ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 411 ข้าอยากมีเจ้าอยู่เคียงข้าง (1)
ตอนที่411 ข้าอยากมีเจ้าอยู่เคียงข้าง (1)
ตอนที่411 ข้าอยากมีเจ้าอยู่เคียงข้าง (1)
“อยู่กับเราที่นี่ ท่านแม่ของเจ้าย่อมปลอดภัยปราศจากอันตรายร้าย เพราะเรา เย่หลีเทียนคนนี้ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องเฉกเช่นนั้นเกิดขึ้นแน่นอน”
เย่หลีเทียนจ้องหน้ามองตาเซียถงไม่กะพริบ ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า
“เซียถง ตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจอยู่กับเรา การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ท่านแม่ของเจ้าปลอดภัย แต่ยังทำให้ตัวเจ้าเองร่ำรวยมั่งคั่ง สุขสบายไปชั่วชีวิตอีกด้วย”
“โอ้?”
เซียถงเลิกคิ้วมอง กล่าวขึ้นว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ต้องการจะพูดอันใดกันแน่?”
“หากยอมแต่งงานกับเรา เจ้าจะได้แต่งตั้งขึ้นเป็นฮูหยินขุนนางขั้นหนึ่ง ไม่เพียงจะทำให้ท่านแม่ของเจ้ามีชีวิตที่ปลอดภัยอยู่สุข แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะได้ใช้ชีวิตในแบบครอบครัวที่ควรจะเป็น มีความสุขบนความร่ำรวยด้วยกันตลอดไป”
นัยน์ตาของเย่หลีเทียนในเวลานี้เปรียบเสมือนคบเพลิงที่ลุกโชกช่วง จ้องมองเซียถงไม่มีคลายอ่อน
เซียถงเห็นความกระตือรือร้นของเย่หลีเทียนที่มีมากปานนี้ก็พลันประหลาดใจ ไฉนถึงปรารถนาที่จะแต่งงานกับนางขนาดนั้นกัน? จากนั้นไม่นานนัก แววความประหลาดใจทั้งหมดทั่วใบหน้าของนางก็จางหายไป สงบจิตสงบอารมณ์ลงและกล่าวขึ้นอย่างใจเย็นว่า
“ขอบพระคุณสำหรับความรักและหวังดีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่มีให้ แต่เซียถงคนนี้ได้รับพระราชโองการจากฝ่าบาท รับสั่งให้อภิเษกสมรสกับราชาหมาป่าสวรรค์ และพิธีอภิเษกสมรสที่ว่าก็กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าแล้ว สิ่งที่ท่านกล่าวไปทั้งหมด เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ชีวิตใต้แผ่นฟ้ายังอีกยาวไกล และนางปรารถนาผงาดง่ำให้ถึงจุดสูงสุด
ถึงแม้ภูมิหลังของชายคนนี้จะน่าสงสารเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธมิได้เช่นกันว่า ตัวเขาในเวลานี้ก็นับว่าชั่วร้ายเกินเยียวยา กระทั่งเซียถงยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่หลายส่วน และหากถูกบังคับให้นางเลือกระหว่างเย่หลีเทียน กับ ไป๋หลี่หาน นางคงจะเลือกไป๋หลี่หานโดยไม่ลังเลเลยเช่นกัน เพราะถึงแม้นิสัยของไป๋หลี่หานจะดูเย็นชา ชอบวางตัวหยิ่งผยองจองเดช ทว่าเนื้อในกลับเป็นคนมีจิตใจที่ดีงามคนหนึ่ง
“หากเราขอให้ฝ่าบาทเพิกถอนพระราชโองการนี้ได้ เจ้ายังต้องการแต่งงานกับเราอยู่หรือไม่?”
สีหน้าการแสดงออกของเย่หลีเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง แววตาเริ่มหม่นประกายจมปลักกับความมืดมิด
ตอนนี้เซียถงกำลังคิดอะไรอยู่ มีหรือที่เขาจะไม่รู้?
