ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 409 คฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่ (1)
ตอนที่409 คฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่ (1)
ตอนที่409 คฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่ (1)
เซียถงรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจเล็กน้อยที่ได้ยินฝีเท้าอิ๋เอ๋ออร์เชยชมไป๋หลี่หานไม่ขาดสาย หากมีคนโลกสวยแบบนางสักพันล้าน หวังหว่างผืพิภพแห่งนี้คงสงบสุขขึ้นบ้าง
วันรุ่งขึ้น องค์รัชทายาทไป๋หลี่เย่เสด็จเดินทางเยี่ยมเยือนเซียถงตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย
ไป๋หลี่เย่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกลุ่มทหารองครักษ์ติดตาม เซียถงกำลังนั่งเอนหลังพักร้อนอยู่ด้านนอกลานกว้างหน้าเรือน หลับตางีบหลับอยู่ และทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมายตรงเข้าหา นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันควันแต่มิได้ลืมตา เมื่อกลุ่มทหารองครักษ์ติดตามเหล่านั้นเห็นว่า เซียถงมัวแต่หลับนอนไม่สนใจ ไร้มารยาทหยาบกร้าน บางคนก็เริ่มฉุนเฉียว คิดจะเดินหน้าก้าวออกไปเพื่อตำหนิติเตียน ทว่าไป๋หลี่เย่กลับยกมือห้ามเอาไว้ สายตาคู่นั้นจับจ้องใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของหญิงสาวเบื้องหน้าไม่เสื่อมคลาย
แสงตะวันตกกระทบบนใบหน้าของเซียถง เผยให้เห็นผิวพรรณเรียบเนียนละเอียดอ่อน นางสวยมากซะจนอยากร่ำไห้ออกมา
ไป๋หลี่เย่เฝ้าจับจ้องความงดงามในยามหลับใหลของนาง หลายหลากความรู้สึกผสมปนเปตีกันอยู่ภายในใจ
ไฉนตอนแรกเขาถึงตาบอดไร้แววขนาดนี้กัน? ไม่เคยมองเห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่องรอยจุดด่างดำที่ปิดคลุมเอาไว้?็น่้็GH็็ฆฌฆ
ไฉนเขาถึงปฏิเสธหญิงรูปงามถล่มเมืองเช่นนางได้ลงคอ?
ไฉนเขาถึงมีจิตใจคิดแค้น เป็นปฏิปักษ์ต่อสาวงามปานนี้?
ในวันนี้ ไป๋หลี่เย่ยอมรับจากใจจริงแล้วว่า เซียถงคืออิสตรีรูปงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลางอย่างแท้จริง! ทั้งยังเป็นที่รู้จักในนาม วีรสตรีผู้มากพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แห่งจักรวรรดิตงหลี่ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นางยังเป็นว่าที่พระชายาของราชาหมาป่าสวรรค์ในตำนาน!
น่าเสียดาย! ทำไมกัน? ทำไม…เขาถึงโง่เขลาปฏิเสธนางไปตั้งแต่ทีแรก?!
