ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 433 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (1)
ตอนที่433 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (1)
ตอนที่433 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (1)
หุหุ หมอนั่นเองรึ
….
แหงนมองขึ้นหน้า แลเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งไปที่อีกฟากฝั่งถนน เซียถงเดินถือกล่องไล่หลังตามออกไป
ตามเด็กหนุ่มตัวน้อยข้ามฟากถนน เลี้ยวออกไปทางหัวมุมถนน เซียถงแลเห็นชายใบหน้าบอบบางและทรงสง่า ชิงเยวี่ย
“เจ้าได้มอบกล่องใบนั้นแก่นางหรือไม่?”
ชิงเยวี่ยเอ่ยถามคำหนึ่งขณะลูบหัวของเด็กคนนั้น
เด็กหนุ่มพยักหน้าและเอ่ยถามด้วยความสงสัยขึ้นว่า
“นี่ พี่สาวคนนี้สวยมากเลย พี่ชายคงชอบนางกระมัง?”
รอยยิ้มที่แขวนประดับใบหน้าชิงเยวี่ยพลันชะงักนิ่ง ปรากฏเป็นแววความเศร้าโศกฉายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาแทน
“พี่ชาย ข้าคิดว่าท่านกับพี่สาวคนนั้นดูเหมาะสมกันอย่างมาก บางที…นางเองอาจมีใจให้ท่านอยู่เช่นกัน!”
เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าตื่นเต้น
รอยยิ้มนั้นของชิงเยวี่ย เพียงได้เห็นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและชดช้อยงดงาม ตบไหล่เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแผ่วเบา แล้วหยิบเหรียญทองออกมาสามเหรียญส่งมอบ เขากล่าวว่า
“นางไม่ได้ชอบข้า และที่สำคัญนางเองก็แต่งงานแล้ว เอานี่รางวัลสำหรับเจ้า ข้าให้พิเศษสามเหรียญทองเลย ไปได้แล้ว”
เด็กหนุ่มคนนั้นรับเหรียญทองเหล่านั้นและวิ่งจากไปทันทีอย่างมีความสุข
ชิงเยวี่ยเหม่อมองโรงเตี๊ยมแห่งนั้นที่เซียถงพักแรมอาศัยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ แล้วเดินหันหลังเตรียมจะจากออกไปอย่างเงียบๆ แต่หลังจากเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ฝีเท้าของเขาพลันชะงักหยุดลงทันที สายตาของเขาสะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงที่กำลังสัญจรไปมาเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
ฝูงชนเหล่านั้นดั่งธารสายชลหลั่งไหล ท่ามกลางผู้คนทั้งมวล ปรากฏหญิงสาวผู้งดงามประดุจราชินีเหมันต์กำลังจับจ้องมองมา
อยู่ละคนฝากฝังตรงข้ามกัน ทั้งสองต่างมองหน้าสบสายตากันอย่างเงียบงัน
“มิได้เจอกันเสียนานเชียว”
และท้ายที่สุด ก็เป็นเซียถงที่เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน
“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องสวมผ้าคลุมหน้าแล้วรึ?”
นี่เป็นประโยคแรกที่ชิงเยวี่ยเอ่ยทักทาม
“ใช่”
เซียถงพยักหน้า และเดินข้ามฟากไปหาชิงเยวี่ย
“เพราะแต่งงานแล้ว ก็เลยไม่จำเป็นต้องปกปิดใบหน้าอีกต่อไป?”
ชิงเยวี่ยเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่”
เซียถงพยักหน้าตอบอีกครา พลางอดนึกถึงรอยยิ้มของไป๋หลี่หานมิได้ รอยยิ้มอันหวานละมุนปรากฏขึ้นบนมุมปากของนางโดยมิทันรู้ตัว เพราะอย่างไร ชายผู้นั้นสามารถปกป้องข้าได้จากทุกสรรพสิ่ง หรือแม้กระทั่งฟ้าฝนพิโรธก็ตามที ดังนั้น นางจึงไม่จำเป็นจะต้องปกปิดใบหน้าที่แท้จริงอีกต่อไป
“ดูเหมือนว่าเจ้ากับราชาหมาป่าสวรรค์จะมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน”
ชิงเยวี่ยยิ้มกล่าวอีกครั้ง
เซียถงระบายยิ้มบาง หาได้เกิดกล่าวอันใดต่อไม่
ชิงเยวี่ยเดินตรงเข้าไปใกล้เซียถง ชำเลืองมองกล่องบรรจุผลจันทร์วารีใบนั้นในมือของนาง เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งว่า
“หลังเจ้าแต่งงานแล้ว พวกเราไม่นับเป็นสหายกันหรอกรึ? ไยไม่เห็นเยี่ยมเยือนข้าเลยทั้งที่มาซีฉิน”
“คงไม่ได้ เกรงว่าจะมิค่อยเหมาะสม”
เซียถงตอบไปตามความจริง เพราะมีหรือที่นางจะไม่รู้ว่า มิตรภาพที่ชิงเยวี่ยมีให้ต่อนางมันหมายความว่าอย่างไร? และอีกอย่าง ตัวนางเองก็ไม่ค่อยอยากทำให้อีกฝ่ายปวดใจเท่าไหร่นัก สู้อย่าเจอกันเลยดีกว่า
“หากข้าไม่บังเอิญเห็นเจ้ามาเข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หรือไม่ส่งคนให้ไปมอบผลจันทร์วารีแก่เจ้า หลังจบงานชุมนุมโอสถ เจ้าคงเดินทางกลับทันทีเลยกระมัง?”
