ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 427 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (1)
ตอนที่427 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (1)
ตอนที่427 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (1)
“หึหึ ผู้คนในอี้เฉิงตอนนี้ต่างยกย่องตัวเจ้าเป็นดั่งเทพเซียนมาโปรด เจ้ากับจักรพรรดิตงหลี่คงกำลังวางแผนทำดีเอาหน้า หวังซื้อใจคนอยู่กระมัง? ช่างไร้สาระสิ้นดี”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งเงยหน้ากล่าวขึ้นคำหนึ่ง น้ำเสียงเรียบนิ่งปราศจากอารมณ์ใดเจือปน
เซียถงทราบดี องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์เกี่ยวกับตัวนาง และพึงทราบ ต่อให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็คงเปล่าประโยชน์ จึงลุกขึ้นเดินจากออกไปพร้อมกล่องบรรจุโอสถใบนั้น
“องค์ราชินี เดี๋ยวก่อน”
เหลิ่งหยานหรันที่นั่งเงียบตั้งแต่ตอนต้น จู่ๆ นางก็เงยหน้ากล่าวหยุดเซียถงเอาไว้
“หยานเอ๋อร์ เจ้าจะไปเรียกนางเพื่ออันใด?”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งกล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เสด็จป้า ให้ข้าตรวจสอบโอสถเม็ดนั้นเสียหน่อย”
เหลิ่งหยานหรันวางผ้าปักในมือลง ลุกขึ้นยืนหยัดและตรงไปทางเซียถง
เซียถงฉายแววฉงนงุนงงผ่านดวงตาคู่นั้น แต่ก็ยังส่งมอบกล่องบรรจุโอสถใบนั้นให้แก่อีกฝ่ายไป เหลิ่งหยานหรันนำโอสถเม็ดนั้นที่นอนนิ่งอยู่ในกล่องหยกออกมา จับจ้องพินิจซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะเดินไปหาองค์จักรพรรดินีเหลิ่งพร้อมกล่าวว่า
“เสด็จป้า องค์ราชินีหลอมกลั่นโอสถเม็ดนี้ก็เพื่อท่าน และมันเป็นโอสถของจริงไม่มียาพิษเจือผสม จุดมุ่งหมายหลักเป็นที่ชัดเจน ทำเพื่อเอาหน้าสร้างคุณงามความดีให้คนภายนอกแห่ชื่นชม ท่านพอจะมองออกหรือไม่? หากท่านปฏิเสธที่จะกินโอสถเม็ดนี้ ท่านจะตกเป็นเป้าให้ผู้คนในอี้เฉิงนิทราว่าร้าย ถูกกล่าวหาว่าจงใจสร้างปัญหาให้องค์ราชินี ด้วยวิธีนี้ มิเพียงนางจะได้รับชื่อเสียงโดงดังเรื่องโอสถเท่านั้น แต่ยังได้รับความเห็นใจที่ถูกท่านกลั่นแกล้ง หากเรื่องไปถึงขั้นนั้น ท่านจะไม่สามารถแก้ไขอะไรใดๆ อีกได้เลย”
เมื่อองค์จักรพรรดินีเหลิ่งได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกถึงความสมเหตุสมผล และพยักหน้ากล่าวกับเหลิ่งหยานหรันว่า
“สิ่งที่เจ้าว่ามาก็สมเหตุสมผล หากปล่อยให้ผู้คนสงสารเห็นใจนาง ปัญหาในอนาคตอยากยากเกินแก้ไขได้ และที่สำคัญ หานเอ๋อร์ก็อุตส่าห์พยายามอย่างหนัก เพื่อให้ได้วัตถุดิบเหล่านี้มาหลอมกลั่นเป็นโอสถ หากปฏิเสธไปคงไม่ต่างอะไรจากทำร้ายน้ำใจกัน”