ทั้งที่แต่เดิม กลับเป็นนางที่มีใจให้เขาเสมอมา ทั้งที่แต่เดิม หญิงสาวนางนี้ควรจะเป็นของเขา…
เหม่อมองไปสักพัก ดั่งต้องมนต์เสน่ห์ดึงดูด ไป๋หลี่เย่ย่องเท้าก้าวขึ้นหน้าออกไปอย่างอดมิได้ ค่อยๆโน้มศีรษะหวังจุมพิตลงบนหน้าผากของอิสตรีงามตรงหน้า
‘พรึบ’
นัยน์ตาคู่สวยเบิกขึ้นในทันใด เสมือนบังเกิดสายลมกระโชกหอบใหญ่อัดกระแทก ไป๋หลี่เย่รีบถอยกรูดกลับไปโดยไว สีหน้าแตกตื่นตกใจอย่างมาก
“องค์รัชทายาทคิดจะทำอะไร? ข้าเป็นพระชายาของท่านราชาหมาป่าสวรรค์ภายใต้พระราชโองการของฝ่าบาท หากท่านคิดสร้างปัญหา ก่อความขุ่นเคืองกันเฉกเช่นนี้แล้ว เกรงว่าเสด็จอาของท่านคงไม่ยอมจบโดยง่ายแน่นอน”
แค่สายตาคู่หนาวเย็นที่จับจ้องของเซียถง ก็สามารถผลักไสไป๋หลี่หานจนถอยห่างออกไปนับหลายสิบก้าวได้ในชั่วอึดใจ
“เซียถง ดินแดนอี้เฉิงมันมีอะไรดี? มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะกับความหนาวเหน็บ จักรวรรดิตงหลี่แห่งนี้เหมาะสมกับตัวเจ้ากว่าเป็นไหนๆ! หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ต่อไป ขอเพียงบอกกันมาตามตรง ข้าย่อมสามารถทูลเรื่องนี้ให้แก่เสด็จพ่อได้รับฟัง เพื่อเปลี่ยนคนอภิเษกสมรสกับเจ้าได้ทุกเมื่อ!”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่ดูรวนเรแปรเปลี่ยนอยู่หลากอารมณ์ จนท้ายที่สุดก็คล้ายจะเข้ารูปเข้ารอย เก๊กใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งรอยยิ้มพริมใจที่คิดว่าดูดีที่สุดออกไปให้แก่เซียถง
“แล้วอย่างไร?”
เซียถงระงับไอเย็นแสนหนาวเหน็บลงหนึ่งส่วน ส่งยิ้มมุมปากแสนเบาบางมอบคืนกลับไป
ประหนึ่งบุปผางามท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิเริ่มเบ่งบาน ไป๋หลี่เย่รู้สึกประหลาดใจไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตรงเข้าหาเซียถง ส่งยิ้มหวานหวังสร้างความประทับใจ กล่าวว่า
“เซียถง ข้าผู้นี้สำนึกผิดแล้ว กลับเป็นตัวข้าเองที่มีตาหามีแววไม่! ดันหูเบาไปเชื่อคำนินทาไร้สาระจากคนรอบข้าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกระจ่างชัดแจ้ง เห็นว่าใครดีใครชั่ว ผู้ใดควรคบหาผู้ใดควรตัดสัมพันธ์ เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะรีบกลับไปทูลกับเสด็จพ่อ ขอให้เจ้ามาอภิเษกสมรสกับข้า ไม่ว่ายังไง จักรวรรดิตงหลี่ก็ย่อมดีกว่าดินแดนอี้เฉิงไม่รู้เท่าไหร่ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ข้าผู้นี้ก็จะได้กลายเป็นองค์จักรพรรดิในอนาคต นั่นหมายความว่าเจ้าจะได้เลื่อนขั้นเป็น องค์ราชินีแห่งจักรวรรดิตงหลี่ไปโดยปริยาย! สถานะศักดิ์สูงส่งเสียยิ่งกว่าองค์ราชินีในดินแดนรกร้างเช่นนั้นไม่รู้เท่าไหร่!”
“แต่หาใช่ว่าองค์รัชทายาทมีประสงค์จะอภิเษกสมรสกับน้องสาวข้ามิใช่รึ? หากข้ากลายมาเป็นพระชายาของท่าน แล้วน้องสาวข้าจะทำเยี่ยงไร?”
เซียถงเหลือบหางตาปรายมองไปยังมุมหนึ่งข้างหลังไป๋หลี่เย่ บริเวณนั้นเป็นกอไผ่ชั้นหนา พลางเอ่ยถามกลับไปคำหนึ่งพร้อมรอยยิ้มเยาะ
“หมายถึงเซี่ยเสวี่ยเหลียน? นังสารเลวนั่น? ข้าผู้นี้มิได้รู้สึกชอบพอนางแม้สักนิด ที่ผ่านมา ล้วนถูกนางใช้เล่ห์มารยาล่อลวงทั้งสิ้น”
ตั้งแต่ที่เห็นไป๋หลี่เย่เสด็จเยี่ยมเยือนจวนเสนาบดีเซี่ย เซี่ยเสวี่ยเหลียนรีบวิ่งเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในกอไผ่ด้านหลังเพื่อดักฟังเช่นกัน แต่พอได้ยิน อีกฝ่ายพูดจาส่งเสียเทเสียออกมาเช่นนั้น นางก็เฝ้าจับจ้องใส่ด้วยความรังเกียจ รำพึงรำพันกับตัวเองอย่างขมขื่นขึ้นว่า
“องค์รัชทายาท โปรดกลับมาหาข้าเถิด ขอสัญญาเลยว่า หม่อมฉันจะทำให้ท่านมีแต่ความสุข!”
ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไม ทันทีที่เซียถงกล่าวประโยคนั้นจบ สีหน้าการแสดงออกของนางถึงกลับมาดูเย็นชาอีกครั้ง ไป๋หลี่เย่ใจเสียไปชั่วขณะ ทำตัวไม่ถูกอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรีบยิ้มประจบสอพลอ กล่าวขึ้นว่า
“เซียถง เจ้าอยากได้สิ่งใด? ต่อให้ปรารถนาต้องการปราสาทคฤหาสน์ทองคำ ข้า องค์รัชทายาทผู้นี้ย่อมดลบันดาลให้เจ้าได้ทุกอย่าง!”
เซียถงลุกขึ้นยืนพร้อมหันหลังให้ด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็เดินเข้าเรือนตัวเองไปเลยทั้งแบบนั้นโดยไม่พูดไม่จาใดๆอีก ปล่อยทิ้งให้ไป๋หลี่เย่เคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูกอยู่เช่นนั้นไป
อิ๋งเอ๋อร์ตรงเข้ามากระซิบเสียงเบากับเขาว่า
“ท่านองค์รัชทายาท คุณหนูของบ่าวต้องการเข้านอนเพื่อพักผ่อน คงไม่สะดวกอยู่สนทนาต่อเท่าไหร่นัก โปรดเสด็จกลับไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋หลี่เย่โกรธจัดเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ทำอะไรมิได้เช่นกัน
สามวันต่อมา พิษจากไม้เถียนมู่ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเซียถงได้สลายสิ้นสูญอย่างหมดจด นางสั่งให้บ่าวรับใช้ในเรือน ตระเตรียมของขวัญชุดใหญ่ พร้อมนำคนไปอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังคฤหาสน์ของอัครเสนาบดีเย่ เพื่อรับตัวฮูหยินหลี่กลับมา
และดูเหมือนว่า ทางฝั่งเย่หลีเทียนเองก็คำนวณวันเวลาเตรียมตัวรอไว้อยู่แล้ว ทันทีที่เซียถงเดินทางมาถึงคฤหาสน์อัครเสนาบดี ก็มีบ่าวใช้จำนวนหนึ่งที่รอต้อนรับ พานางมุ่งสู่เรือนพักทางทิศตะวันตกของคฤหาสน์ ก้าวข้ามซุ้มประตูเข้าไป ก็แลเห็นว่าฮูหยินหลี่กำลังงีบหลับอบู่บนเตียง นางรีบวิ่งเข้าไปหาในบัดดล
แม่ลูกได้พบพานกันอีกครั้งย่อมดีใจเป็นธรรมดา เซียถงเห็นว่าแม่ของนางยังปลอดภัยดีก็ค่อยโล่งใจ เมื่อกวาดสายตาสังเกตมองโดยรอบเรือนพักแห่งนี้ สภาพแวดล้อมล้วนถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย ดูดีเสียยิ่งกว่าเรือนพักที่ท่านแม่อาศัยอยู่ในจวนเสนาบดีเซี่ยไม่รู้กี่เท่า
เพียงเห็นเท่านี้ เซียถงก็ย่อมทราบ เย่หลีเทียนปฏิบัติดูแลต่อท่านแม่ของนางเป็นอย่างดีปานใด ภายในใจนางรู้สึก ขอบคุณอีกฝ่ายมิใช่น้อยเลย
นอกเหนือจากนั้นเอง สีหน้าผิวพรรณของฮูหยินหลี่ในเวลานี้ดูมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่อยู่ในจวนเสนาบดีเซี่ยมาก เซียถงพอจะคาดเดาได้ว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เย่หลีเทียนคงหมดเงินไปไม่น้อย กับพวกอาหารเสริมและสมุนไพรนานาชนิดสำหรับท่านแม่ของนาง
