ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 434 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (2)
ตอนที่434 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (2)
ตอนที่434 ไป๋ปิงเข้าร่วมการแข่งขัน (2)
“ข้าทราบ แต่ภัยคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวที่สุดสำหรับข้า ยังไงเสียก็คือท่านอาจารย์ของเจ้า”
ดวงตาเซียถงทอแสงประกายเปล่งปลั่ง เปี่ยมล้นไปด้วยแววความมั่นใจ สิ่งนี้ยิ่งทวีความทรงเสน่ห์ของนางให้ดูงดงามขึ้นหลายเท่าตัว นักหลอมโอสถที่มีชื่อเสียงด้านความเก่งกาจที่สุดในทวีปเทียนหลาง ยังไงก็คงหนีไม่พ้นหญิงสาวที่ชื่อ ไป๋ปิง เว้นเสียแต่นางคนเดียว ในสายตาเซียถงไม่กลัวใครนักหลอมโอสถหน้าไหนทั้งนั้น
“ช่างมั่นใจโดยแท้”
ร่องรอยความประหลาดใจเฉิดฉายออกมาผ่านดวงตาคู่นั้นของชิงเยวี่ย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า นางเป็นคนที่มีความมั่นใจและทะนงตนเกินกว่าใครจักเทียบเคียงได้ กอปรกับความงามเกินอิสตรีใดครอบครอง และบางทีความมั่นใจนี้อาจเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนาง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เซียถงและชิงเยวี่ยก็พากันเดินจากภัตาคารมา
โม่ซวนรออยู่ที่หน้าประตูภัตตาคารอยู่แล้ว
“นายหญิง นายท่านเพิ่งส่งจดหมายมาบอกว่า เขากำลังเดินทางมาที่ซีฉินในอีกไม่ช้านี้ ดังนั้นโปรดอย่าได้กังวล”
โม่ซวนชำเลืองหางตาใส่ชิงเยวี่ยอยู่วาบหนึ่ง ประกายแสงพิฆาตพลันส่องสว่างขึ้นในดวงตาของเขาทันใด เพราะก่อนที่จะออกเดินทาง นายท่านของเขาได้กำชับภารกิจข้อที่สามไว้แก่เขาอย่างชัดเจน นั่นก็คือ ห้ามไม่ให้ภรรยานายท่านและองค์รัชทายาทแห่งซีฉิน ชิงเยวี่ยติดต่อเจอกันโดยเด็ดขาด
“เข้าใจแล้ว”
เซียถงเดินจากภัตาคารไป
“เซียถง เจ้าลืมสิ่งนี้เอาไว้”
ชิงเยวี่ยกล่าวหยุดนางเอาไว้ พร้อมยื่นกล่องบรรจุผลจันทร์วารีใบนั้นส่งให้
เซียถงหยิบกล่องบรรจุผลจันทร์วารีเก็บกลับมา และพยักหน้าขอบคุณเบาๆ ทีหนึ่ง
“ท่านองค์รัชทายาทแห่งซีฉิน นายหญิงเซียถงนางนี้ มีศักดิ์เป็นพระชายาเอกของท่านราชาหมาป่าสวรรค์ ถือเป็นองค์ราชินีแห่งดินแดนอี้เฉิงของเรา จะอย่างไรโปรดใช้คำเรียกที่ดูเหมาะสมกว่านี้จะดีกว่า”
โม่ซวนออกหน้าขึ้นประจันกับชิงเยวี่ยระยะเผาขน สายตาของเขามุ่งจับจ้อง ทำราวกับอีกฝ่ายเป็นโจรชั่ว
ชิงเยวี่ยหาได้เกรงกลัวโม่ซวนไม่ เพียงระบายยิ้มบางพลางโค้งศีรษะให้เซียถงอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเอ่ยกล่าวฟังดูสุภาพมากขึ้นหนึ่งส่วน
“กลับเป็นข้าที่เสียมารยาทแล้ว โปรดอภัยด้วยองค์ราชินีแห่งอี้เฉิง
เซียถงถึงกับมองค้อนใส่โม่ซวนไปทีหนึ่ง สีหน้าแววตาปนแววไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เฉพาะเวลานี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า เหตุใดไป๋หลี่หานถึงส่งชายคนนี้ให้ติดตามมาพร้อมกับนาง นั่นก็เพื่อปกป้องศัตรูหัวใจมิให้เข้ามายุ่มย่ามกับภรรยาของตนนี่เอง
“องค์รัชทายาทชิงไม่จำเป็นต้องสุภาพ ก็แค่ชื่อศักดิ์ไร้สาระที่ผู้คนมโนขึ้นมา อยากเรียกอะไรก็เชิญได้ตามต้องการ จะอย่างไรพวกเราก็สหายกัน”
เซียถงเน้นเสียงหนักกล่าวเสียดสีใส่ทางโม่ซวนไปคำโต
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นแล้ว องค์ราชินี ข้าขอตัวก่อน”
ชิงเยวี่ยกล่าวคำอำลา ทั้งยังทิ้งท้ายด้วยอากัปกิริยาแสนสุภาพตามแบบฉบับตัวเขา
เซียถงรอจนกว่าชิงเยวี่ยจะเดินลับจากไป ก่อนจะหันศีรษะขวับมองค้อนใส่โม่ซวนอย่างแรง ก่นเสียงเย็นชืดกล่าวขึ้นว่า
“นายท่านของเจ้าคงสั่งให้มาคุมประพฤติข้าด้วยกระมัง?”
