ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 435 ปะทะไป๋ปิง (1)
ตอนที่435 ปะทะไป๋ปิง (1)
ตอนที่435 ปะทะไป๋ปิง (1)
“อาจารย์ ไฉนมิให้ข้าออกไปหาไป๋ปิงแทน? เดี๋ยวทางนี้เบี่ยงความสนใจให้เอง ส่วนท่านลอบไปขโมยสมุนไพรในบ้านของนาง”
เซียถงรีบวิ่งไปหยุดเซียถงและกล่าวนำเสนอแผนการตัวเอง
หยุนซีตาเป็นประกายขึ้นทันควัน ยกแขนขึ้นโอบไหล่เซียถง กล่าวรอยยิ้มกริ่มขึ้นว่า
“ใช่แล้ว! เจ้านี่มันฉลาดเป็นกรด! หาลู่ทางหลอกล่อไป๋ปิงให้ออกห่างจากห้องหลอมโอสถที่มันคลุกตัว ส่วนข้าจะลอบเข้าไปหายอดบัวสมุทรเอง”
ทั้งคู่พูดคุยถึงแผนการลงมืออยู่สักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปทำตามหน้าที่ เซียถงพาโม่ซวนเดินทางไปยังคฤหาสน์ของชิงเยวี่ย เพื่อวานให้อีกฝ่ายพานางไปยังกระท่อมไม้ของไป๋ปิง
เซียถงเคยเดินทางไปยังกระท่อมไม้หลังโทรมที่ไป๋ปิงอาศัยอยู่ในครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งในคราวนี้ก็ยังดูเก่าและทรุดโทรมไม่ต่าง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ประตูรั้วด้านหน้าก็ยังเปิดอ้าซ่าไม่เคยปิด ทั้งสองเดินเข้าไปในลานหน้ากระท่อมโดยตรง
ชิงเยวี่ยตะโกนเรียกอยู่สองสามครา ทว่าไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ จึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปเปิดประตู ย่างเท้าก้าวเข้าไป
แต่เสี้ยวขณะที่เขายกเท้าผ่านบานประตูเข้าไป จู่ๆก็มีสิ่งของบางอย่างพวยพุ่งออกมาจากด้านใน เซียถงที่ยืนกำกับอยู่ท้ายหลังรีบกระชากตัวอีกฝ่ายหลบเลี่ยงเจ้าสิ่งนั้นโดยไว พร้อมยกมือขวาขึ้นคว้าวัตถุปริศนาที่บินเข้าใส่ได้อย่างแม่นยำ ปรากฏว่าเป็นมีดเล่มเหลียวแหลมที่ใช้สำหรับหั่นสมุนไพร
ชิงเยวี่ยเหลือบมองมีดเล่มคมกริบสะท้อนแสงเย็นแวววับ เหงื่อเย็นรินหยดลงมาจากบนหน้าผากของเขาดังติ๋ง หากเมื่อสักครู่ เซียถงดึงตนเองออกมาไม่ทัน เกรงว่าศีรษะคงถูกมีดเล่มนี้ปักทะลุเป็นรูนานแล้ว เกือบได้ไปดื่มน้ำชากับยมบาล…
“ไอ้หนู ข้าบอกแล้วไง ช่วงนี้อย่ามารบกวนข้า!”
สุ้มเสียงของไป๋ปิงแผดดังลั่นจากภายในกระท่อมอย่างหมดความอดทน
“ท่านอาจารย์ เซียถงมาขอเข้าพบขอรับ!”
ชิงเยวี่ยระงับความตื่นตระหนกลงภายในใจ ปาดเช็ดเม็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก สูดหายใจแช่มลึกอยู่หลายรอบก่อนจะกลายสู่สภาวะนิ่งสงบดังเดิมอีกครั้ง
“หื้ม? ไม่ต้องพามันมาที่นี่! ก็เคยบอกไปแล้วมิใช่รึ? รีบไล่มันออกไปซะ! ข้าไม่อยากเห็นหน้ามัน!”
