ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 418 ความหล่อเหลาเบื้องหลังหน้ากาก (2)
ตอนที่418 ความหล่อเหลาเบื้องหลังหน้ากาก (2)
ตอนที่418 ความหล่อเหลาเบื้องหลังหน้ากาก (2)
“กลับกลายว่าเป็นท่าน ข้าประหลาดใจจริงๆ!”
เซียถงไม่รู้เลยว่าควรแสดงอารมณ์อย่างไรออกไปในตอนนี้
ทั้งตะลึง ประหลาดใจ ดีใจ…และอีกหลากหลายอารมณ์ที่ผสมปนเปอยู่ภายในนั้น
“เซียถง ข้ามิได้อภิเษกสมรสกับเจ้าเพราะตัวเจ้าคือนักหลอมโอสถหรือหน้าตาที่สะสวย แต่เพราะข้าชอบเจ้ามันก็เพียงเท่านั้น อยากดูแลเห็นเจ้ามีความสุข เพียงอยากปกป้องตราบเท่าที่มีลมหายใจ ทั้งหมดมันก็เพียงแค่นั้น”
ไป๋หลี่หานโยนหน้ากากในมือทิ้งบนเตียง เดินไปจับกุมมือนางและสอดผสานฝ่ามือระหว่างทั้งสองเข้ารวมกัน
ฝ่ามือแผ่นหนาใหญ่ของไป๋หลี่หานช่างนุ่มสบายเสียเหลือเกิน แล้วก็ยังอุ่นมากอีกด้วย หากให้เปรียบคงเหมือนกับผืนผ้าไหมที่นำไปรนไฟบางๆ และนำมาประคบบนฝ่ามือนี้ นี่อดไม่ได้เลยที่จะทำให้เซียถงรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
นางไม่รู้จะพูดอะไรทั้งสิ้น หากแต่ก่อนหน้า ตัวนางเองก็แอบสนใจไป๋หลี่หานมาอยู่ลึกๆในใจเช่นกัน ยิ่งได้เห็นเงาภาพของเขาทับซ้อนกับชายคนนั้น ตาชั่งความสมดุลในจิตใจของเซียถงก็เริ่มเอนเอียนแล้วเช่นกัน
เซียถงมองตาไป๋หลี่หานไม่กะพริบ จิตใจรู้สึกดั่งว่างเปล่าไปชั่วขณะ พันหลากคลื่นอารมณ์ผันผวนยุ่งเหยิง
“เจ้าเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจที่สุดตั้งแต่ข้าเคยพบมา แรกพบที่ได้เห็นเจ้า ตัวข้าก็เริ่มสนใจเจ้าแล้ว ต่อมา ข้าจึงตัดสินใจลอบติดตามเจ้าอย่างลับๆมาโดยตลอด และในที่สุดก็ตัดสินใจว่า จะพาเจ้ามาที่อี้เฉิงแห่งนี้”
นิ้วเรียวสวยชายหนุ่มค่อยๆลูบไล้บนใบหน้าเรียบเนียนแสนละเอียดลออของเซียถง
นางเองก็มิได้ปฏิเสธขัดขืนใดๆ ก็เอาแต่ยืนแข็งทื่อสบตามองไป๋หลี่หานดังเดิมไม่แปรเปลี่ยน
ระดับความนิ่มนวลของเรียวนิ้วอีกฝ่ายแทบจะทำให้ผิวแก้มนางระทวยอ่อน ทั้งยังรอยยิ้มนั่นอีก
“อย่าได้กังวลไป ข้าไม่บังคับเจ้าให้ทำเฉกเช่นนั้นแน่นอน”
ไป๋หลี่หานถอดถอนเรียวนิ้วเก็บกลับ ชำเลืองมองเหยือกทองสัมฤทธิ์บนโต๊ะ รินน้ำสองแก้วแล้วส่งให้เซียถง
“แต่อย่างไร ข้ามิอาจทำตามที่เจ้าขอได้จริงๆ ยังไม่พวกเราก็ต้องนอนกันในห้องนี้ เนื่องด้วย เหล่าคณะขุนนางอี้เฉิงในปัจจุบันต่างเคลือบแคลงในตัวเจ้ามาก สงสัยว่าเจ้าเป็นตัวหมากที่จักรพรรดิตงหลี่ส่งมาลอบติดตามการเคลื่อนไหวจากภายใน ดังนั้นหากย้ายที่นอนกันเลยตั้งแต่คืนแรก เกรงว่าพวกเขาจะต้องเสาะหาเหตุผลนับพันร้อน มาสร้างความเดือดร้อนแก่เจ้าแน่นอน”
เซียถงรับแก้วน้ำขึ้นมาดื่มและกล่าวตอบไปว่า
“เช่นนั้นก็นอนที่นี่เถอะ”
แลเห็นไป๋หลี่หานดวงตาเป็นประกายขึ้นทันควัน นางรีบกล่าวเสริมขึ้นทันทีว่า
“ท่านพี่นอนเตียง ส่วนข้านอนพื้น ห้ามเถียง!”
