ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 408 ฟันฝ่าทุกข์ยากมาด้วยกัน (2)
ตอนที่408 ฟันฝ่าทุกข์ยากมาด้วยกัน (2)
ตอนที่408 ฟันฝ่าทุกข์ยากมาด้วยกัน (2)
เสียงฝีเท้าตรงเข้ามา ปรากฏเงาร่างผู้คนจำนวนนับหลายสิบแห่ทะลักเข้าช่วยเหลือ ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าต่อตา เซียถงเห็นกระจ่างชัดแจ้ง ไป๋หลี่หานเป็นผู้นำทัพอยู่แถวหน้าสุด ปราดวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเขาก็หาข้าจนพบ
คิดในใจไปแบบนั้น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่หลงเหลือโน้มตัวถ่ายน้ำหนักกะทันหัน จนหลุดออกจากอ้อมแขนของเย่หลีเทียน พยายามเอื้อมมือออกไปหาชายตรงหน้า ก่อนที่ร่างของนางจะล้มลงกับพื้น ไป๋หลี่หานโผเข้าสวมกอดรับเอาไว้อย่างอบอุ่น กล่าวสีหน้าน้ำเสียงเป็นกังวลยิ่งว่า
“เซียถง ข้าขอโทษ! ข้าผิดเองที่มาช่วยเจ้าช้า!”
อ้อมกอดของชายคนนี้ยังคงอบอุ่นอยู่เสมอไม่แปรเปลี่ยน เซียถงรู้สึกสบายใจเกินจะอธิบายพรรณนา สักพักก็รู้สึกอ่อนเพลียจัดจนผล็อยหลับไปในที่สุด
ห้วงภวังค์หลับลึกครั้งนี้เป็นอะไรที่ทั้งเต็มอิ่มและสบายเกินบรรยาย นับเป็นหนึ่งในการนอนหลับครั้งหนึ่งที่รู้สึกสบายหายห่วงที่สุดตั้งแต่ทะลุมิติมา ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่นางเห็นก็คือ ดวงตาเข้มขลับคู่หนึ่ง ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยแววความห่วงใยจนทำให้นางตะลึงงัน จากนั้นพลันได้ยินสุ้มเสียงของเซี่นหลู่เฟิงตะโกนขึ้นว่า
“ถงถง! ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว!”
เลื่อนใบหน้าหันเข้าสบสายตาแสนห่วยใยคู่นั้นที่อยู่ด้านข้างของนาง เอ่ยถามคำหนึ่งด้วยความกังวลขึ้นว่า
“ท่านแม่…ท่านแม่ข้าล่ะ?”
ไป๋หลี่หานปิดปากเงียบไม่ตอบ เพียงโบกมือเรียกใช้อิ๋งเอ๋อร์และกล่าวว่า
“ไปเอาน้ำบัวหิมะมาให้คุณหนูเจ้าดื่มเร็ว”
“ท่านแม่ข้าอยู่ที่ไหน?”
เซียถงหันไปมองเซี่ยหลู่เฟิงแทน
ได้ยินดังนั้น เซี่ยหลู่เฟิงกล่าวตอบขึ้นว่า
“ท่านป้าได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยแล้ว ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่คอยดูแลนางอยู่ เช่นนั้นอย่าได้กังวล”
“ท่านแม่อยู่ไหน?”
พอได้ยินว่า แม่ตัวเองได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัยออกมาแล้ว ภายในใจเซียถงพลันรู้สึกโล่งขึ้นมาก
“ท่านแม่ยายคล้ายมีอาการไม่สบายเล็กน้อย ตอนนี้กำลังรักษาตาอยู่ในคฤหาสน์ของอัครมหาเสนาบดีเย่ เมื่อใดที่สภาพร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าผู้นี้จะรีบพาเจ้าไปเยี่ยมเยือนโดยทันที”
ไป๋หลี่หานกล่าวตอบ
ทว่าพอวาจาคำนี้ดังเข้าในหูเซียถง นางกลับเข้าใจไปเป็นอีกอย่าง บางทีเรื่องที่ว่า ท่านแม่ของนางไม่สบายอาจเป็นความเท็จ มูลเหตุแท้จริงคือ เย่หลีเทียนต้องการจับตัวท่านแม่ของนางเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่นาง
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…หมอนั่นจะใช้ท่านแม่เป็นข้อต่อรอง ทั้งหมดก็เพื่อแลกกับคัมภีร์วรยุทธ์ลับในมือนาง?