เหลิ่งหยานหรันส่งยิ้มให้เล็กน้อย และเดินไปให้โอสถเม็ดนั้นแก่องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง กล่าวขึ้นอีกว่า
“เสด็จป้า ข้าคิดว่า โอสถเม็ดนี้ดีใช้ได้ กินมันเข้าไปและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสียดีกว่า หากท่านป่วยหนักเป็นอะไรไป เกรงว่าจะมีคนแถวนี้แอบดีใจอยู่ไม่น้อย”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งเหลือบหางตามองเซียถงด้วยความดูถูกดูแคลน และตัดสินใจหยิบโอสถเม็ดนั้นจากมือเหลิ่งหยานหรัน นางพยักหน้ากล่าวว่า
“ก็ได้ เห็นแก่หน้าเจ้าหยานเอ๋อร์ ข้ายอมกินแล้ว”
กล่าวจบ องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็ตบโอสถเข้าปาก รีบหยิบถ้วยชาขึ้นกระดกไปตาม
“ปักผ้ากันต่อเถอะ”
หลังจากกินโอสถไปแล้ว องค์จักรพรรดินีเหลิ่งก็ไม่แม้แต่แลเหลียวเซียถงใดๆ อีก ดึงแขนเหลิ่งหยานหรันให้นั่งลง ก่อนจะเริ่มก้มหน้าก้มตาปักผ้าในมือต่ออีกครั้ง
เหลิ่งหยานหรันลอบเงยศีรษะขึ้นมองเซียถง พร้อมกับหยักหน้าเบาๆ ให้นางไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มิได้สนใจอันใดอีก เซียถงแอบยิ้มบางๆ และพาสาวรับใช้ในวังของตนเดินจากตำหนักออกมา ในคืนนั้น ไป๋หลี่หานรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งที่ได้ยินว่า เซียถงเดินทางไปตื๊อให้องค์จักรพรรดินีเหลิ่งยอมกินโอสถได้สำเร็จ
เซียถงส่งยิ้มให้เขาและกล่าวว่า
“ท่านไม่ควรขอบคุณข้าเช่นนี้ หากต้องการจะขอบคุณจริงๆ ก็ควรไปบอกญาติผู้น้องของท่านเสียมากกว่า เพราะถ้ามิใช่เพราะฝีปากและวาทศิลป์ที่ฉลาดเป็นกรดของนาง แม่ท่านหรือจะยอมกินโอสถที่ข้าหลอมกลั่นขึ้นเอง?”
“ถึงญาติผู้น้องของข้าจะเป็นหญิงฝีปากเสีย แต่อันที่จริง นางเป็นคนดีคนหนึ่ง ตอนนั้นที่ข้าได้ยินว่า เจ้าหายตัวไปจากวัง ก็เป็นนางนี่แหละที่รับควบม้าออกไปตามหาเจ้าทุกหนแห่ง สีหน้าท่าทีดูร้อนใจน่าดู”
ไป๋หลี่หานกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
เซียถงยิ้มตอบบางๆ และมิได้พูดอะไรอีก
วันรุ่งขึ้น ระหว่างหัวมุมทางเดินในพระราชวัง เซียถงก็บังเอิญเจอกับเหลิ่งหยานหรัน ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายเจอหน้า นางก็โดนพ่นลมหายใจใส่เฮือกหนึ่งเบาๆ ก่อนที่จะหันศีรษะหนีและเดินจากไป
“องค์หญิงเหลิ่ง เดี๋ยวก่อน”
“องค์ราชินี ท่านมีอะไรงั้นรึ?” เหลิ่งหยานหรันเหลียวหลังกลับมา จับจ้องไปที่นางอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวานนี้”
เซียถงกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าช่วยเหลือเสด็จป้า หาใช่ตัวเจ้าไม่”
สิ้นเสียงเพียงเท่านั้น เหลิ่งหยานหรันเดินสะบัดแขนเสื้อยาว หันหลังเดินจากไปโดยตรง
“ข้าเป็นคนแย่งญาติผู้พี่ไปจากเจ้า ไม่เกลียดชังข้าเลยงั้นรึ?”
