ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 428 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (2)
ตอนที่428 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (2)
ตอนที่428 งานชุมนุมโอสถในจักรวรรดิซีฉิน (2)
“ผลบัวศักดิ์สิทธิ์นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินที่หาได้ยากยิ่ง คราวนี้เหตุที่จักรพรรดิซีฉินนำมันออกมาใช้เป็นรางวัลในงานชุมนุมโอสถ เกรงว่า อีกฝ่ายกำลังจงใจสร้างกับดักล่อเจ้าอยู่”
น้ำเสียงไป๋หลี่หานฟังดูกังวลหลายส่วน
“แต่ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ผลบัวศักดิ์สิทธิ์มันสำคัญต่อข้ายิ่งยวด”
เซียถงกล่าวตอบคำหนึ่ง น้ำเสียงเด็ดขาดชัดเจน
“เช่นนั้น ข้าจะให้โม่ซวนติดตามเจ้าไปด้วย อยู่กับเขาไปก่อนสักพัก รอข้าจัดการธุระในอี้เฉิงเสร็จเมื่อใด จะรีบติดตามไปหาทันที”
ไป๋หลี่หานกล่าวตอบ สีหน้ารวนเรดูคิดเล็กคิดน้อยไม่ค่อยแน่ใจ
“ท่านพี่ อย่าได้ห่วง ไม่ว่าสิ่งที่จักรพรรดิซีฉินคิดปรารถนาในตัวข้า มันจะไม่มีวันได้มา และหากมันกล้าล้ำเส้นยั่วยุข้า ถือว่ามันชะตาขาดแล้ว”
ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มของเซียถงปริเปิด เอ่ยคำปลอบหวังลดความกังวลในจิตใจของไป๋หลี่หาน สีหน้าแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ หากจักรพรรดิซีฉินกล้าเล่นแง่เล่นกลกับนาง เมื่อถึงตอนนั้น กลับยากจะสืบทราบว่า สุดท้ายใครกันแน่ที่ต้องเสียใจในภายหลัง!
จากนั้นประมาณสองวันถัดมา เซียถงก็เก็บของบรรจุขึ้นบนหลังม้า และเตรียมออกเดินทางสู่จักรวรรดิซีฉินทันที โดยมีโม่ซวนเป็นผู้อารักขาติดตามมาด้วย
“หากเกิดเรื่องอะไรผิดปกติให้รีบส่งสาสน์พิราบมาหาโดยด่วนที่สุด ทันทีที่จัดการธุระในอี้เฉิงเสร็จ ข้าจะรีบตามสมทบทีหลัง”
ก่อนลาจาก ไป๋หลี่หานสวมกอดเซียถงเอาไว้แน่น ราวกับไม่เต็มใจให้นางคลายออกจากอ้อมแขนเท่าไหร่นัก
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบเดินทางกลับมาทันทีที่ได้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว”
เซียถงมองผ่านช่องใต้หน้ากาก แลเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเป็นห่วง สิ่งนี้ได้เติมเต็มความอ่อนโยนภายในใจของนาง โดยหาได้สนใจเหล่าทหารและองครักษ์ผู้ติดตามใดๆ โดยรอบ นางยืนเขย่าปลายเท้า เข้าจุมพิตลงบนริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่ายทันที
พริบตาแรก ไป๋หลี่หานรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่ชั่วอึดใจต่อมา พลันบังเกิดเพลิงแห่งราคะหวงแหนขึ้นในจิตใจ เขาโอบเอวนางกระชับรัดแน่น คลายซี่ฟันเปิดรับลิ้นของเซียถงเข้าพันเกี่ยว ปลุกปล้นความหวานฉ่ำภายในปากของนาง
โม่ซวนกระแอมไอเบาๆ อยู่สองสามทีใส่เหล่าทหารโดยรอบ ซึ่งทุกคนต่างรีบก้มหน้าก้มตามองพื้นทันทีอย่างรู้เท่าทัน
ทั้งสองรุกจูบกันอย่างดูดดื่มเป็นเวลานาน ก่อนที่จะลาจากกันอย่างไม่เต็มใจนัก ท้ายที่สุดนี้ ก็เป็นเซียถงที่กระโดดขึ้นหลังอาชาและควบทะยานออกไป