“ถงเอ๋อร์ อย่าได้เป็นกังวลเลย อีกวันสองวัน ข้าจะไปเยี่ยมนางที่คฤหาสน์ของท่านอัครมหาเสนาบดีเย่กับเจ้าด้วย”
เซี่ยอี้เฉิงได้ทีสบโอกาส เร่งกล่าวแทรกเสริมประจบสอพลอโดยไว
อย่างไร เซียถงหาได้สนใจฟังอีกฝ่ายไม่ เมินเฉยต่ออีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน อิ๋งเอ๋อร์ก็นำน้ำบัวหิมะเข้ามาพอดี เนื่องด้วยอาการกระหายน้ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้นางรีบคว้าถ้วยและยกกระดกดื่มจนหมดในรวดเดียว
“คุณหนู! บ่าววิตกจริตแทบบ้าตอนที่รู้ว่าท่านหายตัวไป แล้วรู้หรือไม่ว่า ท่านราชาหมาป่าสวรรค์รักคุณหนูมากปานใด? ถึงขนาดใช้ให้ไปนำบัวหิมะที่ดีที่สุดในดินแดนอี้เฉิง ส่งตรงมาที่นี่เพื่อนำมาปรุงให้ดื่ม! ฟังว่านี่เป็นบัวหิมะแก้วสวรรค์ ของมหัศจรรย์ฟ้าดินแห่งแดนเหนืออันหนาวเหน็บ!”
อิ๋งเอ๋อร์กล่าวทั้งน้ำตา เฝ้ามองคุณหนูที่เพิ่งฟื้นคืนสติอยู่บนเตียงด้วยความตื้นตัน
“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย ตอนนี้ข้าปลอดภัยแล้ว”
ตัวเซียถงเองย่อมสามารถสัมผัสได้ถึง ขุมพลังความแกร่งกล้าที่ปลุกปะทุฟื้นฟูขึ้นในกายอย่างชัดเจน หลังจากที่ดื่มน้ำบัวหิมะในชามเข้าไป เวลานี้เอง นางลองยกมือไม้ขึ้นโบกสะบัดไปมา โดยผิวเผินไม่มีอาการเฉื่อยชาหรือหน่วงอีกต่อไปแล้ว
“ถงถง ช่วงนี้เจ้าห้ามออกแรงหนัก รวมไปถึงฝึกปรือใดๆ พิษจากไม้เถียนมู่ในกายยังมิได้ถูกขจัดสิ้นสมบูรณ์ดี”
แลเห็นเซียถงเริ่มโบกไม้ขยับมือตั้งแต่เริ่มตัวแบบนั้น เซี่ยหลู่เฟิงชักเป็นกังวลขึ้นมาตงิดๆ จึงเอ่ยเตือนออกไป
เซียถงพยักหน้ารับทราบ พลางคิดกลับไปกลับมาอยู่ภายในใจ บางทีนางอาจคิดมากเกินไปจริงๆ เย่หลีเทียนคนนี้ถือเป็นสหายเคียงบ่าเคียงไหล่คนหนึ่ง ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน คาดได้ว่า อีกฝ่ายไม่น่าจะทำเรื่องเสียมารยาทกับท่านแม่ของนาง เช่นนั้นแล้ว สู้นอนพักรักษาตัวจนกว่าพิษจากไม้เถียนมู่ในกายจะมลายหายสิ้นซาก ค่อยเดินทางไปยังเยี่ยมเยือนท่านแม่อีกทีหนึ่ง
“เอาล่ะ ในเมื่อเซียถงปลอดภัยดีแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปเสีย อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของนางอีกเลย”
ไป๋หลี่หานหันไปโบกมือพร้อมกล่าวกับเซี่ยอี้เฉิงและบุตรชายของเขา
“เข้าใจแล้วท่าน พวกเรากลับกันเถอะ อย่าได้รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านราชาหมาป่ากับนางไปมากกว่านี้เลย”
เซี่ยอี้เฉิงกระตุกแขนเสื้อดึงเซี่ยหลู่เฟิงออกไป ตลอดทั่วใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดูสุขใจอย่างมาก
พึงได้ยินแบบนั้น เซียถงจึงค่อยตระหนักได้ว่า สถานที่แห่งนี้มิใช่เรือนนอนส่วนตัวของนางในจวนเสนาบดีเซี่ย ภายในห้องเรือนแห่งนี้ได้รับการประดับตกแต่งอย่างวิจิตรหรูหรา จนจวนเสนาบดีเซี่ยเทียบไม่ติดฝุ่น นางชำเลืองหน้าหันไปมองออิ๋งเอ๋อร์ที่ยังคอยเฝ้าอยู่ติดข้างเตียง กล่าวถามขึ้นคำหนึ่งว่า
“ที่นี่คือ? ข้าอยู่ที่ไหน?”
“คฤหาสน์ส่วนตัวในตงหลี่ของข้าเอง”
ไป๋หลี่หานอาสากล่าวตอบไปแทน ยกชายเสื้อคลุมลงนั่งริมข้างขอบเตียง หันไปกล่าวสั่งการกับอิ๋งเอ๋อร์ว่า
“ไปนำข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จมาให้คุณหนูเจ้ารับประทาน”
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้าแข็งขัน วิ่งเหยาะๆออกไป
“พรรคพวกที่เหลือของคณบดีที่ยังแฝงตัวอยู่ในตงหลี่ เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วกระมัง?”
