ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 429 โดนบุกโจมตียามวิกาล (1)
ตอนที่429 โดนบุกโจมตียามวิกาล (1)
ตอนที่429 โดนบุกโจมตียามวิกาล (1)
จานอาหารเรียงรายถ้วนหน้าอุดมสารอาหารครบห้าหกหมู่ แต่กระนั้นโดยส่วนใหญ่จะมีผักเป็นส่วนประกอบมากกว่าเนื้อ ภรรยาเจ้าของบ้านถูกมือไปมาด้วยความรู้สึกผิด และเอ่ยขอโทษขึ้นว่า
“อาหารที่หมู่บ้านนี้อาจไม่ค่อยถูกปาก มีแต่ผักซะส่วนใหญ่ อย่างไรเสียต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
โม่ซวนโบกมือปัด พยายามจะสื่อว่าแค่นี้ก็หรูหราน่าอร่อยมากเกินพอแล้ว เขาหยิบตะเกียบเงินคีบอาหารเข้าปาก ลองชิมก่อนทุกจานเพื่อป้องกันการถูกวางยาพิษ เสร็จสรรพทุกจาน จึงลุกขึ้นจากโต๊ะไปยืนขนาบข้าง และหันไปกล่าวกับเซียถงว่า
“นายหญิงเชิญรับประทาน”
เซียถงเหลียวมองหนึ่งปราด กล่าวด้วยความสงสัยขึ้นตอบ
“เจ้าก็นั่งลงแล้วมากินด้วยกันสิ”
“นายหญิงโปรดเชิญก่อน หลังท่านรับประทานเสร็จ เดี๋ยวข้าค่อยกินต่อ”
โม่ซวนคลี่ยิ้มบางพลางส่ายหัว
“ระหว่างพวกเรามีสิ่งใดแตกต่างกัน? ลืมเรื่องศักดิ์สถานะอันไร้สาระไปเสีย แล้วมานั่งกินด้วยกันนี่แหละ”
กล่าวจบ เซียถงก็ขว้างชามข้าวให้อีกฝ่าย
โม่ซวนจับจ้องมาทางนางเล็กน้อย สักครู่หนึ่งจึงค่อยเดินตรงมานั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับนาง พร้อมชามข้าวใบหนึ่งในมือ
หลังอาหารเย็นมื้อนั้น เซียถงและโม่ซวนก็เดินทางกลับขึ้นห้องไปเพื่อพักผ่อนเอาแรง อาหารเย็นโดยส่วนใหญ่เหลือค่อนข้างมาก เพราะทั้งสองมิได้รับประทานอะไรขนาดนั้น และหน้าที่เก็บกวาดทั้งหมดก็เป็นของจี้จี้ เจ้าขนปุยกระโดดขึ้นโต๊ะและเริ่มสังคายนาอาหารเหลือเหล่านั้นในพริบตา จะมีก็เพียงส่วนก้นกลมดิ๋กของมันที่เกินออกจากจานอาหาร สั่นกระดุกกระดิกไปมา ส่วนใบหน้าปักลึกจมลงในกองอาหารอย่างมีความสุข
พอเจ้าจี้จี้อิ่มท้อง มันก็มุดร่างตัวเองออกไปทางช่องหน้าต่างที่เปิดแหง่มและวิ่งออกไปด้านนอกตัวบ้าน เซียถงที่เห็นมันวิ่งออกไปผ่านหน้าต่างบานในห้องตัวเองก็หาได้สนใจนัก เพราะจะยังไง มันก็สามารถติดตามนางไปได้ทุกที่อยู่แล้ว กระทั่งจากจักรพรรดิตงหลี่สู่ดินแดนอี้เฉิง มันก็ยังตามตัวนางจนเจอ
เนื่องด้วยกลิ่นเหม็นสาบของพวกสัตว์อสูรฟุ้งอบอวลในอากาศรุนแรงเกินไป เซียถงจึงไม่กล้าประมาทหลับตานอน เลือกที่จะนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญตบะบนเตียง ประมาณยามสองเห็นจะได้ จู่ๆ นางก็ได้ยิน เสียงหอนคำรามผงาดทั่วแผ่นฟ้าดังสนั่น ทำลายบรรยายค่ำราตรีอันเงียบสงบลงในพริบตา
เสียงนั่นช่างน่าขนลุกยิ่งแล้ว
เซียถงสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา เร่งกระโดดลงจากเตียงโดยไว และวิ่งออกมาจากห้องพักโดยทันที
“นายหญิง! ตอนนี้เกิดแผ่นดินไวฉับพลัน คล้ายมีบางสิ่งกำลังวิ่งตรงมาที่หมู่บ้าน!”