เฝ้ามองอยู่หน้าประตูเมือง เหม่อมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ควบอาชาออกไปจนลับเส้นสายตา ในคราวนี้ เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก การเดินทางสู่จักรวรรดิซีฉินในครั้งนี้ของเซียถง เกรงว่าจะมีอันตรายร้ายแรง สายตาคู่เฉียบคมของไป๋หลี่หานมีแต่แววความกังวลอยู่อัดแน่น
ดินแดนอี้เฉิงกับจักรวรรดิซีฉินอยู่ห่างกันหลายหมื่นลี้ และยังมีเมืองน้อยใหญ่มากมายขั้นอยู่ระหว่างกลาง เซียถงและโม่ซวนรีบควบทะยานอาชา มุ่งหน้าไปยังชายแดนแห่งจักรวรรดิซีฉินด้วยความเร็วสูงสุด ในอีกสามวันต่อมา ด้วยสภาพอากาศในซีฉินแห่งนี้ค่อนข้างอุ่นไปทางร้อน ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้านุ่งห่มชั้นบาง และแวะเข้าไปพักที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในเขตชายแดนดังกล่าว
“นายหญิง หลังข้ามหุบเขาลูกนั้นไปได้ ต่อไปก็ถือซีฉินเขตในแล้ว แต่อย่างไร สัตว์อสูรบนหุบเขาที่ว่ามีค่อนข้างชุกชุม การขึ้นไปบนนั้นในยามกลางคืนถือเป็นเรื่องอันตรายมาก ควรพักแรมในหมู่บ้านแห่งนี้ก่อนสักคืนเป็นการดีกว่า”
โม่ซวนชี้ไปที่หุบเขาลูกไกลโพ้นเบื้องหน้า แลมองดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว
เซียถงพยักหน้าตอบ
“เช่นนั้น ค้างแรที่นี่สักคืน พรุ่งนี้จะได้มีเรี่ยวมีแรงขึ้นเขา”
หมู่บ้านนี้มีครอบครัวอยู่อาศัยประมาณหนึ่งร้อยครัวเรือนเห็นจะได้ โม่ซวนเดินสำรวจหาบ้านที่ดูสะอาดเรียบร้อยที่สุด และหยิบเหรียญทองจำนวนหนึ่งออกมา พร้อมเดินไปเคาะประตูเพื่อชี้แจงจุดประสงค์ ซึ่งครอบครัวดังกล่าว สามีซึ่งเป็นเสาหลักกลับไม่อยู่บ้าน แต่อย่างไร ผู้เป็นภรรยาก็ยินยอมให้พักแรม และปฏิเสธที่จะรับเงินเหล่านั้น
“เพียงมาขอพักแรมในบ้านหลังนี้แค่คืนเดียว เหตุใดต้องเสนอเงินทองมากมายปานนั้น? ยังไงเสีย บ้านหลังนี้ก็ไม่ค่อยมีใครอยู่ พวกท่านเลือกห้องที่ชอบได้เลย”
ต้องกล่าวเลยว่า เจ้าของบ้านที่เป็นภรรยาคนนี้เป็นคนมีอัธยาศัยดีมาก นางพาทั้งสองเข้ามาและพาชมห้องต่างๆ ภายในนั้นอย่างไม่ถือตัวใดๆ
ซึ่งห้องที่ทั้งสองเลือกเข้าพักก็ค่อนข้างเรียบง่าย โม่ซวนส่งสายตาชำเลืองมองเพื่อรอคำยืนยันจากเซียถง พอเห็นนางพยักหน้าตอบ เขาจึงหยิบเหรียญทองจำนวนนั้นยัดให้ในมือของภรรยาเจ้าของบ้านโดยตรง และยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“แม่นางโปรดรับไปด้วยเถิด นี่เป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจากทางเรา แล้วรบกวนท่านอีกสักเรื่อง ช่วยหาอาหารให้เราสักมื้อได้หรือไม่?”
พยายามปฏิเสธยื่นเหรียญทองพวกนั้นกลับไป แต่โม่ซวนก็ยังดึงดันจะให้ท่าเดียว ภรรยาเจ้าของบ้านนางนั้นจึงยอมรับในที่สุด และกล่าวพร้อมรอยยิ้มร่าเริงขึ้นว่า
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นพักผ่อนได้ตามสบาย เดี๋ยวข้าทำอาหารให้พวกท่านเอง”
“โม่ซวน เจ้าได้กลิ่นเหม็นของพวกสัตว์อสูรหรือไม่?”
