ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 442 งานชุมนุมโอสถเริ่มต้นขึ้น (2)
ตอนที่442 งานชุมนุมโอสถเริ่มต้นขึ้น (2)
ตอนที่442 งานชุมนุมโอสถเริ่มต้นขึ้น (2)
ไป๋ซิ่วตัวแข็งค้างชั่วขณะ เร่งโค้งศีรษะคำนับเซียถงทีหนึ่งและปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เดินแข้งขาสั่นเทิ้มออกไปทั้งแบบนั้น ขณะที่นักหลอมโอสถกลุ่มนั้นเดินจากลาแยกย้ายไปโดยสิ้น ก็ยังมีชายหนุ่มอีกสองคนที่ดูหาได้แยแสเกรงกลัวไม่ ปราดสายตาชำเลืองใส่เซียถงอยู่วาบหนึ่ง ก่อนพวกเขาจะแยกย้ายกันไปเช่นกัน
“หากเจ้าสามารถเอาชนะสองคนนั้นได้ ก็ไม่น่ามีใครหาใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอีกแล้วในการแข่งขันวันนี้ แต่นั่นมิได้รวมถึงข้า หุหุ”
ชิงเยวี่ยชี้ไปที่แผ่นหลังของทั้งสองที่เดินจากลาออกไป
“สองคนนั้น…คงเป็นองค์ชายของสักจักรวรรดิใดจักรวรรดิหนึ่งกระมัง?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง เพราะพินิจจากกิริยาท่าทางของพวกเขาแล้ว ดูไม่มีร่องรอยความประหม่าใดๆต่อทั้งชิงเยวี่ยเลย กระทั่งได้ยินนามขานของไป๋หลี่หานก็ยังไม่ค่อยดูครั่นคร้ามเท่าไหร่นัก จึงสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีสถานะศักดิ์อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน
เนื่องด้วยใกล้ถึงเวลาเริ่มการแข่งขันแล้ว ชิงเยวี่ยจึงตอบไปพอสังเขปว่า
“หนึ่งในนั้นเป็นองค์ชายแห่งจักรวรรดิเป่ยฮั่น”
ชะงักหยุดไปชั่วอึดใจ เขากล่าวขึ้นต่อว่า
“จะอย่างไรก็เถอะ ทั้งที่เจ้าพอเดาได้อยู่แล้วว่า พวกเขาเป็นองค์ชายจากจักรวรรดิอื่น แต่ไฉนยังคิดจะลงมือลงไม้ใช้กำลัง? คิดจะเปลี่ยนที่นี่เป็นสนามประลองยุทธ์หรือไง?”
“แต่เจ้าเองก็ห้ามปรามข้าไว้ได้ทัน?”
เซียถงเอ่ยตอบส่งๆกลับไปคำหนึ่ง เพราะหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าชิงเยวี่ยที่ออกโรงมาหยุดไว้ องค์ชายก็องค์ชายเถอะ พวกมันเกือบจะได้สวรรคตวันนี้แล้ว!
ชิงเยวี่ยยิ้มแห้งตอบกลับไปว่า
“องค์ชายพวกนั้นมีตาหามีแววไม่จริงๆ คิดจะเล่นกับใครไม่เล่นจริงๆ! เกรงว่าเงาหัวของสองคนนั้นคงหายไปกว่าครึ่งแล้ว!”
เซียถงกวาดสายตามองรอบข้างชิงเยวี่ย ระบายยิ้มอย่างแผ่วบาง เอ่ยขึ้นว่า
“แล้วอาจารย์ของเจ้าไม่ได้มาด้วย?”