นอกประตูห้องพัก โม่ซวนวิ่งออกมากล่าวทักทามเซียถงอย่างรวดเร็ว
เซียถงรีบหมอบตัวลงทันใด และแนบใบหูติดแน่นกับพื้น บริเวณข้างใต้จะได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน
กลิ่นเหม็นสาบของพวกสัตว์อสูรในอากาศยิ่งทวีความรุนแรงฉุนเปรี้ยว เซียถงลุกขึ้นยืนตัวตรง จับจ้องไปยังหุบเขาลูกสีครามเข้มที่อยู่สุดเส้นสายตา ปรากฏเงาดำกลุ่มก้อนใหญ่ที่กำลังแห่แหนตรงเข้ามา นางกล่าวขึ้นทันทีว่า
“มีฝูงสัตว์อสูรกำลังบุกโจมตีหมู่บ้าน! โม่ซวน รีบไปบอกทุกคนให้อพยพหนีโดยเร็ว!”
ได้ยินดังนั้น โม่ซวนเหินทะยานออกไปทันใด เซียถงเหลียวหลังกลับเข้ามา ยกบาทาขึ้นถีบประตูห้องภรรยาเจ้าของบ้านจนเปิดออก รีบฉุดลากร่างนางขึ้นจากเตียงที่กำลังหลับใหล ตะโกนขึ้นลั่นว่า
“รีบพาลูกๆ ของท่านหนีไปจากที่นี่เร็วเข้า! หมู่บ้านแห่งนี้กำลังจะถูกฝูงสัตว์อสูรบุกโจมตีในอีกไม่ช้าแล้ว!”
ภรรยาเจ้าของบ้านลืมตาตื่นขึ้นด้วยความงุนงง สภาพยังอยู่ในกึ่งหลับกึ่งตื่น
“ท่านว่าเยี่ยงไร? หมายความว่าอย่างไรรึ?”
“เร็วเข้าเถอะ! หมู่บ้านแห่งนี้กำลังจะถูกฝูงสัตว์อสูรบุกแล้ว!”
เซียถงไม่รีรอ รีบวิ่งไปสะกิดเด็กเหล่านั้นที่นอนอยู่เคียงข้างให้ตื่นฟื้นสติ และลากทั้งหมดรวมถึงคนเป็นแม่ให้ออกมา แผดเสียงตะโกนลั่นเป็นคำรบสองว่า
“รีบไปได้แล้ว เร็วเข้า! มิเช่นนั้นท่านกับลูกๆ จะตกอยู่ในอันตรายได้!”
เหล่าเด็กน้อยพวกนั้นต่างส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น ส่วนภรรยาเจ้าของบ้านก็ตื่นตกใจอย่างมากกับปฏิกิริยาและสีหน้าของเซียถง นางเลือกที่จะไม่พูดอันใดอีกต่อไป และอุ้มเด็กน้อยพวกนั้นวิ่งออกไป
เซียถงเดินออกจากเรือนบ้าน ก็พบว่ากลิ่นเหม็นสาบของพวกสัตว์อสูรในอากาศยิ่งฟุ้งตลบรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
กลิ่นเหม็นสาบรุนแรงปานนี้ พินิจวิเคราะห์ได้เลย พวกมันมาอย่างต่ำก็ต้องสองถึงสามร้อยตัวเห็นจะได้ และด้วยจำนวนที่มากมายปานนี้ในการบุกเพียงครั้วเดียว เป็นที่ชัดเจนเลยว่า พวกมันต้องได้รับคำสั่งมาจากนักอัญเชิญอสูร
“ทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้รีบตื่นโดยเร็วเถอะ! มีฝูงสัตว์อสูรกำลังมุ่งหน้าบุกโจมตีที่นี่! รีบอพยพหนีออกไปโดยเร็วที่สุด!”