เห็นไป๋หลี่หานนั่งจ้องหน้าตนเองอยู่นาน เซียถงไม่รู้จะอะไรไม่พูด จึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเอ่ยถาม
“ถอนรากถอนโคนไม่เหลือ กล่าวได้ว่าคราวนี้ ขุนนางรับใช้ในวังหลวงตงหลี่ถูกเปลี่ยนเกือบยกแผง”
ไป๋หลี่หานกล่าวตอบ
ถามตอบจบ เซียถงไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว จึงหลับตาพักผ่อนลง
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง อิ๋งเอ๋อร์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มปรุงสุกใหม่ๆ ไป๋หลี่หานยกชามขึ้นมา ใช้ช้อนคนข้าวต้มในนั้นให้เข้าที่อยู่สองสามครา ตักขึ้นมาคำเล็กๆป้อนส่งถึงปากเซียถง เห็นดังนั้นนางจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกจากอิ๋งเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง
ท่านราชาหมาป่าสวรรค์กำลังป้อนข้าวให้คุณหนูของด้วยตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่วิเศษอะไรปานนี้ ในฐานะคนรับใช้ นางรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ คุณหนูของตนได้พบพานกับผู้ชายที่ดีแบบนี้
เห็นเซียถงมัวแต่จ้องหน้าตนไม่ยอมขยับปากอ้าเสียที ไป๋หลี่หานจึงเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาขึ้นคำหนึ่งว่า
“ค่อยๆอ้าปาก อ้า…”
“เอ่อ…ต้องขออภัยด้วยท่านราชาหมาป่าสวรรค์ ข้ากินเองดีกว่า”
จู่ๆไป๋หลี่หานก็ดูอ่อนโยนทำดีด้วยขึ้นมา เซียถงเองก็ทำอะไรไม่ถูก กระแอมไอแห้งแก้ประหม่าอยู่ทีสองที ต้องเผชิญพบกับสถานการณ์น่าอึดอัดฉับพลันแบบนี้ นางไม่คุ้นชินเลยเสียจริง
จากนั้นก็รีบเอื้อมมือไปคว้าชามข้าวต้มตรงหน้าโดยไว
ทว่าไป๋หลี่หานกลับจับแน่นไม่ยอมปล่อยชามในมือ ยกช้อนจ่อติดริมฝีปากของนาง ยังคงกล่าวซ้ำคำเดิมปนแววดื้อรั้น
“ค่อยๆอ้าปาก อ้า…”
ชั่วขณะนั้น เซียถงได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งหนทาง แต่ยังไม่ได้ปริปากเปิดอ้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จึงค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“หลังจากป้อนข้าวต้มให้ข้าชามนี้เสร็จ รบกวนท่านราชาหมาป่าสวรรค์ พาข้ากลับจวนเสนาบดีเซี่ยที”
“เจ้าคือชายาของข้าผู้นี้ หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็ควรพักฟื้นอยู่ที่นี่ เพราะกลับไปจวนเสนาบดีเซี่ยเลย เกรงว่าไม่น่าจะมีใครที่ดูแลเจ้าดีเท่าข้าแล้ว”
ไป๋หลี่หานกล่าว
“ข้าเองก็ไม่คุ้นชินนักกับสถานที่แห่งนี้ รวมไปถึงอาหารของที่นี่ด้วยเช่นกัน พักผ่อนได้ไม่สนิทใจ เกรงว่าจะทำให้อาการป่วยทรุดลงมากกว่า เช่นนั้นพาข้ากลับไปเถิด”
เซียถงส่ายหน้าปฏิเสธ
ไป๋หลี่หานจ้องหน้านางอยู่สักพัก สายตาคู่นั้นสั่นไสวเล็กน้อย ซึ่งเซียถงเองก็หาได้เกรงกลัวไม่ สบจ้องอีกฝ่ายกลับไป
หลังครุ่นคิดอยู่สักครู่ เขาก็พยักหน้าตอบตกลง
“ในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้น กินข้าวต้มชามนี้ให้หมดก่อน แล้วข้าจะพาเจ้ากลับจวนเสนาบดีเซี่ย”
เซียถงพยักหน้าและอ้าปากกว้างอย่างเชื่อฟังโดยดี ไป๋หลี่หานระบายยิ้มเล็กน้อย ป้อนข้าวต้มในช้อนเข้าปากของนาง
หลังจากทานอาหารเสร็จ ไป๋หลี่หานก็พานางมาส่งถึงจวนเสนาบดีเซี่ยเป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ยังมอบสมุนไพรอาหารเสริมอีกหลายสิบหีบติดไม้ติดมือ พอไป๋หลี่หานจากไปได้ไม้นาน อิ๋งเอ๋อร์ก็เริ่มสาธยายถึงไป๋หลี่หาน ว่าอีกฝ่ายวิเศษดีเยี่ยมเพียงใดให้แก่เซียถงได้รับฟัง ขณะที่นางหลับไม่ได้สติ เขาคอยเฝ้าดูแลอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีเหน็ดเหนื่อย และอีกต่างๆนานา