ฟังจากน้ำเสียง ไป๋ปิงชักจะหมดความอดทนจริงๆเข้าให้แล้ว ยามใดที่ได้ยินถึงเซียถง เจ้าลูกศิษย์ของไอ้ตัวบัดซบหยุนซี นางก็มักจะรู้สึกหงุดหงิดร้อนใจขึ้นทันใด
ชิงเยวี่ยหันไปจ้องหน้าเซียถง รอยยิ้มดูค่อนข้างเหยเก
สำหรับคำไล่ตะเพือดไสส่งของไป๋ปิง เซียถงหาได้นำพามาใส่ใจไม่ โยนมีดเล่นนั้นช่างน้ำหนักเล่นไปมาอยู่ในมือสักครู่ เพียงเสี้ยวพริบตา นางเขวี้ยงมันออกไปข้างหน้าสุดแรงราวกับปาหอก และกล่าวขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า
“ท่านปรมาจารย์ไป๋ ข้ามาคราวนี้ มีสิ่งดีติดไม้ติดมือมาให้ด้วย ท่านน่าจะสนใจอย่างยิ่ง”
ก่อนจะสิ้นเสียงกล่าวจบ ก็มีของอีกสิ่งบินออกมาจากภายในกระท่อมไม้
เซียถงพลิกแขนเสื้อเบี่ยงตัว เอื้อมมือขวาขึ้นตั้งรับอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าคราวนี้เป็นจอบขุดสมุนไพรที่ถูกโยนออกมา หวังจะเจาะกะโหลกศีรษะของนาง
“ไสหัวไปให้พ้น! ไม่ว่าเจ้าหรือนังหยุนซีมันก็พวกเดียวกัน! หากเจ้ายังไม่รีบออกไป ก็อย่าหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”
เสียงตะโกนของไป๋ปิงดังสนั่น ทั้งเย็นชาและแข็งกร้าวดุดัน
ชิงเยวี่ยเหลือบสายตามองจอบขุดสมุนพไพรที่เซียถงคว้าจับเอาไว้ได้ทัน ธารเหงื่อเย็นถึงกับไหลพลั่กท่วมทั้งหน้าผากของเขาอีกครั้ง ท่านอาจารย์ของเขาเจตนาฆ่าแกงกันอย่างชัดเจน!
“ท่านปรมาจารย์ไป๋ ตอนนี้ข้ามีเพลิงพิภพเก้าดุษณีฉบับสมบูรณ์อยู่ในครอบครองแล้ว เจ้านี่พอจะทำให้ท่านสนใจได้บ้างหรือไม่?”
เซียถงคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ จึงหยิบไม้เด็ดออกมาใช้โดยไม่รีรอ
ในเมื่อเป็นนักหลอมโอสถเหมือนกัน ใครบ้างจะสามารถทนต่อแรงดึงดูดของเพลิงพิภพเก้าดุษณีได้ไหว?
อย่างที่คิดไว้ สุ้มเสียงอีกฝ่ายแผ่วอ่อนลงทันใด ประตูด้านในสุดของกระท่อมไม้เปิดออก พร้อมกลิ่นสมุนไพรฟุ้งตลบ อบอวลไปทั่วอากาศ ยืนกอดแผ่นอกหลังพิงประตู เหล่สายตามองมาที่นาง
“เจ้าได้ครอบครองเพลิงพิภพเก้าดุษณีที่สมบูรณ์มาแล้ว?”
นางกล่าวพร้อมคู่สายตาสุดรังเกียจที่เพ่งเล็งเข้าใส่ อย่างไรก็ไม่สามารถปิดบังความเหลือเชื่อผ่านใบหน้าได้
เซียถงหาใช่แค่กล่าวลอยๆ ฝ่ามือของนางหงายแบขึ้นต่อหน้า หนึ่งเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ ปรากฏเปลวเพลิงสีทองอร่ามสดใสลุกโชติช่วงขึ้นทันใด ไป๋ปิงยืนตัวแข็งสะดุดสายตากับสิ่งนี้เข้าอย่างจัง
ชิงเยวี่ยเองก็จับจ้องมาที่เซียงด้วยความตื่นตกใจ นางในเวลานี้ได้ครอบครองเพลิงพิภพเก้าดุษณีในตำนานอย่างแท้จริงแล้ว?
“ท่านปรมาจารย์ไป๋ เชื่อข้ารึยัง?”
เซียถงเขย่าเปลวเพลิงบนฝ่ามือเบาๆ ส่งยื่นออกไปให้ไป๋ปิงมองถนัดชัดแจ้งยิ่งขึ้น
“จริงหรือนี่…มันคือเพลิงพิภพเก้าดุษณีในตำนาน!?”
ไป๋ปิงพยายามยื่นนิ้วเรียวยาวของตนเข้าสัมผัสกับเปลวเพลิงสีทองอร่ามบนฝ่ามือเซียถง ทว่าเข้าใกล้ได้ไม่ทันไร กลับได้กลิ่นย่างเนื้อลอยลิ่วขึ้นในอากาศ
ปลายนิ้วเรียวสวยของไป๋ปิงไหม้เกรียมเป็นสีดำ ทว่าเจ้าตัวหาได้คำนึงสนใจไม่ นางรีบวิ่งเข้ามาคว้าไหล่ของเซียถงด้วยความตื่นอกตื่นเต้น ร้องอุทานเสียงดังด้วยความประหลาดใจว่า
“ให้ข้ายืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีเถอะ! เจ้าจะให้ข้ายืมหรือไม่?”
“ท่านปรมาจารย์ไป๋ ต้องการหยิบยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีของข้า?”
เซียถงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋ปิงรีบพยักหน้าตอบสนองโดยไว สีหน้าการแสดงออกดูตื่นเต้นร้อนใจจนประหม่า กล่าวขึ้นต่อทันทีว่า
“ตราบใดที่เจ้ายอมให้ข้าหยิบยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณี ข้า…ข้าจะรับเจ้ามาเป็นศิษย์เอกเลย! เจ้าจะได้เสพสุขกับโอสถระดับสูงมากมายไม่มีขาดมือแน่นอน!”