“เรียนนายหญิง นายท่านกำชับไว้ว่า ห้ามให้ชายคนใดเข้าพัวพันกับท่านโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งชวนสนทนาก็ตามที หลังจากนี้ข้าจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น จะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง มิอาจปล่อยให้ชายใดเที่ยวรังควานท่านได้อีก”
โม่ซวนกล่าวยอมรับตามตรงอย่างมีมารยาท
“เจ้านี่ก็ซื่อสัตย์ไม่เข้าเรื่อง”
กล่าวจบ เซียถงก็หันหลังเดินจากไป
โม่ซวนเดินตามนางไปต้อยๆ พร้อมกล่าวขึ้นอีกว่า
“เอ่อ.. หากนายท่านเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ข้า..คงต้องรายงานไปตามจริง นายหญิงโปรดเข้าใจด้วย”
ขณะที่พูดออกไปแบบนั้น เนื้อตัวของเขาก็สั่นเทาเล็กน้อย คล้ายมีอาการกล้าๆ กลัวๆ
นายท่านของเขาอุตส่าห์ใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะพิสูจน์ความรักที่มีต่อนายหญิงให้เห็นได้ ดังนั้นแล้ว ในฐานะของผู้ใต้บัญชาคนสนิท หากเขาไม่ทำอะไรเลยคงจะดูแย่เกินไป
โม่ซวนเชื่อมั่นในตัวนายหญิงของเขาดีว่า นางจะไม่มีวันปันใจให้ชายอื่น แต่สำหรับชายอื่นที่พยายามเข้าหานางกลับไม่ไว้ใจแม้สักคน ดังนั้น หากเกิดอะไรขึ้น เขาจำเป็นจะต้องรายงานไปตามความจริงทั้งหมด เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาบานปลายในภายหลัง
เซียถงได้ยินดังนั้นพลันอดเบาะปากคว่ำใส่มิได้ ไป๋หลี่หานนี่ก็รู้จักเลือกใช้คนดีจริงๆ
แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะดูจู้จี้จุกจิกไปบ้าง แต่อีกฝ่ายก็ทำไปเพราะรักและห่วงใยกันทั้งนั้น
อีกสองวันต่อมา หยุนซีปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเซียถง
ทันทีที่เซียถงเปิดประตูต้อนรับ หยุนซีก็พุ่งพรวดเข้ามากอดแขนนางไว้แน่น เอ่ยถามอย่างตื่นตกตื่นเต้นขึ้นว่า
“เจ้าสามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้แล้วรึ?!”
“ข้าดัดแปลงสูตรไปแล้วเสร็จกว่าเก้าส่วน ส่วนเรื่องความมั่นใจยังครึ่งต่อครึ่ง”
เซียถงกล่าว
ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคู่นั้นของหยุนซีพลันเปียกชื่นคล้ายจะมีน้ำตา กอดแขนเซียถงกระชับแน่นยิ่งขึ้น รำพึงกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
“ในที่สุดก็สำเร็จ! ในที่สุดก็ทำได้แล้ว!!”
