ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 44 เซียถงคว้าชัย (2)
ตอนที่44 เซียถงคว้าชัย (2)
ท่ามกลางความประหลาดใจ รัศมีคลื่นแสงสีทองคำอันตรธานหายไป ปรากฏเรือนร่างพราวเสน่ห์อยู่เบื้องหน้าของเขา ชูเชิดกระบี่ในมือ ใบคมฉายแววสะท้อนแสงตะวันเปล่งประกายเป็นสีทองอ่อนทั้งเล่ม หญิงสาวในชุดแพรพรรณเขียว ยืนนิ่งช่างดูเฉยเมยไม่แยแส จับจ้องกระบี่เล่มสีทองคำในมืออย่างเสน่ห์หา เสมือนกับนางพญามารที่เพิ่งหลุดออกจากขุมนรกทั้งเก้า
“ข้าชนะการประลองนี้แน่นอน!”
นางกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ ร่างเพรียวบางเหาะลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย ระหว่างกึ่งกลางสวรรค์และพิภพ ผมเผ้ายาวโบกสะบัดโบยบิน สายตาเผยปรากฏร่องรอยความหยิ่งผยองอยู่เปี่ยมล้น
หลัวซีอดกระชับกำกุหลาบในมือแน่นมิได้ อาศัยแรงแกว่งบิดข้อมือเล็กน้อย กลีบกุหลาบใหญ่ทั้งสามที่ยังติดสอย ยามนี้ได้ร่วงโรยลงมา ก่อนจะแตกแขนงแยกกลายเป็นกลีบกุหลาบอีกนับหลายสิบ รวมกับกลีบกุหลาบชุดก่อนหน้าก็นับหลายร้อย ทั้งหมดแปรสภาพประดุจลำแสงสีเงินนับไม่ถ้วน หลอมรวมเข้ากับกิ่งเปล่าในมือจนก่อเกิดเป็นกระบี่สีเงินปรากฏขึ้นมา
เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่เขาไม่เคยเปลี่ยนรูปแบบการใช้ จากกุหลาบกลายมาเป็นกระบี่เหล็กไหลเย็น
กล่าวได้ว่า กุหลาบเปรียบเสมือนความปรานี แต่เมื่อใดที่เปลี่ยนเป็นกระบี่เหล็กไหลเย็น นั่นคือความตาย!
เมื่อจับจ้องไปยังหญิงสาวเบื้องหน้า ภายในใจของหลัวซีพลันรู้สึกสั่นระรัวเล็กน้อย
คราวนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องต่อสู้เต็มกำลังแล้วจริงๆ
เซียถงเองที่เห็นหลัวซียกกระบี่เหล็กไหลเย็นในมือเชิดขึ้นมา ลูกตาพลันหดวูบในทันใด คู่เท้าที่ย่างเหยียบบนพื้นของนางออกแรงแทบกระตุกวาบ กระชับกระบี่ทองอำพันในมือขึ้นเตรียมสัประยุทธ์เต็มรูปแบบ เงาร่างหญิงสาวเบื้องหน้าหลัวซีอันตรธานหายวับ ทิ้งทวนเหลือแค่ประกายแสงสีครามฟ้าจางๆ
ฝูงชนทั้งหลายต่างตะโกนลั่นกรีดร้อง หลากอารมณ์ครบรสกลมกล่อม ในทางด้าน ไป๋หลี่หานยังคงนิ่งเงียบอยู่บนเก้าอี้สูง ชั่วครู่ต่อมา เพียงลุกขึ้นยืนหยัด ดวงตาคู่เรียวเฉี่ยวคมเฝ้ามองติดตามประกายแสงสีครามฟ้าสายนั้นที่เร็วจนคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้
แต่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดกลับหาใช่เรื่องความเร็ว…
ภายในประกายแสงสีครามฟ้าสายดังกล่าวคล้ายกับว่ามีธารแสงสีเหลืองระยิบระยับอยู่รางๆ
วรยุทธ์?
นางรู้วรยุทธ์จริงๆ น่ะรึ?
กว้านสายตามองทั่วทั้งทวีปแห่งนี้ มีเพียงสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่ซุกซ่อนวรยุทธลับสุดยอดอันแข็งแกร่งเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือท่านตาของเซียถง ส่วนอีกสามตระกูลล้วนหายสาบสูญโดยสิ้น และเพราะแบบนี้เองทำให้วรยุทธ์แขนงรองลงมา หรือที่เกี่ยวข้องกับสี่ตระกูลใหญ่ทั้งหมดหายสาบสูญแทบไม่เหลือตามกันไป ส่งผลให้คัมภีร์วรยุทธ์ที่ยังเหลืออยู่ส่วนน้อย กลายมาเป็นสมบัติที่แสนหายากยิ่งและยังเป็นสิ่งที่พวกราชวงศ์ต้องการครอบครองที่สุด เพื่อรักษาอำนาจของตนเอาไว้ให้อยู่ตราบชั่วฟ้า
ขณะที่หลัวซีกำลังยกกระบี่ขึ้นปะทะ เขาเองก็สังเกตเห็นธารแสงสีเหลืองระยิบระยับจางๆ อยู่ภายในประกายแสงสีครามฟ้าเช่นกัน เขาอดตะลึงมิได้
หญิงสาวนางนี้รู้จักวรยุทธ์ด้วยงั้นรึ?!