แม้เขาจะหยิบใช้คำว่า ‘บังเอิญ’ แต่เซียถงทราบดี เขาคงมีหน่วยข่าวกรองคอยรายงานการเคลื่อนไหวของนางโดยเฉพาะ มิฉะนั้นแล้ว เมืองซีเยว่ที่ใหญ่โตมโหฬารปานนี้ จะบังเอิญเจอกันได้ง่ายอะไรขนาดนั้น?
นอกจากนี้แล้ว นางเองก็ค่อนข้างกังวลตั้งแต่ต้นแล้วเช่นกัน เพราะการมาที่นี่ มันมีโอกาสเสี่ยงเจอชิงเยวี่ยสูงมาก เพื่อลดโอกาสนั้น เซียถงก็อุตส่าห์เลือกโรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างจากถนนคนเดินเส้นหลักไปไกลโขแล้ว
อย่างไรเสียก็ไม่วายมาเจอกัน
“คงเป็นเช่นนั้น ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อผลบัวศักดิ์สิทธิ์ โรคภัยที่ท่านแม่ของข้ากำลังประสบอยู่จำเป็นจะต้องใช้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว”
สำหรับจุดประสงค์ในคราวนี้ เซียถงไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องเก็บซ่อน จึงบอกกล่าวออกไปตามความเป็นจริง
“ผลบัวศักดิ์สิทธิ์?”
ชิงเยวี่ยย่นคิ้วขมวดเล็กน้อย เงียบไปชั่วครู่จึงกล่าวต่อขึ้นว่า
“นั่นเป็นรางวัลสำหรับผู้คว้าอันดับหนึ่งในงานชุมนุมโอสถไปได้ ดูท่าพวกเราจะเป็นคู่แข่งกัน”
“เจ้าเองก็ลงแข่งขันด้วยรึ?”
เซียถงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน
“ถูกต้อง อย่าลืมไปเสีย ข้าเองก็เป็นนักหลอมโอสถคนหนึ่ง และยังเป็นนักหลอมโอสถของจักรวรรดิซีฉินแห่งนี้อีกด้วย ไม่ว่ากรณีใด ข้าก็จำเป็นต้องเข้าร่วมอย่างหลีกมิได้ และต้องขอแจ้งข่าวร้ายบางอย่างให้เจ้าทราบ ท่านอาจารย์ของข้าเองก็เข้าร่วมงานชุมนุมโอสถในครั้งนี้เช่นกัน”
ชิงเยวี่ยส่งยิ้มให้เซียถง และโบกมือขึ้นชักชวนนางว่า
“มาเถอะ ถึงบนสนามเราจะเป็นคู่แข่ง แต่ยามปกติสุขคือสหายของกันและกัน ให้ข้าเลี้ยงข้าวสักมื้อเถอะ”
เดิมทีเซียถงต้องการจะปฏิเสธคำชักชวนนี้ แต่เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายเอ่ยกล่าวไปดังนั้น ทำเอากลับคำแทบไม่ทัน เพราะนางจำต้องใช้ประโยชน์ระหว่างที่ทานอาหาร เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ของไป๋ปิง
ไป๋ปิงเป็นถึงเซียนโอสถ โอกาสที่จะเอาชนะอีกฝ่ายเรียกได้ว่า แทบเป็นศูนย์ ดังนั้นแล้ว ในระหว่างทานอาหารครั้งนี้ นางจะต้องดึงทุกข้อมูลที่มีประโยชน์ออกจากปากชิงเยวี่ยให้ได้มากที่สุด
ชิงเยวี่ยพาเซียถงมายังภัตาคารแห่งนี้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองซีเยว่ และเปิดห้องอาหารส่วนตัวสำหรับมื้อนี้โดยเฉพาะ
เซียถงวางกล่องบรรจุผลจันทร์วารีในมือลงบนโต๊ะ ส่วนชิงเยวี่ยก็สั่งอาหารมาทั้งหมดสี่จาน ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารเบารองท้อง
“เจ้าต้องลองจานนี้ เต้าหู้เย็น อาหารจานขึ้นชื่ออีกอย่างในซีฉิน มันกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สาวๆ ฟังว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ เห็นริมฝีปากเจ้าดูซีดจาง ควรจะหาอะไรทานเพื่อบำรุงดูหน่อย”
ชิงเยวี่ยใช้ตะเกียบในมือชี้ไปที่จานเต้าหู้เย็นที่อยู่ตรงหน้า
เซียถงมาที่นี่มิได้ใช่เพื่อมากิน นางเงยหน้ามองอีกฝ่ายและเอ่ยถามขึ้นว่า
“ท่านอาจารย์ของเจ้าต้องการผลบัวศักดิ์สิทธิ์ด้วย? นางจะเอามันไปเพื่ออันใด?”