เซียถงลั่นคำถามประโยคหนึ่งออกไปด้วยความสงสัย พลางจับจ้องแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่พลันชะงักหยุดกะทันหัน
ถึงแม้เหลิ่งหยานหรันจะพูดจาสาดเสียเทเสียใส่นางเมื่อวาน แต่พึงทราบ นางแอบช่วยเซียถงอย่างลับๆ
“เคยได้ยินคำนี้หรือไม่? รักบ้านให้รวมถึงอีกา [1] ก็เหมือนกับที่ท่านรักญาติผู้พี่ข้า ถึงยอมเหนื่อยตรากตรำหลอมกลั่นโอสถให้เสด็จป้า ทั้งที่อีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าท่านจะตาย ที่พูดไปจริงหรือไม่?”
เหลิ่งหยานหรันเหลียวหลังมากล่าวตอบให้ฟังอีกครั้ง
รักบ้านให้รวมอีกา… เซียถงใจหายวาบไปชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดเหลิ่งหยานหรันก็ยอมรับแล้วว่า นางแอบชอบไป๋หลี่หานอยู่จริงๆ?
เหลิ่งหยานหรันหันศีรษะกลับไป และกล่าวขึ้นอีกกว่า
“ข้าไม่เคยเห็นญาติผู้พี่ปฏิบัติต่อสตรีนางใดเหมือนกับท่านมาก่อน ตอนนั้น….ข้ารู้ได้ทันที ญาติผู้พี่จะต้องรักท่านมากๆ เป็นแน่ และในเมื่ออีกฝ่ายรักท่านถึงปานนี้ ข้าเองก็ควรต้องยอมรับในตัวท่านเช่นกัน เพียงแต่…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ นางหันศีรษะขวับเหลียวหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว สายตาคู่คมกริบประดุจคมมีด สบปะทะใส่เซียถงเฉียบขาด
“หากมารู้ทีหลังว่า ท่านเป็นเพียงเบี้ยหมากของจักรพรรดิตงหลี่ หลอกใช้ญาติผู้พี่ของข้า ทรยศต่อดินแดนอี้เฉิง เหลิ่งหยานหรันคนนี้ก็ขอสู้ตายกับท่าน!”
“ข้าหาใช่เบี้ยหมากของจักรพรรดิตงหลี่”
เซียถงรู้สึกทึ่งอย่างมาก ยามเผชิญหน้ากับความมุ่งมั่นและกล้าหาญที่ส่งผ่านมาจากสายตาคู่นั้นของเหลิ่งหยานหรัน
“ก็ดี ข้าเชื่อใจท่าน”
สายตาคู่แข็งกร้าวของเหลิ่งหยานหรันดูอ่อนลงหนึ่งส่วน
“ข้าคนนี้จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือญาติผู้พี่ของเจ้า และจะทำให้ดีที่สุด”
เซียถงกล่าวตอบ
เหลิ่งหยานหรันทุ่งสายตาสบมองนางอยู่สักพักใหญ่ ก่อนท้ายที่สุดจะพยักหน้าส่งให้เบาๆ และเดินจากออกไป
วันต่อมา เซียถงเริ่มลงมือทำตามที่ตนเองกล่าวเอาไว้ทันที นางพยายามหาช่องทางเพื่อให้ความช่วยเหลือไป๋หลี่หานในการบริหารปกครองบ้านเมืองอย่างสุดความสามารถ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่โหดร้ายในอี้เฉิง ผู้คนจำนวนมากต้องทนทุกข์กับโรคไข้หวัดและโรคลมหนาว เช่นนั้นแล้ว เซียถงจึงคลุกตัวหลอมกลั่นโอสถอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด เพื่อส่งมอบโอสถเหล่านี้ให้ประชาชนทุกคนได้หยิบใช้กันอย่างทั่วถึง โดยไม่เสียเงินสักแดง
ผ่านไปครึ่งปี ด้วยประสบการณ์หลอมกลั่นโอสถอย่างบ้าคลั่งตลอดทุกวันคืน ก็ส่งผลให้เซียถงทะลวงขึ้นกลายมาเป็น ราชาโอสถขั้นสุดแล้ว
