ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 423 ปลูกรัก ณ แดนหิมะ (1)
ตอนที่423 ปลูกรัก ณ แดนหิมะ (1)
ตอนที่423 ปลูกรัก ณ แดนหิมะ (1)
“เซียถง ไยเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้?”
ชายผู้นั้นหันมาใส่เสื้อคลุมห่มร่างของเซียถงพร้อมจับมือไว้แน่น ดวงตาที่เหลียวชำเลืองมองมา มีแต่แววความกังวลอยู่เปี่ยมล้น
ร่างกายของนางอบอุ่นขึ้นทันตาดั่งได้พิงเตาไฟ สองร่างแนบชิดติดอยู่บนหลังม้า ดูดซับไออุ่นจากอีกฝ่าย
พอไป๋หลี่หานสวมเสื้อคลุมห่มให้เสร็จ ก็พลางหยิบน้ำเต้าสุราใบหนึ่งที่เหน็บข้างเอวขึ้นมา ส่งยื่นให้เซียถงและกล่าวว่า
“ตอนนี้คงหนาวมากกระมัง รีบดื่มสุราทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นโดยไวเถิด”
เซียถงรับมันมา ขณะยกน้ำเต้ากำลังจะกระดกขึ้นดื่มกิน แต่ทันใดนั้นก็มีมือของใครบางคนยืดเหยียดออกมาฉับพลัน กระชากน้ำเต้าจากมือของนางออกไปโดยตรง
“หยานหรัน! อย่าสร้างปัญหา! รีบคืนน้ำเต้าใบนั้นให้พระชายาข้า! นางกำลังจะหนาวตายอยู่แล้ว!”
ไป๋หลี่หานเหลียวศีรษะหันขวับ กล่าวดุใส่หญิงสาวอีกนางหนึ่งที่เพิ่งควบม้าตามมาถึง
เมื่อเซียถงชำเลืองสายตามองติดตาม ก็เห็นว่าเป็นสาวน้อยคนเมื่อคืนที่กำลังควบขี่ม้าอาชาขนาบข้างอยู่ มีขวดน้ำเต้าใบนั้นอยู่ในมือข้างขวา และแส้ยาวที่มือข้างซ้าย
“ท่านพี่ โทษข้าไม่ดูดำดูแดงอีกแล้ว! เหตุที่ต้องฉกขวดน้ำเต้าใบนี้ออกมาก่อนก็เพื่อรักษาชีวิตขององค์ราชินี สุราที่ท่านนำมาให้เป็นของพวกทหารอี้เฉิง ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงมาก และด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงปานนี้ของนาง เกรงว่าดื่มเข้าไปมีสิทธิ์ถึงตาย!”
เหลิ่งหยานหรันเม้มริมฝีปากสีแดงระเรื่อแน่นหนา มองค้อนย้อนใส่ไป๋หลี่หานอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว รีบไปกันเถอะ”
ไป๋หลี่หานตะโกนใส่คำหนึ่ง ฟังจากน้ำเสียงชักจะไม่ทนแล้ว
“หึ จิตใจดีแต่ถูกฟ้าผ่า [1] นี่มันตัวข้าชัดๆ”
เจอไป๋หลี่หานบ่นใส่ไปหนึ่งคำ เหลิ่งหยานหรันมุ่ยคิ้วแบะปากใส่ทีหนึ่งอย่างหน่ายใจ ขณะเดียวกันก็คว้าขวดน้ำเต้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ข้างเอวของนางโยนข้ามม้าส่งให้ไป๋หลี่หานถึงมือ
“นี่เป็นสุราหมักที่ดีที่สุดของท่านป้าทำให้ข้า ท่านรีบให้พระชายาดื่มโดยไว สิ่งนี้ทำจากสมุนไพรหนาวล่ำค่าหลายชนิดหมักรวมนับปี ย่อมทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ดีกว่าพวกสุราของทหารตั้งมากมาย”
เหลิ่งหยานหรันพ่นลมหายใจอัดเฮือกใหญ่ด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็บังคับม้าหันหลังและควบจากออกไปทันที
“นี่มัน…สุรากึ่งเซียน?”
ไป๋หลี่หานดวงตาเป็นประกายขึ้นทันใด เขารีบเปิดจุกก๊อกไม้ออกและสูดดมกลิ่นอย่างว่องไว ยิ้มปริ่มเอ่ยขึ้นด้วยความสุขใจว่า
“นี่มันสุรากึ่งเซียนจริงๆ! เซียถง เจ้ารีบดื่มสุราในน้ำเต้านี้เร็ว มันจะช่วยให้ร่างกายของเจ้าอบอุ่นขึ้นมาก”
ขณะเอ่ยกล่าว เขาก็ยื่นมาจ่อไว้ที่ริมฝีปากของเซียถงแล้ว
คล้อยหลังริมจิบไปสองสามคำ ร่างกายของนางก็เริ่มอุ่นขึ้นจริงๆ
“นี่! เจ้าสวมเสื้อคลุมตัวนี้ไปก่อน!”
เหลิ่งหยานหรันควบม้าย้อนกลับมาหาอีกครั้ง พร้อมถอดเสื้อคลุมขนเพียงพอนตัวหนาบนตัวนางออกมา และโยนไปให้เซียถงโดยตรง ทางด้านเซียถงเองก็ยกมือขึ้นคว้ารับจับอย่างแม่นยำ ชำเลืองมองอีกฝ่ายที่ไร้เครื่องกันหนาว เอ่ยกล่าวขึ้นคำหนึ่งว่า
“แล้วเจ้าล่ะ?”
เหลิ่งหยานหรันไม่ตอบ แต่เหลียวหลังไปกล่าวกับโม่ซวนที่ควบม้าติดตามมาว่า
“ช่วยไปหาเสื้อคลุมให้ข้าสักตัว”
ได้ยินดังนนั้น โม่ซวนก็รีบถอดเสื้อคลุมของตัวให้เหลิ่งหยานหรันโดยทันที ร่างสาวน้อยเพรียวบางของนางสั่นสะท้านเพราะความหนาว รีบเอื้อมมือไปคว้าหยิบเสื้อคลุมของโม่ซวนขึ้นมาสวมทับอย่างรวดเร็ว แต่จะอย่างไร เสื้อคลุมตัวนี้ของโม่ซวนกลับมีชั้นผ้าที่บางกว่าเสื้อขนเพียงพอนของนางที่มอบให้เซียถงเมื่อครู่มาก กลับเป็นเพียงเนื้อผ้าหยาบๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“นั่นเป็นเสื้อคลุมขนเพียงพอนที่ท่านป้ามอบให้ ข้าจะให้เจ้ายืมใช้ไปก่อนวันนึง หลังจากนี้อย่าลืมคืนด้วย”
เหลิ่งหยานหรันเคลื่อนสายตามองไปทางไป๋หลี่หาน ก่อนจะหันกลับมากล่าวกับเซียถง
ปรากฏว่า เหลิ่งหยานหรันนางนี้เป็นพวกหญิงปากร้ายแต่ใจดี
“ไม่จำเป็น เจ้านำกลับไปใช้เองเถอะ”
สำหรับเรื่องติดหนี้บุญคุณใคร เซียถงหาได้นิยมชมชอบนัก เช่นนั้นจึงโยนเสื้อมคลุมขนเพียงพอนกลับออกไป ทว่าไป๋หลี่หานคว้ากลางอากาศจับมันไว้ได้ครึ่งทาง เพิกเฉยต่อคัดค้านของเซียถง ย้อนกลับมาห่มบนร่างของนางดังเดิม เขาหันไปกล่าวกับเหลิ่งหยานหรันพร้อมรอยยิ้มว่า
“ขอบคุณมาก ข้าจักจดจำความปรารถนาดีของเจ้าที่มีต่อองค์ราชินีในครั้งนี้เอาไว้ เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว คืนนี้อากาศค่อนข้างหนาวเป็นพิเศษ ระวังตัวแข็งตาย”
เหลิ่งหยานหรันเหลือบมองเซียถงอยู่หนึ่งปราด สูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะพ่นออกมาอย่างแรงทีหนึ่ง จากนั้นค่อยควบม้าขี่ทะยานจากออกไป
“พวกเจ้าเองก็กลับไปเถอะ ต่อจากนี้ข้ากับองค์ราชินีค่อยกลับกันเอง”