เนื่องด้วย เซียถงกินโอสถต้านพิษมาก่อนแล้ว เพื่อป้องกันมิให้หลับจากยาตัวเอง ดังนั้นน้ำแก้วนี้จึงไม่มีผลอะไรกับนาง
หลังจากไป๋หลี่หานดื่มน้ำเสร็จ ก็ชำเลืองมองไปทางเซียถง รินเติมอีกรอบทั้งกับตนเองและนาง กล่าวว่า
“น้ำแร่ที่อี้เฉิงขึ้นชื่อด้านความใสสะอาดที่สุด ยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีต่อสุภาพ”
ไม่นาน น้ำแร่ในเหยือกทองสัมฤทธิ์ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ไป๋หลี่หานช่างเกิดอาการง่วงหาวขึ้นทันตา จึงหันไปกล่าวกับเซียถงว่า
“ตอนนี้ข้าง่วงเหลือเกิน เจ้าขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ ส่วนข้าจะนอนตรงพื้นนี้เอง สัญญาจะไม่รบกวน…”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ผล็อยหลับคาโต๊ะไปทั้งแบบนั้น
เซียถงเขย่าร่างอีกฝ่ายเบาๆอยู่สักสองสามที แลเห็นว่าหลับปุยไปแล้วจริงๆ นางจึงค่อยอุ้มร่างพาขึ้นนอนบนเตียง จากนั้นก็นำผ้าห่มมาคลุมให้
ตลอดทั้งค่ำคืนนั้น เซียถงไม่ได้นอนเลยสักนิด เอาแต่จับจ้องแสงเทียนสีแดงที่กำลังลุกโชติเปล่งสว่างอยู่ดวงหนึ่ง ค่อยๆนำชิ้นส่วนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับไป๋หลี่หาน มาปะติดปะต่อกัน พยายามทำความรู้จักกับอีกฝ่ายซ้ำๆอยู่ภายในใจ ทั้งที่เขาช่วยเหลือนางมาโดยตลอดไม่สนแม้กระทั่งชีวิตเป็นตาย แต่ในทางตรงข้าม นางกลับเลือกตอบตกลง ยอมร่วมมือกับองค์จักรพรรดิตงหลี่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลภายใน เพื่อโค่นล้มดินแดนอี้เฉิง
เหม่อมองแสงเทียนอยู่แบบนั้นตลอดทั้งคืน และไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด จู่ๆก็มีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวพาดทับลงบนร่าง ทำให้นางได้สติสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“เจ้าตื่นเช้ามากเลย เป็นปกติกระมัง?”
ไป๋หลี่หานยืนอยู่ด้านหลังของนาง เป็นคนนำเสื้อคลุมขนจิ้งจอกมาห่มให้
“ข้าไม่ได้ตื่นเช้า ยังไม่ได้นอนต่างหาก”
เซียถงชำเลืองมองเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวโพลนดุจหิมะที่คลุมห่มบนร่างของตน
“ไม่ได้นอนเลย?”
ไป๋หลี่หานเลิกคิ้วมองด้วยความประหลาดใจ แต่ก็มิได้ปริปากถามสาเหตุใดๆออกไปเช่นกัน พึงทราบ อิสตรีผู้แสนหยิ่งทะนงอย่างนาง จู่ๆก็โดนจับแต่งงานกะทันหัน ก็คงมีอะไรให้คิดเยอะเป็นธรรมดา คิดได้ดังนั้น เขาจึงหยิบยื่นนิ้วเรียวยาวของตนลูบไล้ไปตามขนจิ้งจอกนุ่มละมุนสีขาวบนร่างนาง และกล่าวขึ้นว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ นี่เป็นเสื้อคลุมกันหนาวที่สวยที่สุดแล้วในดินแดนอี้เฉิง มันถูกถักทอมาจากขนจิ้งจอกเหมันต์ที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่ง และทั่วทั้งดินแดนอี้เฉิงแห่งนี้ มันมีเพียงสองตัวเท่านั้น ตัวแรกอยู่กับท่านแม่ ส่วนอีกตัวอยู่กับเจ้า”
“แล้วท่านไม่รู้สึกเสียดายเลยรึ ที่นำสิ่งของล้ำค่าปานนั้นมาทำแบบนี้?”