หลังจากพูดคุยกันสักพักให้หายคิดถึง ฮูหยินหลี่ก็เริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นว่า นางถูกลูกพี่ลูกน้องของฮูหยินรองเฉิงลักพาตัวไป ต่อมาก็ยังโดนชายชราเคราขาวผู้หนึ่งลักพาตัวซ้ำอีกรอบหนึ่งจากในถ้ำ และถูกมาขังอยู่ในตำหนักเย็นที่ถูกทิ้งร้างด้านในสุดของวังหลวง โชคยังดีที่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนของเย่หลีเทียน และถูกพาตัวเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงทีในคฤหาสน์แห่งนี้
ช่วงที่เข้ามาตอนแรก สภาพร่างกายของนางค่อนข้างทรุดโทรมหนัก ทั้งป่วยจากอาการไข้หวัดและโรคเดิมที่กำเริบหนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้ว ทั้งหมดต้องขอบคุณความเอาใจใส่ของทุกคนภายในคฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่
“ถงเอ๋อร์ เจ้าต้องไปขอบคุณอัครมหาเสนาบดีเย่ด้วย มิเช่นนั้นแล้ว บ่าวรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้หรือจะปรนนิบัติ เอาใจใส่แม่จนอาการดีขึ้นแบบนี้”
“ท่านแม่ ข้าทราบดี ก่อนเดินทางกลับ พวกเราค่อยเดินทางไปขอบคุณอัครมหาเสนาบดีเย่ด้วยกัน”
ฮูหยินหลี่พยักหน้าตอบ
“ดีแล้วลูก ดีแล้วลูก ระหว่างที่ข้าหายตัวไปนาน ท่านพ่อของเจ้าคงร้อนใจจะแย่ เช่นนั้นรีบกลับกันดีกว่า”
มันก็ใช่ แต่มันร้อนใจกลัวว่าจะโดนนางสะบั้นหัวทิ้งมากกว่า ประกายแสงเย็นสว่างวาบโฉบแล่นในดวงตาของเซียถง สำหรับเรื่องของเซี่ยอี้เฉิง นางไม่อยากพูดอะไรให้มากความนัก เพียงพยักตอบเบาๆและช่วยประคองท่านแม่เดินจากไป
เมื่อพวกนางเดินผ่านซุ้มประตูทรงโค้งออกไป เย่หลีเทียนก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าต่อตาทั้งสอง พร้อมกับเสื้อคลุมสีม่วงที่แสนคุ้นเคย
ฮูหยินหลี่รีบก้าวย่างขึ้นหน้าออกไปเพื่อโค้งคำนับทันที ซึ่งเย่หลีเทียนก็เอื้อมมือเข้าประคองร่างอีกฝ่ายมิให้ทำเช่นนั้น และยิ้มกล่าวด้วยความยินดีว่า
“สุภาพเกินไปแล้วฮูหยิน กลับเป็นข้าเองที่มิได้ขออนุญาตท่าน บุ่มบ่ามพาตัวเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ หากล่วงเกินหรือผิดพลาดประการใดโปรดขออภัย”
“ไม่เลยท่านอัครเสนาบดีเย่ ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก และขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ช่วยเหลือชีวิตของข้าไว้ เมื่อกลับถึงจวน จะรีบเรียนให้สามีข้าทราบ เพื่อเดินทางมาขอบคุณในภายหลัง”
ฮูหยินหลี่กล่าวตอบด้วยความซาบซึ้งตรึงใจ
เพราะในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งหมดต้องขอบคุณการดูแลเอาใจใส่ของผู้คนภายในคฤหาสน์อัครเสนาบดีเย่ ถึงทำให้สุขภาพร่างกายของนางฟื้นตัวดีขึ้นขนาดนี้ได้