ไป๋หลี่หานหันไปกล่าวสั่งการกับองครักษ์ทหารรับใช้นายอื่นๆ
“นายท่าน ให้ข้าไปกับท่านด้วยเป็นดีกว่า”
โม่ซวนเอ่ยเสียงขานคำหนึ่งเจือน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่จำเป็น เจ้าเองก็กลับไปก่อนเถอะ”
ไป๋หลี่หานเปลี่ยนที่ย้ายให้เซียถงมานั่งข้างหน้า ส่วนตัวเขาที่อยู่ด้านหลังก็กำลังสวมกอดส่งผ่านความอบอุ่นมอบให้ หันมาโบกมือปัดกล่าวกับโม่ซวน
โม่ซวนดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นใด จึงนำขบวนจากออกไปพร้อมกับกลุ่มองครักษ์ทหารเหล่านั้น
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ”
ไป๋หลี่หานจัดเสื้อคลุมขนเพียงพอนบนตัวเซียถงให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะผูกเชือกมัดให้แน่นป้องกันโดนกระแสหิมะพัดปลิว จากนั้นก็ค่อยกุมมือที่แสนเย็นชาของนางเอาไว้แน่น
บาดแผลฝ่ามือของเซียถง ที่ก่อนหน้าโดนคมหนามทิ่มแทง ตอนนี้ถูกแช่แข็งไปทั้งแบบนั้นแล้ว ไป๋หลี่หานที่เห็นคราบเลือดที่แข็งตัวบนฝ่ามือนางก็ขมวดคิ้วแน่นมิได้
“มือของเจ้าไปโดนอะไรมา?”
กุมถือฝ่ามือเย็นยะเยือกน้อยๆ ที่โดนแทงทะลุของนาง ไป๋หลี่หานพึงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงดึงฝ่ามืออีกฝ่ายขึ้นมาพินิจตรวจสอบโดยละเอียด ลูบจับอย่างระมัดระวังที่สุด ก่อนจะอุทานขึ้นด้วยความกังวลใจขึ้นว่า
“หาใช่ว่าตัวเจ้าทำเองกระมัง? ไฉนถึงมีแผลเช่นนี้ขึ้นได้?”
“ก็เพื่อสิ่งนี้”
เซียถงชักฝ่ามือตนเองถอนกลับคืนมา และหยิบขวดหยกใบหนึ่งขึ้นมาจากใต้อกเสื้อของนาง กล่าวตอบสั้นๆ เพียงหนึ่งคำแก่ไป๋หลี่หาน
“สิ่งนี้คืออันใด?”
ไป๋หลี่หานชำเลืองจดจ่ออยู่ที่ขวดหยกใบนั้นสักครู่ ก่อนจะเคลื่อนสายตามองไปยังบาดแผลบนฝ่ามือของนางต่อ สีหน้าการแสดงออกดูเป็นกังวลกับเจ้าบาดแผลพวกนี้มากกว่า
“โลหิตสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็ง อาศัยเจ้าสิ่งนี้เป็นส่วนผสมในโอสถจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ รักษาและฟื้นฟูสภาพร่างของแม่ท่านเป็นเท่าทวี”
เซียถงเก็บขวดหยกเจ้าเข้าอกเสื้อตัวเองดังเดิม ป้องกันมิให้หลุดมือพลัดตกหาย
สัมผัสแห่งความอบอุ่นหัวใจกระแสใหญ่โฉบแล่นผ่านดวงตาของไป๋หลี่หานจนเห่อร้อนขึ้นบางๆ ทันใดนั้นเขากระชับสวมกอดเซียถงเอาไว้แน่นอีกครั้ง เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งอย่างอ่อนโยนว่า
“ที่เจ้าขึ้นหุบเขาเหมันต์ตามลำพัง ทั้งหมดก็เพื่อเจ้าสิ่งนี้?”