เสียงป่าวประกาศดังโหวกเหวกดังลั่นสนั่นไปทั่วทุกซอกมุมของหมู่บ้าน โม่ซวนพยายามร้องเรียกปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้น เพราะเป็นที่ชัดแจ้งดีว่า หากไล่ปลุกบ้านต่อบ้านเกรงว่าจะสายเกินควร ดังนั้นแล้ว เขาจึงเร้นพลังลมปราณในกายเปล่งเสียงตะโกนออกมา เพื่อปลุกทุกคนให้ตื่นในคราวเดียว
ต่อมา กลุ่มคนทั้งหมดจากในหมู่บ้านที่โดนโม่ซวนปลุกให้ตื่น ก็รีบแห่กันเข้ามาล้อมกรอบเจ้าตัวเอาไว้ พร้อมกับลูกเล็กเด็ดแดงจำนวนมากที่จูงกันออกมา ทุกคนต่างจับจ้องไปที่โม่ซวนด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดูไม่เข้าใจอะไรเลย
“เจ้าเป็นใครมาจากไหน? แล้วเกิดอะไรขึ้น? ฝูงสัตว์อสูรบุก?”
ใครบางคนเอ่ยถามเสียงดัง ฟังจากน้ำเสียงยังไม่ทันได้ตื่นดี
“เร็วเข้าเถอะ! พวกเรารีบหนีกันไปได้แล้ว หากยังไม่รีบไปเกรงว่าจะสายเกินแก้ไข! ฝูงสัตว์อสูรนับหลายร้อยกำลังแห่กันเข้ามาที่นี่แล้ว!”
โม่ซวนโบกมือทุกคนให้รีบอพยพหนีไป สีหน้าท่าทางดูร้อนใจเป็นกังวลหนัก
ผู้คนในหมู่บ้านต่างมองหน้าสบตากันอยู่สักครู่ คล้อยหลังไม่นาน ดวงตานับร้อยคู่ล้วนมุ่งจับจ้องเข้าใส่ตัวเขา และเอ่ยขึ้นคำหนึ่งว่า
“แล้วไหนรึฝูงสัตว์อสูร?”
“นี่พวกท่านไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินเลย?”
โม่ซวนตะโกนเสียงดัง
ทันทีที่ได้ยิน ผู้คนเหล่านั้นต่างมุ่งสมาธิไปที่สองคู่เท้าของตนเอง ผ่านไปสักครู่ค่อยสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนขั้นรุนแรงจากผืนดิน ชั่วพริบตาต่อมา ฝูงชนพลันโกลาหลตื่นตระหนก ร้องอุทานตกใจลั่นว่า
“พื้นสั่นสะเทือนจริงด้วย! ต้องมีฝูงสัตว์อสูรกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้! รีบหนีเร็ว! รีบหนีเร็วเข้า!!”