“เซียถงคนนี้ทราบดี เป็นหญิงชนชั้นต่ำไม่คู่ควรเหมาะสมกับท่านอัครมหาเสนาบดีเย่เลยแม้สักนิด ควรเสาะหาหญิงงามที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกว่าข้าจะดีกว่า หากไม่มีธุระอันใดแล้ว เซียถงขอลา”
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หลีเทียนที่เริ่มผิดแผกน่ากลัว เซียถงจึงไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานเกินไป เร่งกล่าวตัดบทพยายามดึงตัวเองออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด แต่ขณะที่นางกำลังยกเท้าก้าวจากออกไป ทันใดนั้นเอง จู่ๆเย่หลีเทียนก็เอื้อมมือไปกระชากไหล่ของนางบังคับให้หยุดอย่างแรง
ด้วยความตกใจ เซียถงคว้าข้าวของเครื่องใช้ในบริเวณนั้นคว้าใส่ทางเย่หลีเทียนโดยตรง
ทว่าเย่หลีเทียนกลับไม่มีแม้แต่เจตนาหลบเลี่ยง ปล่อยให้ข้าวของเครื่องใช้พวกนั้นกระแทกร่างกายตนเองทั้งแบบนั้น ส่วนมือที่เอื้อมคว้าไหล่ของนาง ก็ยังออกรับจับไว้แน่นหนา
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่! นี่หมายความเยี่ยงไร?”
เซียถงมุ่งสายตาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งขึงขัง แอบส่งแรงไปที่ไหล่ข้างนั้นหวังสะบัดให้หลุดออก ทว่าฝ่ามือข้างนั้นของเย่หลีเทียนที่กดทับเสมือนคีมเหล็กกล้า หากใจร้อนออกแรงกระชากสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่ากระดูกหัวไหลนางน่าจะหลุดออกมาทั้งเบ้า
“เซียถง เราข้ารักจริงๆ อยู่ด้วยกันที่เมืองเฟิงหลี่แห่งนี้เถิด”
เย่หลีเทียนจ้องตาอีกฝ่ายไม่กะพริบ กล่าวออกมาน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ว่าข้าจะไปอยู่ที่ไหน มันก็เป็นเรื่องของข้า!”
เซียถงชักหมดความอดทนเต็มที่ เลื่อนมีดสั้นสอดใส่เข้าในฝ่ามือ วาดรัศมีวงแขนขวาเอี้ยวตัวกลับไป เหลียวหลังฟันเข้าใส่แขนข้างนั้นของเย่หลีเทียนโดยตรง
ในทีแรก คนพวกนี้ปรารถนาบังคับให้นางไปที่ดินแดนอี้เฉิง แต่พอมาปัจจุบัน อยากจะเก็บนางไว้ให้อยู่ในเมืองเฟิงหลี่ตลอดไป สมองท่าจะเพี้ยนกันไปหมดแล้ว!
เย่หลีเทียนชักมือข้างนั้นเก็บกลับเข้าตัวทันที ฉีกยิ้มกว้างส่งมอบให้นางและกล่าวว่า
“เซียถง ในเมื่อเราต้องการเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว! ไม่มีวัน…ไม่มีวันยกเจ้าให้ชายอื่นเด็ดขาด! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่มีวันได้ออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้อีก!”
เซียถงชักรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี โถมกระแสลมปราณสีม่วงจัดจ้านระเบิดคลั่งออกมาสุดขั้ว กลายร่างเป็นแสงอสนีบาต รีบทะยานหนีไปทางประตูหน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่ยกเท้าขึ้นเหนือพื้น พลันได้ยินสุ้มเสียงแสนชั่วร้ายของเย่หลีเทียนแผดดังมาจากด้านหลังว่า
“หากเจ้าไป อย่าหวังจะได้พบเจอหน้าท่านแม่อีก!”
“เจ้าต้องการอะไร?”