หลังจากที่ภรรยาเจ้าของบ้านเดินจากออกไป เซียถงก็ขมวดคิ้วถักแน่น ยืนมองนอกหน้าต่าง จับจ้องไปยังหุบเขาลูกนั้นที่จากระยะไกล
โม่ซวนส่ายศีรษะเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ไม่เลยนายหญิง ท่านได้กลิ่นผิดปกติอันใดรึ?”
“จิ๊ด! จิ๊ด!”
เสียงร้องแหลมดังขึ้น จี้จี้ที่ซุกตัวขดอยู่ใต้แขนเสื้อของเซียถงจู่ๆ ก็โผล่หัวขึ้นมา และกระโดดขึ้นไปยืนบนขอบหน้าต่างบานนั้น ใช้อุ้งเท้าหน้าน้อยๆ ของมันชี้ไปที่หุบเขาลูกนั้นอย่างไม่มีลดละ
“เจ้าเองก็ได้กลิ่นเหม็นพวกนั้นอบอวลอยู่ในอากาศเช่นกัน?”
เซียถงมองติดตามทิศทางที่จี้จี้ชี้นิ้วออกไป และเมื่อมันได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าตอบโดยไว
ดูท่าแล้ว…บนหุบเขาลูกนั้นจะมีแต่ฝูงสัตว์อสูรอยู่เต็มไปหมด!
เซียถงอุ้มจี้จี้ขึ้นไปนอนที่เตียง ลูบหัวของมันอย่างเอ็นดูรักใคร่และกล่าวว่า
“เจ้านอนพักบนเตียงไปก่อน อาหารมาเมื่อใดแล้วข้าจะปลุกอีกที”
จี้จี้กระดิกหางปุกปุยส่ายไปมาอย่างสบายใจ และมุดเข้าผ้าห่มหลับไปทั้งแบบนั้น
“จากนี้ระวังตัวให้มากขึ้น จำนวนสัตว์อสูรบนหุบเขาลูกนั้นมีเยาะเกินที่เราจินตนาการแน่นอน”
เซียถงหันไปกล่าวกับโม่ซวน สีหน้าการแสดงออกค่อนข้างจริงจังเคร่มขรึม
โม่ซวนพยักหน้าตอบ
ในระหว่างที่ภรรยาเจ้าของบ้านกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัวข้างๆ ก็มีกลุ่มเด็กอายุประมาณห้าหกขวบกำลังวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แถวหน้าบ้าน ภายใต้บรรยากาศตะวันยามอัสดง สายลมเย็นพัดผ่านต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไสว มีเสียงสุนัขเห่าหอนเคียงเสียงไก่ขันเป็นพื้นหลัง สิ่งแรกที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนผ่านภาพฉากเหล่านี้คือ ชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายและเงียบสงบของผู้คนหมู่บ้าน
“ผู้คนในอี้เฉิงก็เหมือนกันกับที่นี่ พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากเลย นอกจากความสงบสุขและชีวิตประจำวันอันแสนเรียบง่าย”
โม่ซวนเอ่ยกล่าวขึ้นมาในทันใด
เซียถงจดจำภาพฉากอันหนาวเหน็บของดินแดนอี้เฉิง รวมไปถึงรอยยิ้มของชายสวมหน้ากากคนนั้นได้อย่างชัดแจ้งภายในใจ รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าของนางยิ่งประจักษ์ชัดมากขึ้น ใช่แล้ว คนในอี้เฉิงก็ไม่ต่างอะไรกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้เลย พวกเขาเพียงต้องการความสงบสุขเท่านั้น ในอดีต ดินแดนอี้เฉินเคยเป็นเมืองรกร้างที่ได้ชื่อว่า แห้งแล้งที่สุดในจักรวรรดิตงหลี่ แต่ต่อมา ด้วยความพยายามตลอดที่ผ่านมาของไป๋หลี่หาน ส่งผลให้ดินแดนอี้เฉิงกลายเป็นประเทศเอกราชได้สำเร็จ ทั้งยังกลายมาเป็นสถานที่แห่งความมั่งคั่ง และเจริญรุ่งเรืองจนเกือบเทียบชั้นกับเมืองเฟิงหลี่ได้แล้ว
กล่าวโดยสัตย์จริง นางรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากที่ตนได้กลายมาเป็นภรรยาของไป๋หลี่หาน
ไม่นานจากนั้น ภรรยาเจ้าของบ้านนางนั้นก็ทำอาหารเสร็จ และเดินมาเรียกทั้งสองให้มากินข้าว