ผู้คนทั้งหลายต่างตื่นตูมฉับพลัน ต่างฝ่ายต่างพาลูกๆ ของตนวิ่งเตลิดหนี กระจัดกระจายไปเสียทุกทิศทางราวกับฝูงมดแตกรัง
“กากา…”
ภายใต้แสงจันทร์เย็นยะเยือก ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องลือลั่นดังมาจากบนฟากฟ้า ฝูงอีกายักษ์ขนาดใหญ่กระพือปีก พุ่งทะยานโฉมใส่ผู้คนในหมู่บ้านเหล่านั้นที่กำลังหนีตาย
คมปากยาวเหลียวแหลมของอีกายักษ์ประดุจหอกดิ่งพสุธาลงมา เจาะทะลวงใส่กลางอกของชาวบ้านผู้โชคร้ายคนหนึ่งจนดับอนาถ ร่างล้มลงกับพื้นแน่นิ่งไปในชั่วพริบตา ภาพฉากดังกล่าวทำให้เกิดเสียงกรีดร้องลั่นจากผู้คนทั่วหมู่บ้านในทันใด
“อย่าได้ตื่นตระหนก! ทุกคน! รีบกลับไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านแล้วปิดประตูหน้าต่างให้สนิท!”
เสียงแผดเย็นยะเยือกดุจเหมันต์พันปีของเซียถงแผดลั่น หยุดเสียงร้องตื่นตูมของเหล่าชาวบ้านหมดจด ชั่วพริบตาที่สิ้นเสียง เหล่าชาวบ้านเห็นเพียง กระแสลมปราณสีม่วงจัดจ้านระเบิดคลั่งจนท้วมท้นบนร่างของหญิงสาว นางกลายร่างเป็นอสนีบาตสายเกรี้ยวกราด พุ่งทะลวงเข้าใส่ฝูงเงามืดทมิฬที่กำลังคืบคลานเข้ามา เสมือนหมาป่าวิ่งไล่ล่าฝูงแกะ
“นายหญิง…”
โม่ซวนร้องอุทาน ชักกระบี่จากฝักข้างเอวขึ้นมา และรีบเร่งฝีเท้าไล่เข้าสมทบอัสนีบาตรสายสีม่วงตรงหน้าทันที
ในเวลานี้ เซียถงเปรียบดั่งมังกรสมุทรที่เพิ่งตื่นจากจำศีล ออกทะเลไล่กรวดล่าฝูงปีศาจ
เซียถงอัญเชิญกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมือ สาดประกายแสงเยียบเย็นฟันวาบ ผ่าซากอีกายักษ์ตนหนึ่งให้ขาดสะบั้นครึ่งซีกในพริบตา
โม่ซวนเหม่อมองเซียถงที่สายร่างแปรไสวเป็นเงาซ้อนสุดแสนพิสดาร ล่าสังหารฝูงอีกายักษ์นับไม่ถ้วนอย่างบ้าคลั่งประดุจยมทูตล่าวิญญาณ ไม่ว่าเงาร่างนี้จะย่างกรายผ่านไปจุดใด หากเป็นคนจะได้รับการช่วยชีวิต แต่หากเป็นสัตว์ พวกมันล้วนถูกสะบั้นบรรลัยสูญ
โม่ซวนเร่งพลังลมปราณถึงขีดสุด พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเข้าใกล้เซียถงให้มากที่สุด เพราะภารกิจของเขาที่ได้รับมา หาใช่การกำจัดฝูงอีกายักษ์กินเนื้อเหล่านี้ แต่เป็นการปกป้องและอารักขาองค์ราชินีแห่งอี้เฉิงนางนี้!
อย่างไรเสีย ถึงแม้ในหน้าที่เขาจะต้องปกป้องเซียถง แต่ ณ ปัจจุบัน ลำพังแค่จะเข้าใกล้นางยังเป็นไปได้ยาก!
“ไม่ต้องห่วงข้า! ตรงนี้เพียงคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว! เจ้ารีบไปปกป้องชาวบ้านโดยเร็ว ให้ทุกคนหนีเข้าหลบภัยในบ้านก่อน!”
เซียถงเหลียวหลังชำเลืองหา พร้อมตะโกนใส่เขาไปคำโต
โม่ซวนดูลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางและรีบวิ่งเข้าปกป้องเหล่าชาวบ้านที่กำลังโกลาหลวุ่นวาย ตะโกนเสียงลือลั่นดังว่า
“ทุกคนตั้งสติ! รีบวิ่งกลับเข้าบ้านช่อง ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท!”