“สุขภาพของแม่ท่านใช่ว่าจะดี ข้าเองก็เกรงว่า ครั้งต่อไปที่ได้เจอ คงได้ปะทะคารมทำให้นางเดือดดาลอีกคราเป็นแน่ จึงหาอะไรป้องกันเอาไว้ก่อน”
เซียถงผละร่างของตนออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็พลันนึกถึงภาพฉากที่เกิดขึ้นในตอนเช้า ทีแรกนางเองก็ค่อนข้างโกรธ แต่เมื่อจับใจความและสาเหตุที่ทำให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งไม่ยอมรับนางให้จงดี ทุกอย่างก็เหมือนดูจะมีเหตุผลมารองรับเช่นกัน
หากรู้ว่า จักรวรรดิที่หวังจะยึดครองดินแดนอี้เฉิง ส่งหญิงสาวให้มาอภิเษกสมรสกับผู้เป็นราชาดินแดน ใครบ้างจะไม่สงสัยว่า หญิงสาวนางนั้นจะเป็นเบี้ยหมากของศัตรูหรือไม่?
“อย่าโกรธท่านแม่ไปเลย นางหาได้จงใจคิดร้ายต่อเจ้า แต่เพราะตัวเจ้าที่ได้ชื่อว่า เป็นคนที่องค์จักรพรรตงหลี่เลือกสรรมาให้แก่ข้า ดังนั้นแล้ว นางย่อมรู้สึกอึดอัดไม่เชื่อใจเป็นธรรมดา ไม่ต้องไปสนใจนางหรอก”
ไป๋หลี่หานคว้าแขนเซียถงดึงกลับมาสวมกอดอีกครั้ง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมาฉีกเป็นแผ่นยาวและเริ่มบรรจงพันแผลบนฝ่ามือของนางละเอียดอ่อน
“ไม่ว่าแม่ท่านต้องการทำอะไรก็ปล่อยเป็นเรื่องของนาง แต่กล้าล้ำเส้นยั่วยุข้าอีกเมื่อใด คงไม่มีเกรงใจเช่นกัน”
เซียถงสะบัดมือ ผงะร่างจากอีกฝ่ายออกห่างอีกครั้ง พร้อมกล่าวเตือนวาจาหนึ่งด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา
“เข้าใจแล้ว อย่าโกรธไปเลย ทีแรก ข้าได้ยินจากสาวรับใช้ในวังวิ่งมาแจ้งว่า เจ้าหนีออกจากวัง ก็ทำเอาข้าตกใจเหลือเกิน จากนั้นตลอดทั้งวันก็ไล่ตามหาเจ้าทั่วทุกหนแห่งราวกับคนบ้า เพราะกลัวเหลือเกิน…กลัวว่าเจ้าจะหนีจากข้าไป”
กล่าวไปสักครึ่งทาง ไป๋หลี่หานก็ถอดหน้ากากออก แล้วหันข้างจับจ้องใบหน้าของเซียถง แลเห็นผิวแก้มเนียนสีขาวผ่องก็อดใจไม่ไหว ค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากประกบหอมอย่างนุ่มนวลทีหนึ่ง
กระแสไออุ่นที่เข้าสัมผัสผ่านผิวแก้ม ทำเอาเซียถงใจสั่นไม่เป็นจังหวะ นางในเวลานี้ปิดปากเงียบไม่เอ่ยกล่าวอันใดอีกต่อไป และค่อยๆ หดตัวห่อไหล่โน้มเข้าซบในอ้อมแขนของไป๋หลี่หานอย่างว่าง่าย
“ท่านแม่ของข้ากำลังเข้าใจในตัวเจ้าผิดไปเฉยๆ และวันนี้นางก็เองทำผิดต่อเจ้าอย่างเห็นได้ชัด แต่เจ้าเองก็ทำนางโกรธไม่น้อยเช่นกัน นี่ถือเสียว่าเสมอกันไป ฉะนั้นอย่าได้โกรธเคืองเลย แล้วต่อจากนี้ เวลาเจ้าจะออกไปไหนควรจะบอกข้าให้ทราบด้วย เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นมา ข้าจะได้ตามตัวเจ้าถูกช่วยเหลือได้ทันท่วงที วันนี้ข้าวิ่งเต้นไปทั่วอี้เฉิง จนในที่สุดก็พานพบกันนายพรานคนหนึ่งบอกว่า พบเห็นอิสตรีนางหนึ่งเดินทางขึ้นไปบนหุบเขาเหมันต์ลูกสูงชัน จึงตามตัวมาถึงที่นี่ มิเช่นนั้นแล้ว ด้วยสภาพอากาศอันเลวร้ายในคืนนี้ เจ้าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”
[1] หมายความคือ ทำดีแต่ไม่ได้ดี