ในวันนี้ ไป๋หลี่หานเดินทางกลับเข้าตำหนักสุริยันจรัสเร็วกว่าปกติ พร้อมกับบัตรเชิญสีแดงใบหนึ่งที่ยืนให้ต่อหน้าเซียถง เขากล่าวขึ้นว่า
“งานชุมนุมโอสถกำลังจะถูกจัดขึ้นในจักรวรรดิซีฉิน ข้ามาส่งบัตรเชิญให้เจ้า”
เซียถงที่กำลังตัดเล็มต้นสมุนไพรอยู่ก็พลันหยุดมือทันที ได้ฟังคำกล่าวของไป๋หลี่หาน สายตาคู่นั้นพลันถูกบัตรเชิญใบนั้นดึงดูดโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ต้องสะดุดเข้ากับจ่าหน้าที่เขียนระบุว่า : จากจักรพรรดิซีฉิน
งานชุมนุมโอสถที่จัดขึ้นในจักรวรรดิซีฉินครั้งนี้ นางได้รับการเชื้อเชิญจากจักรพรรดิซีฉินให้เข้าร่วมงานแข่งโดยตรง?
จักรพรรดิซีฉินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? มันเองก็น่าจะทราบดี เซียถงรู้แล้วว่า ตัวการที่สั่งให้ลักพาตัวท่านแม่ของนางและนางไปก็คือตัวมันเอง เช่นนี้แล้ว มันยังคิดว่า นางจะยอมกลับไปที่จักรวรรดิซีฉินอีกหรือไม่?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั้นเอง ก็พลางได้ยินไป๋หลี่หานเอ่ยขึ้นว่า
“ในบัตรเชิญระบุว่า เพื่อส่งเสริมทักษะและความสามารถของนักหลอมโอสถจากทั่วผืนพิภพ สำหรับรางวัลชนะเลิศในงานชุมนุมโอสถครั้งนี้ จักรพรรดิซีฉินจะประทาน ผลบัวศักดิ์สิทธิ์”
ผลบัวศักดิ์สิทธิ์? ดวงตาเซียถงสว่างไสวขึ้นทันใด นางในเวลานี้ใกล้จะสามารถรวบรวมวัตถุดิบหลอมกลั่นโอสถทั้งหมด สำหรับรักษาอาการป่วยของท่านแม่ให้หายขาดได้ครบแล้ว ก็เหลือก็เพียงผลบัวศักดิ์สิทธิ์เพียงชนิดเดียวที่ยังไม่มี และครั้งสุดท้ายที่ขึ้นเขาซีเยว่ นางก็มีโชคดีอย่างยิ่งที่บังเอิญไปเจอต้นบัวศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายนักที่บุญวาสนาไม่ถึง เพราะต้นบัวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวยังไม่ถึงเวลาเติบโตจนออกผล
ในตอนนั้น นางตั้งใจไว้ว่า เมื่อใดที่ต้นบัวศักดิ์สิทธิ์ออกดอกออกผลแล้ว นางจะเสาะหาอะไรสักอย่าง เพื่อใช้แลกเปลี่ยนกับผลบัวศักดิ์สิทธิ์ในมือจักรพรรดิซีฉิน
“เจ้าต้องการไปเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถกระมัง?”
ไป๋หลี่หานพึงทราบดีว่า เซียถงกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ แค่มองผ่านสีหน้าปราดเดียว มีหรือจะไม่ทราบความคิดผู้เป็นภรรยา?
“อืม พิษในร่างกายของท่านแม่ข้า หากต้องการถอนรากถอนโคนให้หายขาด จำเป็นจะต้องใช้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั่น ข้าจำเป็นต้องเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถในครั้งนี้”
[1] ความหมาย หากรักใครสักคนก็จงรักในสิ่งรอบตัวของเขา ดั่งรักบ้านก็ต้องรักไปถึงอีกาที่เกาะอยู่บนหลังคาบ้านเช่นกัน