ก่อนที่เขาจะฟื้นสติตื่นขึ้นจากความคิด ร่างของเซียถงก็ลุถึงเบื้องหน้าเรียบร้อยแล้ว กระบี่ยาวสาดแสงประกายทองอร่าม ฟาดฟันเข้าใส่จากบนลงล่าง แต่จะอย่างไร หลัวซีเองก็หาใช่พวกชนชั้นกินเจไม่ ปฏิกิริยาของเขาเองก็นับว่าเร็วมาก พอเห็นแบบนั้นก็รีบเร่งวาดกระบี่สีเงินเข้าปะทะ หากช้าลงกว่านี้อีกเพียงเสี้ยวอึดใจ เกรงว่าอาจถึงตายหรือไม่ก็สาหัสหนัก
ตัวคมกระบี่สามารถต้านรับไว้ได้ทันก็จริง แต่รัศมีจิตสังหารแห่งกระบี่นับว่ารุนแรงเกินคาด ถึงขั้นที่ว่ากรีดเสื้อคลุมม่วงของเขาจนขาดครึ่ง ธารเลือดสีแดงพุ่งกระเซ็นออกมาเล็กน้อยจากท่อนอก
ทั้งสองรีบตีระยะถอยจากออกไปกันโดยไว ยืนตระหง่านกระชับกระบี่เล่มสีเงินล้วนในมือ หลัวซีกดสายตามองคราบเลือดบริเวณท่อนอกของตนเอง ทันใดนั้น แสงสว่างขุมหนึ่งปะทะโชติช่วงโหมขึ้นมาจากเบื้องลึกในแววตา
บนร่างกายจากที่มีเพียงรัศมีคลื่นแสงสีครามอมม่วงคลุมครอบ ยามนี้พลันปรากฏประกายแสงสีเหลืองอำพันเจิดจรัสฉายออกมา ที่ทั้งใส่บริสุทธิ์และละเอียดงดงามเสียยิ่งกว่าของเซียถง
ดาบเหล็กไหลเย็นเฉียบแผดไอหนาวเหน็บ หลัวซีลากปลายกระบี่กรีดพื้นยาว กวาดเข้าใส่เซียถง ความเร็วสูงสุดประเจสายอสนีบาต,อสุนีบาต
วรยุทธ!
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน วันนี้เขาต้องสำแดงใช้วรยุทธเพื่อต่อสู้กับหญิงสาวนางหนึ่งจริงๆ!
เมื่อเห็นหลัวซีงัดเอาวรยุทธ์ขึ้นมาใช้งาน บรรดาสตรีงามชุดแดงทั้งสี่ที่เฝ้ามองอยู่ทางไกล ถึงกับบังเกิดความประหลาดใจอยู่ยิ่งยวด เผยสะท้อนออกมาจากดวงตา
ต้องเป็นใครกันถึงสามารถบีบบังคับให้นายน้อยของพวกนางสำแดงใช้วรยุทธ์ขึ้นมาได้?
ก่อนหน้านี้ นายน้อยเคยถูกตักเตือนมิให้แสดงใช้วรยุทธ์ออกมาต่อหน้าสาธารณชน หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ
พวกนางเองก็ติดตามรับใช้นายน้อยมาหลายปีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่ได้เห็นเขาหยิบใช้วรยุทธ์ออกมา
แต่พอพวกนางหันไปเห็นธารแสงสีเหลือประกายจางที่พวยพุ่งออกมาจากร่างหญิงสาวในชุดแพรพรรณสีเขียว ทั้งสี่ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้นอีกครา ปรากฏว่าหญิงสาวร่างผอมเพรียวนางนี้เองก็สามารถสำแดงใช้วรยุทธออกมาได้เช่นกัน
จึงไม่แปลกเลยที่ไฉน ถึงคราวนายน้อยของพวกท่านที่ต้องงัดวรุยทธ์ออกมาใช้บ้างแล้ว
แต่พินิจจากความอ่อนของสีเหลือง ดูท่าระดับความเชี่ยวชาญยังไม่สูงนัก เมื่อเป็นเช่นนั้น นางคนนี้ไม่กลัวตายเลยรึ?