เซียถงเหลียวหลังหันกลับมาด้วยความโกรธจัด จ้องตาอีกฝ่ายเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“คืนนี้…เราอยากมีเจ้าอยู่เคียงข้าง”
เย่หลีเทียนสะกดเสียงเน้นขึ้นคำต่อคำ
เซียถงตะลึงไปชั่วขณะ มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายที่เร้นแฝงของอีกฝ่าย? และยิ่งได้ยินแบบนี้เข้าให้ ยิ่งทำให้เพลิงความโกรธจากก้นบึ้งหัวใจของนางโหมปะทุรุนแรงขึ้นไปกันใหญ่ โดยไม่คิดไว้หน้าใดๆอีก นางยกมือเรียก กระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมาในทันใด ตัวนางในยามนี้ได้ปลดปล่อยกระแสลมปราณสีม่วงประกายโหมทะลักอาบล้นอยู่ทั่วร่าง
“เซียถง ตัวเจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของเราคนนี้เลย ตอนนี้ความอดทนของเรายังไม่ถึงขีดกำจัด แต่จงอย่ายั่วโมโหจนเลยเถิดไป มิฉะนั้นแล้ว ชีวิตของท่านแม่เจ้าอาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
ประกายตาสดใสของเย่หลีเทียนก่อนหน้าหายวับไม่เหลือร่องรอย จะเหลือก็เพียงแสงสลัวทอประกายวูบวาบในดวงตา ปล่อยให้เซียถงร่ายเพลงกระบี่ฟันฟาดระบำใส่ โดยที่ตนยังไม่ตอบโต้แม้สักครา
“เซียถง ทุกคำพูดที่เรากล่าวออกไปล้วนมาจากใจจริง เราคนนี้หาได้ต้องการเป็นศัตรูกับเจ้า กระทั่งท่านแม่ของเจ้าเอง เราก็ไม่คิดอยากทำร้ายเลยสักนิด เช่นนั้นแล้ว อย่าบังคับให้ไปถึงจุดนั้นเลย”
เย่หลีเทียบเฝ้ามองทุกท่วงท่าฟาดฟันกระบี่ของเซียถง สีหน้าน้ำเสียงดูสงบนิ่งดุจธารวารีไร้ระลอกผันผวน หากสังเกตให้จงดี ลึกลงไปในแววตายังเร้นแฝงแววความเจ็บปวดใจ
“เย่หลีเทียน! หากเจ้ากล้าแตะต้องท่านแม่ข้าแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าเอาไว้แน่! ต่อให้ต้องกลายเป็นมารปีศาจ ข้าก็จักกระชากเจ้าลงนรกให้จงได้!”
เซียถงกัดฟันกรอด เค้นเสียงแค้นอาฆาตเล็ดลอดไรฟัน
“เราคนนี้ไม่กลัวตกนรก กลับตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ เรากลับตั้งหน้าตั้งตา เฝ้ารอให้สักวันจะได้ลงนรกไปอยู่ร่วมกับท่านแม่”
เย่หลีเทียนฉีกยิ้มแสยะกว้าง ลูกตาดำขลับเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตทีละเล็กละน้อย
กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือสาดคมแสงเย็นยะเยือก ส่องสะท้อนวูบวาบ ระเบิดขุมพลังปราณสีม่วงจรัสจ้าฉาบเคลือบไปทั่วใบกระบี่ เซียถงเปิดฉากระลอกสอง รุกโจมตีเย่หลีเทียนไม่มีหยั้งมือ
ปราณกระบี่คลั่งโหมกระหน่ำบุกใส่เย่หลีเทียนดุจเกลียวคลื่นทะเลเดือด ทุกท่วงท่ากระบวนโจมตีทั้งรวดเร็วและไร้ปรานีเมตตา ขอเพียงเสียบสังหารชายตรงหน้าได้ เซียถงยอมทุ่มทุกอย่าง สำแดงใช้พลังทั้งหมดออกมา
คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเจาะทะลวง จ้วงแทงเสื้อคลุมสีม่วงของเย่หลีเทียนจนขาดรุ่ยเป็นรูโหว่ ทว่าเจ้าตัวสามารถกระโดดหลบเลี่ยง มิให้การโจมตีเหล่านั้นเข้าถึงเนื้อตัวได้อย่างง่ายดาย
เย่หลีเทียนร่อนตัวลงไปยังด้านตรงข้ามของเซียถง คู่ปลายเท้าเตะสัมผัสภาคพื้นอย่างประณีตเบาบาง และทันใดนั้นได้ ก็พลันได้ยินเสียงฮูหยินหลี่กรีดร้องลั่นมาจากระยะไกล พร้อมกับเศษผ้าผืนหนึ่งที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ถูกโยนข้ามหน้าต่างเข้ามา
เย่หลีเทียนเอื้อมมือออกไปรับเศษผ้าชุ่มเลือดไว้ได้อย่างแม่นยำ และกล่าวกับเซียถงว่า
“จงดูให้ชัด นี่คือเสื้อผ้าที่ท่านแม่ของเจ้าสวมวันนี้หรือไม่?”