“อาจารย์ อย่าเพิ่งคาดหวังขนาดนั้น สูตรที่ข้าดัดแปรงอาจใช้ไม่สำเร็จก็เป็นได้ สิ่งนี้อาจถูกหลักการทางทฤษฎี แต่ภาคปฏิบัติยังไม่ทราบ เช่นนั้นแล้ว ท่านเองก็ควรเผื่อใจเอาไว้บ้าง”
เซียถงรีบเร่งกล่าวเตือนออกไปโดยไว
เพราะยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนางเองก็ไม่อยากล้มเหลวจนต้องทำให้หยุนซีต้องทุกข์ใจหนัก
“ไม่ล้มเหลวแน่นอน! มันต้องไม่มีทางล้มเหลว! ไม่มีทาง…”
ประกายแสงความตื่นเต้นที่ฉายแววเป็นลิงโลดในดวงตาหยุนซีพลันจางอ่อนลงทันใด เนื้อตัวสั่นเทาหยุดไม่ได้ สีหน้าท่าทางชักจะวิตกเป็นกังวลขึ้นมา เอ่ยย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ราวกับคนเสียสติ ภาพฉากดังกล่าวใครเห็นต่างรู้สึกสะท้อนใจ
“แต่หากล้มเหลว ข้าก็ยังไม่ล้มเลิกแน่นอน จะดัดแปรงสูตรต่อไปจนกว่าจะหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าให้จงได้ อาจารย์ เงินทองที่ข้าเคยติดหนี้ท่านไว้ตั้งมากมาย หวังว่าโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าดังกล่าวจะสามารถหักล้างกันได้?”
เซียถงจับกุมมืออีกฝ่าย กล่าวขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น
“เจ้า…เจ้าจะช่วยข้าหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าจนกว่าจะสำเร็จจริงๆ ใช่ไหม? จะช่วยเหลือจนกว่าจือหยวนจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ ใช่หรือไม่??”
ในที่สุดหยุนซีก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อยู่อีกต่อไป นางทรุดตัวลงอยู่ในท่าคุกเข่า กอดแข้งกอดขาของเซียถงทั้งที่ร้องไห้อยู่แบบนั้น
“ใช่ จนกว่าจือหยวนของท่านจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”
เซียถงพยักหน้าตอบ แววตาหม่นประกายเศร้าโศกลงหนึ่งส่วน
“ขอบคุณ! ขอบคุณเจ้ามาก! ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!! เรื่องที่เจ้าเป็นหนี้ช่างมันไปเถอะ แค่ทำให้จือหยวนลืมตาตื่นขึ้นได้อีกครั้ง ต่อให้เจ้าต้องการสิ่งใดข้าก็ยอม!”
หยุนซีพยุงตัวลุกขึ้นและสวมกอดเซียถงแนบแน่น หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก ทั้งสองค่อยจูงมือกันเข้าไปในห้องพัก
หยุนซีนำวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับการหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้า มาสุมรวมกันอยู่บนโต๊ะต่อหน้าเซียถง จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันนับวัตถุดิบเหล่านั้นอย่างละเอียดมิให้ขาดตกไป
“อาจารย์ ยังขาดยอดบัวสมุทรอีกจำนวนหนึ่งเลย”
เซียถงเงยหน้าขึ้นกล่าวหลังจากที่นับเสร็จ
ยอดบัวสมุทรนับเป็นสมุนไพรธาตุน้ำที่หาได้ยากมาก หยุนซีมุ่นคิ้วแน่นกอดอก เหม่อมองเซียถงอยู่สักครู่แต่มิได้พูดอะไรสักคำ
“ยอดบัวสมุทรเป็นสมุนไพรที่หายากมาก กระทั่งศิษย์เองก็ยังไม่เคยพบเจอมันสักระยะใหญ่แล้ว ดูท่าการจะหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าอาจทำได้ช้าลง…”
เซียถงพลิกกองวัตถุดิบตรงหน้าไปมาอยู่หลายครา แต่ดูเหมือนว่าจำนวนของยอดบัวสมุทรยังคงขาดตกไปหลายชิ้น ไม่เพียงพอต่อการหลอมกลั่น
“ข้ารู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหนอีก เจ้ารอนี่แหละ เดี๋ยวข้าไปหยิบมา”
สิ้นเสียงกล่าวจบ หยุนซีก็ลุกขึ้นยืนและหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
“อาจารย์จะไปไหน?”
เซียถงรีบลุกติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“จะต้องมียอดบัวสมุทรในมือนังนั่นอีกแน่นอน ข้าจะไปขโมยมันมาจากไป๋ปิง!”
หยุนซีกล่าวตอบน้ำเสียงเด็ดขาด โดยไม่เหลียวหลังหันกลับมามองสักนิด
ไป๋ปิง?
มันก็ใช่ คนที่ต้องการจะหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าเหมือนกัน ย่อมมียอดบัวสมุทรเก็บไว้อยู่ในตัว แต่อีกฝ่ายเองก็ดูจะจงเกลียดจงชังหยุนซียิ่งกว่าอะไรดี เกรงว่างานนี้ หากปล่อยหยุนซีไปคนเดียว อาจได้ฆ่าฟันกันตายไปข้าง
คิดได้ดังนั้นเซียถงรีบเร่งฝีเท้าติดตามหยุนซีออกไปทันที