“เช่นนั้นขอครุ่นคิดสักครู่”
เซียถงยกมือขึ้นแตะคาง แหงนมองเพดานอย่างครุ่นพินิจไตร่ตรอง
หาใช่เรื่องใหญ่อันใดเลยสำหรับการให้ไป๋ปิงหยิบยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีไปใช้งาน เพียงแต่เซียถงตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับยอดบัวสมุทร อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้หยุนซีลอบไปขโมยออกมา
เซียถงทำเป็นตัดสินใจได้ในที่สุด หุบฝ่ามือเก็บเปลวเพลิงสีทองอร่ามกลับไป และกล่าวกับไป๋ปิงว่า
“เรื่องขอเป็นศิษย์เอกของท่านเกรงว่าจะไม่เหมาะสม ข้าคนนี้มีคุณสมบัติต่ำต้อยเกินไป เช่นนั้นแล้วเปลี่ยนไปแลกกับอย่างอื่นแทนได้หรือไม่?”
“ต้องการอะไรล่ะ?”
ไป๋ปิงจับจ้องเซียถงตาไม่กะพริบอย่างตื่นอกตื่นเต้น
“ยอดบัวสมุทร ข้ากำลังหลอมกลั่นโอสถเสริมพลังอยู่ในขณะนี้ และต้องการสมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างมาก”
แต่เมื่อไป๋ปิงได้ยินดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของนางกลับมืดทมิฬลงในทันใด เรียวนิ้วทั้งห้ากระชับกำหมัดแน่น ใช้มืออีกข้างไปกระชากคอเสื้อเซียถงทันทีประดุจสายฟ้า แผดเสียงคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“อย่าคิดว่าข้าโง่ไปหน่อยเลย! เจ้ากับอีนังหยุนซีกำลังวางแผนกันใช่หรือไม่! คิดจะช่วยนางหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้า? น้ำหน้าอย่างมันหรือจะสามารถ? อย่าได้หวัง! ไม่มีใครอีกแล้วบนผืนพิภพแห่งนี้ ที่สามารถหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าได้นอกจากข้า!”
เซียถงคาดไม่ถึงเช่นกันว่า ไป๋ปิงจะอารมณ์ผันผวนรุนแรงปานนี้ ชั่วพริบตาที่นางรู้ตัวว่าต้องหลบ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายคว้าคอเสื้อกระชากขึ้นลอยกลางอากาศเสียแล้ว
ดวงตาคู่เย็นยะเยือกประดุจหุบเขาเหมันต์พันปีของเซียถงจ้องเขม็งมองอีกฝ่าย พริบตาขณะ ปรากฏคมเข็มเงินสองเล่มถูกยิงออกมาจากใต้แขนเสื้อเซียถง มุ่งเป้าหมายเข้าใส่ใบหน้าของไป๋ปิง
ด้วยความตกใจ ไป๋ปิงรีบคลายมือโบกสะบัดแขนเสื้อเพื่อปัดป้อง เซียถงใช้ประโยชน์จากเสี้ยวจังหวะนี้ เร่งความเร็วสุดขั้วตีระยะออกห่าง แรกปลายเท้าสัมผัสกับพื้น นางรีบดีดตัวปราดถอยไปกว่าหลายสิบก้าว บังเกิดภาพซ้อนประดุจภูตผี
คมแสงเย็นเยียบสว่างวาบพุ่งเฉียดหัวไหล่ไป๋ปิง เพียงพริบตาต่อมา บริเวณหัวไหล่ที่ว่าก็เกิดบาดแผลและมีเลือดไหลซิบออกมาทันที
“สาวน้อย หลายปีที่ผ่านมา เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าบาดเจ็บได้!”
ไป๋ปิงเหลือบมองบาดแผลบริเวณหัวไหล่ของนาง อึดใจต่อมา รัศมีจิตสังหารปริมาณเข้มข้นก็ฉาบคลุมไปทั่วใบหน้า
“ใครล้ำเส้นทำให้ข้าขุ่นเคือง ย่อมต้องได้รับผลที่ตามมา”
เซียถงแผดน้ำเสียงเย็นชืด สบสายตาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่มีกลัวเกรงใดๆ
“ได้! เช่นนั้นแล้ว วันนี้เจ้าก็เตรียมตัวตาย! จากนั้นข้าจะตามไล่ฆ่านังสารเลวหยุนซี ส่งมันลงนรกไปตามเจ้าทีหลัง!”
ไป๋ปิงสูดไอเย็นแช่มลึก ชูมือข้างหนึ่งขึ้นมา พริบตาปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่งขึ้นในมือ ทั่วทั้งใบกระบี่เปล่งแสงสว่างสีน้ำเงินคราม คาบคลุมด้วยกระแสลมปราณสีม่วงบริสุทธิ์ประกายเงินแสนแพรวพราว