหว่านเอ๋อร์จนนางเพ้อ เกิดอาการหลงผิด เห็นท่านเป็นอดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อน มีหรือจะยอมพลีกายให้จนตั้งครรภ์? แล้วที่ท่านจงเกลียดจงชังจักรวรรดิตงหลี่นัก ก็เป็นเพราะ อดีตจักรพรรดิตงหลี่พระองค์ก่อนอย่างไป๋หลี่เฉิงที่ได้รับการเชื้อเชิญไปงานอภิเษก ดันบังเอิญไปเห็นตอนที่ท่านมีอะไรกับนางในคืนนั้นพอดิบพอดี จึงเร่งแจ้งเรื่องนี้ให้แก่อดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนฟัง”
“และเหตุการณ์ในครั้งนั้นเอง ก็ทำให้ท่านเกือบถูกอดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนสะบั้นหัวขาด ตายคากระบี่ของเขา ส่วนทางด้านหลินหว่านเอ๋อร์ที่เพิ่งได้สติจากยาที่โดนวาง ก็รู้สึกละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าใคร จะอย่างไร เนื่องด้วยความใจกว้างและมีพระเมตตาเหลือล้น อดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนจึงเลือกที่จะลืมเรื่องทุกอย่าง และใช้ชีวิตต่อไปกับนางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนในที่สุดก็ให้กำเนิดจักรวพรรดิซีฉินองค์ปัจจุบัน ส่วนหลินหว่านเอ๋อร์ นางไม่สามารถหนีพ้นจากเงาความผิดมหันต์ในครั้งนั้นได้ และตรอมใจป่วยตายในเวลาต่อมา ไม่นานอดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนก็สิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่ทราบสาเหตุในเวลาต่อมา ที่กล่าวมาทั้งหมด ข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”
เย่หลีเทียนยิ้มแย้มเอ่ยถามกับคณบดีด้วยสีหน้าแววตาสดใส
คณบดีถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ตะลึงงันยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นหินอยู่แบบนั้น สีหน้าการแสดงออกรวนเรแปรเปลี่ยนอยู่หลายครา และทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็ร้องถามขึ้นมาด้วยตกใจยิ่งยวดว่า
“จะ-เจ้า…เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร!? เจ้าเป็นใครกันแน่!?! มีเพียง…มีเพียงเจ้าไป๋หลี่เฉิงเท่านั้นที่รู้เรื่องเหตุการณ์ในตอนนั้น ไม่จริง! แล้วเจ้ารู้ได้เยี่ยงไรกัน!??”
“ไป๋หลี่เฉิงกลับมาบอกสนมของเขา ส่วนสนมของเขาก็นำเรื่องไปบอกต่อกับบุตรชายของนาง แล้วบุตรชายของนางก็เล่าเรื่องนี้ให้กับนางโลมข้างกายเขา ส่วนนางโลมข้างกายคนนั้น ก็นำเรื่องนี้มาบอกต่อกับข้าอีกทอดหนึ่ง เรื่องมันก็มีแค่นี้เอง”
เย่หลีเทียนกล่าวขึ้นพลางยิ้มเยาะ