พอพูดจบ เขาก็โยนเศษผ้าผืนนั้นไปทางเซียถง
คว้ารับมันไว้อย่างรวดเร็ว และเร่งกวาดสายตาระบุให้แน่ใจทันที เพียงอึดใจต่อมา เซียถงก็สามารถบอกได้ทันทีว่า นี่เป็นเนื้อผ้าเดียวกับที่ท่านแม่สวมในตอนนี้จริงๆ ทว่ากลับมีธารเลือดแดงสดชโลมอาบชุ่มอยู่ นางใจหายวาบตกไปยังตาตุ่ม เร่งเอ่ยถามเย่หลีเทียนในทันใดว่า
“เจ้า! เจ้าทำอะไรกับท่านแม่ข้า!?”
“ก็หักโน่นนี่นิดหน่อย แต่หาใช่ปัญหาใหญ่ต้องนำพาใส่ใจ ก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งการกับองครักษ์ที่เฝ้าหน้าคฤหาสน์ว่า เมื่อใดที่ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นจากในนี้ ก็จงไปเอาเลือดจากร่างของท่านแม่เจ้ามา แต่อย่าได้ห่วง นี่ก็แค่การลงโทษขั้นเบื้องต้น หาได้เป็นตายถึงชีวิต”
เย่หลีเทียนจ้องลึกเข้าไปในแววตาของเซียถง กะพริบตาปริบขึ้นอีกทีหนึ่ง ปรากฏว่าดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตดุจดั่งปีศาจแล้ว
“เย่หลีเทียน ข้าช่วยชีวิตเจ้าให้รอดพ้นจากความตายในห้องลับใต้ดิน แล้วนี่หรือคือสิ่งที่เจ้าตอบแทนกลับมา?”
เซียถงกำเศษผ้าชุ่มเลือดในมือกระชับแน่นหนา เพลิงในดวงตาลุกโชติโกรธจัด แทบจะยิงไฟออกมาได้แล้ว
“แต่หลังจากนั้น เราเองก็ช่วยชีวิตเจ้าเช่นกัน ถือว่าเท่าเทียมกันแล้ว”
เย่หลีเทียนกล่าวตอบเสียงดังชัด
เซียถงพ่นลมหายใจ ถอดถอนออกมาเฮือกใหญ่ เค้นเสียงเย็นชืดคำโตกล่าวขึ้นว่า
“เย่หลีเทียน ข้าไม่เคยล้ำเส้นหรือยุ่มย่ามชีวิตเจ้ามาก่อน แต่ไยถึงต้องรังแกข่มเหงข้าถึงปานนี้? อย่างไรเสีย ข้าก็ถือเป็นองค์หญิงนางหนึ่งที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากฝ่าบาทโดยตรง เช่นนี้แล้ว ทั้งฝ่าบาทหรือแม้แต่ไป๋หลี่หาน เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวบ้างเลยรึ?”
“ในเมื่อกล้าที่จะกักขังตัวเจ้าไว้ที่นี่ เราคนนี้หรือยังเกรงกลัวใครหน้าไหนอีก? ต่อให้เป็นสองคนนั้นก็ตาม!”
เย่หลีเทียนตอกเสียงคำรามแข็งกร้าว