ขณะเอ่ยถาม เซียถงลูบสัมผัสปอยขนนุ่มละมุนขาวบนแขนเสื้อเบาๆ ขนจิ้งจอกเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกนิ่มสบายยิ่งยวดเมื่อได้ลองสัมผัส และดูท่าประสิทธิภาพในการกักเก็บความร้อนภายในน่าจะดีมากเช่นกัน
“เพราะทั่วทั้งผืนพิภพแห่งนี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ข้ารักใคร่ที่สุด คนแรกคือท่านแม่ของข้า และอีกคนก็คือ…”
นัยน์ตาสีดำขลับแลดูค่อยๆอ่อนโยน ก้มศีรษะเหลียวมองใบหน้าของเซียถง ยิ้มกล่าวอย่างนุ่มนวลขึ้นว่า
“อีกคนก็คือเจ้า”
เพียงวาจานี้เปล่งดัง ประหนึ่งมีบางสิ่งอย่างตกกระทบหัวใจของนางอย่างจัง
“มาเถอะ วันนี้ข้าจะช่วยแต่งตัวให้เจ้าเอง แล้วจะพาไปหาท่านแม่ของข้าด้วย”
ไป๋หลี่หานพานางมานั่งหน้ากระจกสูงสำหรับแต่งตัว ค่อยๆคลายมวยผมที่ถักพันเป็นก้อนซาลาเปาบนหัวของนาง หยิบหวีไม้อันหนึ่งเข้าปรนนิบัติหวีผมให้อย่างประณีตเบามือ
เซียถงเหม่อมองไปยังกระจกที่สะท้อนร่างของทั้งสองอยู่เบื้องหน้า คนหนึ่งมีใบหน้าหล่อเหล่าดุจฟ้าประทาน ส่วนอีกคนคืออิสตรีผู้ครอบครองความงามไว้ทั้งมวล
ทั้งคู่ต่างเข้ากันอย่างลงตัว!
ผ่านไปสักครู่ คล้ายสัมผัสได้ถึงสายตาของเซียถงที่กำลังมองมา ไป๋หลี่หานก็ค่อยเงยหน้าและส่งยิ้มถามว่า
“เจ้าไม่เจ็บใช่ไหม?”
“ไม่เลย”
เซียถงส่ายหน้า
ได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่หานก็ก้มหน้าก้มตา จดจ่ออยู่กับการหวีผมยาวสลวยในมือต่อไป เซียถงจับจ้องชายหนุ่มในกระจกคนนั้นที่กำลังมีสมาธิอย่างมากกับการหวีผมของนางให้เป็นระเบียบ เห็นแววตาที่แสนอ่อนโยนคู่นั้นของเขา ช่างทำให้หวนอาลัยนึกย้อนไปยังวันวานอย่างอดมิได้ นางถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเศร้าโศก
“ถอยหายทำไมรึ?”
ไป๋หลี่หานชะงักหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง
เซียถงเพียงส่ายหน้าไม่พูดอะไร เหม่อมองชายหนุ่มผู้นั้นในกระจกดังเดิมด้วยแววตาปนเศร้าหนึ่งส่วน ทางด้านไป๋หลี่หานเองก็มิได้เอ่ยถามใดๆออกมาอีกเช่นกัน หลังจากหวีผมให้เสร็จสรรพ เขาก็เรียกสาวรับใช้ที่รออยู่นอกประตูให้เข้ามา
ในทันใด เหล่าสาวรับใช้กว่าหลายคนก็ตรงเข้ามาพร้อมกับผงสมุนไพรสำหรับล้างหน้า อ่างสีทองคำ และกล่องเครื่องประดับอีกมากมาย
หลังจากถอดชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงเมื่อวานออก และเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องทรงของพระชายา เมื่อเซียถงมองไปที่กระจกแต่งตัวอีกครั้ง ก็ได้เห็นหญิงสาวรูปงามผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งส่องสะท้อนอยู่เบื้องหน้า สวมชุดคลุมหรูสีครามน้ำเงิน ตัดลวดลายดอกไม้สีหลากสีสัน ปิ่นปักทองคำประดับพร้อมเจ็ดสมบัติมณี ส่วนปลายห้อยเป็นพู่สีฟ้าขนนกกระเต็น ต่างหูทองคำทั้งสองข้างลวดลวยล้อไปกับปิ่นและชุด ทำให้เข้ากันอย่างลงตัว ผู้ใดได้เห็นล้วนสัมผัสได้ถึงความสูงสง่าราศีและมีเกียรติดั่งชนชั้นเหนือฟ้าจากตัวนาง
ตัวตนใหม่ที่ไม่คุ้นเคย กับการเริ่มต้นใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
ไป๋หลี่หานเชิดหน้าพินิจมองอย่างระมัดระวัง จับจ้องอยู่สักครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็หันไปกล่าวกับสาวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างว่า
“ดินสอเขียนคิ้ว”
สาวรับใช้รีบหยิบดินสอเขียนคิ้วให้ทันที
ไป๋หลี่หานย่อตัวลงเล็กน้อย ขณะจับดินสอหันไปเขียนคิ้วให้เซียถง พลางกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าจะดูดีกว่านี้อีกหากเขียนคิ้วให้หนาขึ้นหน่อย”