“ท่านอาจารย์มิได้ต้องการผลบัวศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด เพียงเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายเท่านั้น จึงอยากเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถในครั้งนี้”
ชิงเยวี่ยทอดสายตาชำเลืองถนนสายข้างนอก มองผ่านหน้าต่างออกไป
“เจ้าพอจะหยุดนางมิให้เจ้าร่วมการแข่งขันได้หรือไม่? ผลบัวศักดิ์สิทธิ์นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับข้า ในเมื่อ ท่านอาจารย์ของเจ้าไม่ต้องการมัน สู้ให้ข้าได้ไปไม่ดีกว่ารึ?”
เซียถงเอ่ยถามออกไปคำหนึ่ง น้ำเสียงลังเลไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่า อีกฝ่ายจะยอมหรือไม่
ชิงเยวี่ยวางตะเกียบในมือลง ระบายยิ้มจางอ่อนผ่านใบหน้า กล่าวว่า
“เจ้าคิดว่า พอไม่มีท่านอาจารย์ ก็สามารถเอาชนะข้าโดยง่ายกระมัง? อย่าเพิ่งลืมไปเสีย ปัจจุบัน ข้าเป็นปราชญ์โอสถชั้นสูง และอีกไม่นาน ก็จะทะลวงขึ้นกลายมาเป็นเซียนโอสถแล้ว!”
ในความคิดของเซียถง ถึงแม้ชิงเยวี่ยจะเป็นถึงปราชญ์โอสถชั้นสูง แต่อาศัยพลังของเพลิงพิภพเก้าดุษณี นางมั่นใจถึงเก้าในสิบส่วนว่า จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น หากเทียบเจ้ากับท่านอาจารย์ของเจ้า ตัวข้านั้นย่อมรู้สึกกดดันยิ่งกว่าเป็นธรรมดา และที่สำคัญ หากตัดท่านอาจารย์ของเจ้าไป ผู้ชนะในงานชุมนุมโอสถครั้งนี้ไม่เจ้าก็ข้าแน่นอน และหากเจ้าชนะ ข้ายังพอสามารถสรรหาสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกับผลบัวศักดิ์สิทธิ์ได้ ในทางตรงข้าม หากท่านอาจารย์ของเจ้าชนะขึ้นมา ตัวข้าคงไม่มีปัญญาสรรหาสิ่งใดไปแลกเปลี่ยนได้เลย”
เซียถงกล่าวอธิบาย
คราวที่แล้วเพิ่งทะเลาะกับไป๋ปิงไปหมาดๆ กล่าวได้ว่า การพบเจอกันครั้งแรกกลับไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก และหากปล่อยให้หญิงนิสัยประหลาดอย่างนางคว้าชัยชนะ ได้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ไปครอง เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งที่นางจะไปขอมันกลับคืนมา
“ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้ว หลังอาหารมื้อนี้ ข้าจะลองกลับไปเกลี้ยกล่อมท่านอาจารย์ดู”
“ขอบคุณมาก”
เซียถงกล่าว
ชิงเยวี่ยโบกมือปัดและเอ่ยว่า
“ขอบคุณตอนนี้ยังเร็วเกินไป เพราะข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่า จะเกลี้ยกล่อมนางได้สำเร็จหรือไม่ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าควรจะเข้าใจเอาไว้ ในงานชุมนุมโอสถครั้งนี้ นอกจากท่านอาจารย์ของข้าแล้ว ก็ยังมีนักหลอมโอสถทั้งหมดทั้งมวลจากทั่วทุกซอกทุกมุมในทวีปเทียนหลางที่เข้าร่วมการแข่งขัน กล่าวได้เต็มปากเลยว่า นี่คือชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์อย่างแท้จริง ดังนั้นอย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด”