ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 440 สายสัมพันธ์พี่น้อง (2)
ตอนที่440 สายสัมพันธ์พี่น้อง (2)
ตอนที่440 สายสัมพันธ์พี่น้อง (2)
เจอกันคราวนี้ นางยิ่งดูเปลี่ยนไป นั่นเป็นในทางแย่กว่าเดิม เสมือนกลายมาเป็นคนสติไม่ดีไปแล้ว
หยุนซีอดรู้สึกผิดไม่ได้จริงๆ เหตุที่น้องสาวผู้ใจดีและมีเมตตาคนนี้ถูกบีบให้เป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะความงี่เง่าและเห็นแก่ตัวของนางในอดีตทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่เคยต่อสู้สัประยุทธ์กับไป๋ปิงในช่วงห้าปีก่อน เฉพาะตอนนั้น สายตาที่อีกฝ่ายมีต่อนางก็ไม่เหลือเยื่อใยความเป็นพี่น้องใดๆอีกแล้ว ภายในดวงตาคู่นั้นเหลือแค่ความอาฆาตเกลียดชังอยู่เปี่ยมล้น
นางทั้งตกใจและเสียใจ…
ข้าขอโทษ น้องสาวอันเป็นที่รักของข้า หากมีโอกาสให้แก้ไขทุกอย่างได้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องต้องกลายมาเป็นเช่นนี้
นัยน์ตาคู่นั้นของหยุนซีใสสะอาดดั่งกระจกสะท้อนคมกระบี่ในมือไป๋ปิง จ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่เต็มเปี่ยมความเกลียดชิงชัง ทันใดนั้นนางก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงมากล้นความรู้สึกผิดมหันต์
“ปิงเอ๋อร์ พี่ขอโทษ”
สองคำสี่พยางค์แสนเรียบง่ายพัดผ่านไปตามสายลมกระพือเข้าหูไป๋ปิง สิ่งนี้เปรียบเสมือนสายอสนีคำรนท่ามกลางมหาสมุทรไพศาลสั่นกังวาน มือข้างที่กุมถือกระบี่สั่นเทาไม่หยุด แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับให้นางถอดใจถอยหลังกลับ เสี้ยวพริบตาต่อมา นางแทงคมกระบี่เข้าใส่กลางอกของหญิงสาวผู้มากความผิดบาปตรงหน้าโดยไม่มีปราณี
ยามดวงตะวันอัสดงพราวรัศมีแสงสุดท้ายดุจโลหิต ใบกระบี่ยาวสะท้อนแสงแวววาวดั่งรุ้งมณี ความเกลียดชังที่สั่งสมนับสิบปีเจาะทะลวงเข้ากลางหน้าอกของหยุนซีโดยตรง ดอกบุปผาสีแดงสดบานฉ่ำ ลวดลายโค้งวิจิตดวงใหญ่เปรอะเปื้อนบนแพรพรรณ
หยุนซีอ้าแขนรับแต่โดยดี ร่างดิ่งพสุธาร่วงตกจากหอคอยสูงตระหง่าน บรรดาฝูงชนเบื้องล่างทั้งหลายต่างกรีดร้อง
“อาจารย์!”
เซียถงตื่นตระหนกตกใจยิ่งยวด คู่เท้าไสววูบปราดเข้าสวมกอดร่างหยุนซีก่อนจะร่วงกระแทกพื้นประดุจสายฟ้า พาร่อนจอดบนพื้นอย่างสวัสดิภาพ
ภายใต้ความช่วยเหลือของเซียถง หยุนซีนั่งพิงพักข้างกำแพงแถวนั้น เงยหน้าแหงนมองไปทางไป๋ปิงที่ยืนผงาดอยู่บนหอคอยสูง อีกฝ่ายกดศีรษะก้มมองลงมา กำลังแสดงสีหน้าอะไรอยู่กลับไม่ชัดเจน จะเห็นก็เพียงรัศมีแสงแดดสว่างของดวงตะวันอัสดงที่ใกล้ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังของนางเสียเท่านั้น
แสงอัสดงสุดท้ายลาลับเส้นขอบฟ้าไกล น่านนภาผลัดเปลี่ยนกลายเป็นค่ำคืนโดยสมบูรณ์
“หยุนซี คมกระบี่นี้เพื่ออุทิศแด่จือหยวน เจ้าในตอนนั้นทำร้ายจิตใจเขาเกินกว่าใครจะจินตนาการได้ และถึงแม้ข้าจะสังหารเจ้าทิ้งไปซะ บัญชีแค้นนี้ก็มิอาจถูกชดใช้ได้อยู่ดี”
ไป๋ปิงกดสายตามองลงต่ำให้ทางหยุนซี จากบนหอคอยสูง ไม่มีใครเห็นเลยว่า นางกำลังแสดงสีหน้าแบบใดอยู่กันแน่ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยกล่าวออกมา กลับหาได้แยแสสนใจสิ่งใด
“ขอ…ขอยอดบัวสมุทรให้ข้า…ได้หรือไม่?”
หยุนซีพยายามเงยหน้าฝืนมอง เอ่ยถามพร้อมสีหน้าซีดเซียวหนัก
ไป๋ปิงฉีกชายเสื้อมุมหนึ่งออกมาแบ่งเป็นสองส่วน ชิ้นแรก วิจิตรบรรจงใช้ปาดเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามใบกระบี่ พ่นวาจาเย็นชาขึ้นคำหนึ่งว่า
“หากยังรอดจนถึงพรุ่งนี้ ก็เดินทางมาเอาจากข้าไปเอง”
เรียวนิ้วยาวปล่อยคลาย ทิ้งผ้าชิ้นที่สองในมือร่อนลงมาจากบนหอคอยอย่างแช่มช้า ก่อนตกสู่ต่อหน้าหยุนซี
เซียถงยื่นมือออกไปคว้าผ้าชิ้นนั้นมา ได้กลิ่นผิดแผกจางๆแตะจมูก นางปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อทั้งสิ้น และนำผ้าผืนนั้นกดทับลงบนแผลฉกรรจ์บนหน้าอกของหยุนซีทันที
ไป๋ปิงเหลือบหางตาชำเลืองมองทั้งคู่อยู่วาบหนึ่ง ก่อนจะหายวับไปจากบนหอคอย
“หุหุ ดูท่านางเองก็ยังห่วงใยกัน นี่กระมัง…สายสัมพันธ์พี่น้อง”
หยุนซีเหลือบดูผ้าชิ้นนั้นที่กดทับอยู่บนหน้าอกของนาง กลิ่นผิดแผกที่ฉุนโฉยออกมาจากผ้าเมื่อครู่ มันหาใช่สิ่งอันตรายใดอื่น แต่เป็นผงโอสถที่ใช้สำหรับห้ามเลือดโดยเฉพาะ ทั้งยังมีสรรพคุณสมานแผล
เซียถงช่วยนางพันแผลเบื้องต้นให้จากผ้าผืนดังกล่าว แล้วค่อยโบกมือสั่งให้โม่ซวนไปเรียกรถม้า เข้ามารับหยุนซีกับนางไปส่งโรงเตี้ยมเพื่อพักผ่อน
“โชคดีปานใดแล้วที่คมกระบี่เมื่อครู่ไม่ตัดขั้วหัวใจ มิเช่นนั้น ท่านคงตายไปนานแล้ว”
เซียถงหยิบโอสถอีกจำนวนหนึ่งป้อนหยุนซี
หยุนซีนอนหมดสภาพอยู่บนรถม้า ใบหน้าซีดเซียวเนื่องจากเสียเลือดไปมาก แต่ถึงแบบนั้น จิตใจของนางราวกับได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง นางยิ้มและกล่าวขึ้นว่า
“ข้ารู้ นางจะไม่ฆ่าข้าแน่นอน”
“ไฉนถึงมั่นใจปานนั้นว่า นางจะไม่ฆ่าท่าน?”
เซียถงตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน ก็เห็นกันอยู่ว่าไป๋ปิงกระเหี้ยนกระหือรือต้องการจะฆ่าหยุนซีปานจะกลืนกิน ใครเห็นก็ต่างคิดว่า นางต้องการจะฆ่าทิ้งให้ตายไปเสียจริงๆ
“ก็นางเป็นน้องสาวของข้า ไม่มีใครรู้จักนางดีไปกว่าข้าอีกแล้ว เจ้าตัวดีนี่เป็นพวกกินอ่อนไม่กินแข็ง [1] เล่นขัดขวางไม่ยอมให้ข้าขโมยยอดบัวสมุทรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นางไม่มีทางยอมมอบให้ข้าโดยง่ายแน่นอน จนกว่าจะยอมขอโทษยอมรับผิดอย่างที่เจ้าเห็นไป”
หยุนซียักคิ้วให้อย่างภาคภูมิใจ นัย์ตาสีลูกพลัมอ่อนฉายแววมากด้วยความเจ้าเล่ห์
เซียถงถึงกับหมดคำจะพูด ตอนที่เห็นหยุนซียอมสำนึกผิดต่อหน้าไป๋ปิง ตัวนางเองก็รู้สึกสงสารเสียเหลือเกิน และพลางคิดไปว่า นั่นเป็นความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจจริงของหยุนซีจริงๆ แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นว่า ทั้งหมดเป็นการแสดงตบตาทั้งสิ้น
ต้องยอมรับตามตรง เล่ห์ร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวกินบรรยาย หลอกซะทุกคนหลงเชื่อสนิทใจ
สักครู่หนึ่ง หยุนซีก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และกล่าวอีกว่า
“อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้สิ! ขอพูดตามตรงเลย พอได้เห็นไป๋ปิงในปัจจุบันอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าเองก็รู้สึกสะท้อนใจเหลือเกิน และความรู้สึกก่อนหน้าที่แสดงออกไปล้วนแต่เป็นของจริงทั้งสิ้น หากไม่เป็นเพราะความงี่เง่าของตนเอง มีหรือที่เรื่องราวจะบานปลายมาอย่างที่เห็น? สุดท้ายนี้ ข้าก็เลือกวางเดิมพันด้วยชีวิต หากอีกฝ่ายยังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเราก็ดีไป แต่หากไม่…ข้าก็ถือเสียว่า มันเป็นความตายที่สมควรได้รับแล้ว”
“แต่สุดท้าย ท่านก็ชนะเดิมพัน”
เพราะบทสรุปของเหตุการณ์นี้ก็คือ ไป๋ปิงใจไม่แข็งพอที่จะสามารถฆ่าหยุนซีลงได้
หยุนซีส่ายหัวและเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า
“ไม่ นี่ยังไม่จบ ข้ายังไม่ได้ยอดบัวสมุทรมาเลย บางทีหลังจากปิงเอ๋อร์กลับไป นางอาจเปลี่ยนใจทีหลัง”
หากไป๋ปิงสงบสติลงแล้ว และคิดได้ว่า ผลบัวสมุทรมันสำคัญเกินกว่าจะมอบให้ได้ขึ้นมาล่ะ?
“อาจารย์ หากไป๋ปิงคิดจะฆ่าท่านจริงๆหลังจากนี้ แล้วจะเอาอย่างไรต่อ? ทั้งเรื่องจือหยวนอีก?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
หยุนซีกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นว่า
“ไม่ ปิงเอ๋อร์ไม่มีทางฆ่าข้าได้ลงแน่นอน! เนื้อในของนางเป็นคนใจดีมีเมตตายิ่งกว่าอะไร นางจะไม่มีวันลงมือสังหารข้าแน่นอน”
เงียบไปสักครู่หนึ่ง นางกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า
“หรือหากนางกล้าลงมือจริงๆ ก็ถือเป็นสิ่งที่ข้าสมควรได้รับแล้ว จากนั้นคนที่รับช่วงต่อดูแลจือหยวนก็คือนาง”
“อาจารย์ แล้วท่านตั้งใจจะทำอะไรต่อ หลังจากที่ช่วยจือหยวนได้สำเร็จแล้ว?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นมาคำหนึ่ง ในเวลานี้ นางกลับรู้สึกเห็นใจไป๋ปิงเสียเหลือเกิน และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เกิดมามีพี่สาวที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดเฉกเช่น หยุนซี
“ครองรักกับเขาและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจวบจนชีวิตจะหาไม่ ก็หวังว่าสิ่งนี้เพียงพอสำหรับชดใช้หนี้บาปที่ข้าก่อเอาไว้”
หยุนซีกล่าวตอบทันทีโดยไม่มีลังเล
นางมีชีวิตอยู่ต่อก็เพื่อสิ่งนี้
เซียถงได้ยินแบบนั้นก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีกต่อไป ถึงแม้บาดแผลฉกรรจ์บนหน้าอกของหยุนซี มิสามารถปลิดชีพนางให้ตายลงได้ แต่มันก็เกินพอแล้วสำหรับทำให้นางทนทุกข์ทรมานจากมันไปอีกนาน
[1] ความหมายคือ ชอบให้พูดดีๆถึงจะยอมทำให้