ถึงแบบนั้น ในความเป็นจริง หากเปรียบเทียบกันเนื้อต่อเนื้อแล้ว วรยุทธของเซียถงแข็งแกร่งกว่าของหลัวซีอย่างเห็นได้ชัด แม้คู่ต่อจะมีพลังสูงถึงขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นสูงหรือยุทธภัณฑ์ที่แข็งแกร่งปานใดก็ตาม
เมื่ออยู่บนสนามมันไม่มีคำว่าเสมอ แต่จะมีเพียงไม่ชนะก็แพ้เลยเท่านั้น
หนึ่งกระบี่สีเงินปะทะหนึ่งกระบี่สีทอง คลื่นทำลายล้างกวาดกระจายแผ่ออกกว้างเป็นวงแหวน
ทันทีที่ปะทะชนใส่กัน ทั้งสองฝ่ายก็ตีระยะแยกออกมาอีกครั้ง ยามนี้ไม่ว่าฝ่ายใดต่างเกิดมีรอยแผลตามร่างกายกันทั้งสิ้น ดวงตาทั้งสองคู่สบเข้าหากัน ต่างฝ่ายตรงฉายแววความโกรธออกมาไม่มีปิดบัง ระดับความรุนแรงของสถานการณ์พุ่งขึ้นสูง ได้ปลุกเร้าจวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทั้งสอง ยามนี้หาใช่ศึกการประลองทั่วไปไม่ แต่เป็นการต่อสู้ที่มีชีวิตและความตายเป็นเดิมพัน
ฝูงชนโดยรอบสนามต่างเฝ้ามองกันอย่างเงียบงัน พวกเขาทั้งหมดทั้งมวลต่างตื่นตะลึงอย่างยิ่ง ต่อหน้าวรยุทธ์ต่อสู้ของทั้งสอง
หลัวซีจับจ้องเซียถงตาเขม็งเป็นประกาย ยามนี้เร่งเร้าลมปราณออกมาถึงขีดสุด จนเปล่งสีครามสุดขั้วอมประกายม่วงอ่อน นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาออกจากหุบเขา และได้พานพบกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังกล้าแกร่งปานนี้ จิตใจของเขาที่แต่เดิมเคยอ่อนโยน ยามนี้ได้ถูกกระตุ้นอย่างแรง กลายมาเป็นความเดือดดุที่เข้าแทรกแทน
ครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องชนะ!!
กระชับกำด้ามกระบี่สีเงินในมือบีบแน่น หลัวซีกระโจนขึ้นสู้ท้องนภาสูง แหวกว่ายกลางอากาศ กระแสปราณสีครามสุดขีดประกายม่วง ปะทุเดือด เข้าห่อหุ้มทั่วทั้งร่างกายาของเขาไว้ ภายในกระแสปราณที่ลุกโชนประดุจเพลิงครามเย็น ปรากฏเงาสะท้อนคมกระบี่สีเงินเฉิดฉาย ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกจับขั้วกระดูกยิ่งแล้ว
หลัวซีค่อยๆ ชูกระบี่สีเงินในมือตั้งตระหง่านเหนือศีรษะ คำรนก่นเสียงออกมาสามคำว่า
“ฟ้า-ดิน-สะบั้น!”
รัศมีแรงกดดันสีเย็นเยียบพวยพุ่งออกจากตัวกระบี่อย่างบ้าคลั่ง ชั่วขณะอึดใจต่อมา ฟ้าดินทั่วสารทิศผลัดเปลี่ยนสี สายลมก่อตัวโหมสะพัดกลายมาเป็นวายุกระหน่ำ สีหน้าการแสดงออกของสตรีงามในชุดแดงทั้งสี่ที่เฝ้ามองจากระยะไกลดูตกตะลึงใจยิ่งยวด นายน้อยในขณะนี้กำลังหยิบใช้ไพ่ตายของตนออกมา ฟ้าดินสะบั้น หนึ่งกระบี่ลั่นพิภพ
นี่เป็นกระบวนท่าเฉพาะที่นายน้อยได้รับสืบทอดมาจากประมุขตระกูลโดยตรง
หากหญิงสาวในชุดแพรพรรณสีเขียวยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ กล่าวได้ว่านางคนนี้คงโชคดียิ่งกว่าโชคดี!
หลัวซีใช้มือทั้งสองข้างถือประคองกระบี่ สายลมหวนวายุโหย อัดพลังลมปราณนับไม่ถ้วนเปี่ยมล้นอยู่ในคมกระบี่ เขาฟาดฟันเข้าใส่หญิงสาวเบื้องล่างที่ยืนอยู่ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี!
เซียถงเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า สายตาเผยแววสุขุมส่องสะท้อนออกมา เรือนร่างเพรียวบางยังคงยืนหยัดตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิ ท่ามกลางสายสายุกระโชกแรง นางไม่คิดแม้แต่จะถอยครึ่งก้าว ในทางตรงข้าม เซียถงกลับเลือกที่จะกระชับกระบี่สีทองคำในมือแน่น กรอกเทกระแสลมปราณที่โคจรอยู่ในร่างกายลงสู่กระบี่เล่มนี้ เพียงชั่วพริบตา เสมือนได้พลังงานเข้าหล่อเลี้ยง กระบี่ในมือยิ่งทวีแสงสว่างสีทองเจิดจรัส จนปกคลุมทั่วทั้งร่างกายนางอีกครั้ง
ธารแสนสีทองอร่ามพุ่งทะยานออกไปเป็นเงาสายหนึ่ง เหาะเหินขึ้นปะทะกับธารแสงสีเงินสุดเย็นยะเยือกตรงหน้า
จะชนะหรือแพ้ต้องวัดจากการปะทะคราวนี้แล้ว!