หากไป๋ปิงไม่มาเข้าร่วมการแข่งขัน โอกาสชนะของนางก็จะเพิ่มมากขึ้น
“ท่านอาจารย์เมาค้างอยู่ในบ้านกระท่อม คิดว่ากระทั่งเย็นพรุ่งนี้ก็ยังไม่น่าจะตื่น”
ชิงเยวี่ยพลางนึกย้อนไปถึง สภาพเมาแอ๋ของไป๋ปิงตอนที่นางกลับมาเมื่อคืน เขาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เกินจะอดกลั้น
เซียถงเองก็คิดถึงภาพฉากที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ขึ้นมา ทำเอารู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน เพราะแท้ที่จริงแล้ว ไป๋ปิงหาใช่คนเลวร้ายเลย กลับเป็นฝ่ายอาจารย์ของนางอย่างหยุนซีเสียมากกว่าที่ดูนิสัยไม่น่าคบ แต่อย่างไร ก็อดเป็นห่วงมิได้จริงๆว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องคู่นี้จะพัฒนาไปทางใดต่อไป
ทั้งสองยืนคุยสนทนากันอยู่สักครู่ องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินก็เสด็จออกมาจากพระราชวัง พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามมากมายไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางและองครักษ์ยอดฝีมือ เขาประทับลงบนบัลลังก์ที่ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ทั้งชิ้น ซึ่งถูกจัดวางอย่างพิเศษสำหรับตัวเขาโดยเฉพาะ เมื่อหันไปเห็นเซียถง เจ้าตัวก็ส่งยิ้มมอบให้ทีหยึ่ง แต่หากสังเกตให้จงดี จะเสาะพบแววความอำมหิตชั่วร้ายเร้นแฝงไว้อยู่
เซียถงแสยะยิ้มมุมปากสีจางอ่อนซึ่งยากจะสังเกตเห็น แผนการซุ่มโจมตีของหลินซวนเต๋อในคืนนั้น คล้ายจะมีกลิ่นตุเกี่ยวพันไปถึงจักรพรรดิซีฉินผู้นี้
“เอาล่ะ เช่นนั้นแล้ว ข้าก็ขอประกาศ เริ่มงานชุมนุมโอสถได้ ณ บัดนี้!”
องค์จักรพรรดิซีฉินยกไม้ยกมือขึ้นโบกให้ทุกคนและกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าองค์จักรพรรดิซีฉินมิได้เอ่ยปากถึง รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งอย่างผลบัวศักดิ์สิทธิ์ แต่นักหลอมโอสถที่อยู่เบื้องล่างทุกคนย่อมตระหนักทราบ รางวัลผู้คว้าชัยในงานชุมนุมโอสถครั้งนี้คือสิ่งใด เพราะเหตุนั้น ทันทีที่เสียงสัญญาณเริ่มดังขึ้น ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดก็ใส่เต็มสุดพลัง เริ่มต้นกระบวนการหลอมกลั่นโอสถอย่างขยันขันแข็ง
องค์จักรพรรดิซีฉินทอดพระเนตรกวาดมองรอบสนามประลอง เห็นว่าบนนั้นทุกคนเริ่มจุดไฟเตาหลอมกลั่นกันจนเกือบครบ เขาก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามที่อยู่ข้างเคียง และผู้ติดตามคนดังกล่าวก็ตะโกนเสียงดังฟังชัด ป่าวประกาศขึ้นว่า
“การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ทุกคนมีเวลาหลอมกลั่นโอสถเท่ากับสองก้านธูปเท่านั้น!”
สาวรับใช้ในวังนางหนึ่งเดินถือกระถางธูปออกมาวางไว้บนโต๊ะลวดลายมังกรสีทองอร่ามเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิซีฉิน ก่อนจะโค้งคำนับให้อย่างนอบน้อมและจุดธูปทั้งสองแท่งที่ปักอยู่
ในช่วงแรก เหล่านักหลอมโอสถที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดล้วนตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด พวกเขาต้องชั่งตวงปริมาณสมุนไพรให้แม่นยำ ห้ามขาดหรือเกินเลยแม้แต่นิดเดียว มิฉะนั้นอาจส่งผลกระทบไปถึงขั้นตอนการหลอมกลั่น และในกรณีเลวร้ายที่สุด อาจทำให้การกลอมกลั่นโอสถล้มเหลวได้
หลังจากผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ ก็ถึงช่วงนำสมุนไพรวัตถุดิบลงในเตาหลอมกลั่น เซียถงนำวัตถุดิบที่ชั่งตวงเสร็จสรรพเทใส่ลงเตาหลอมกลั่นตรงหน้าทันที จากนั้นก็พลิกฝ่ามือตวัดขึ้นเบาๆ กรอกเทเพลิงพิภพเก้าดุษณีสีทองบริสุทธิ์เจิดจรัสลงใต้เตาหลอมเพื่อเร่งอุณหภูมิ
ชั่วพริบตาที่เปลิงพิภพเก้าดุษณีกำลังลุกโชติแผดระห่ำอยู่ด้านใต้เตาหลอมกลั่นโอสถ มันก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบทั้งหมดในทันใด และคนที่ดูจะตื่นตาตื่นใจที่สุดคงเป็น กรรมการตัดสินที่นั่งอยู่เหนือลานประลอง พวกเขาที่ใช้ชีวิตโลดโผนอยู่ในยุทธจักรย่อมรู้จักสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินชนิดนี้ดีเยี่ยม ยิ่งได้เห็นเซียถงแสดงลูกเล่นแสนแพรวพราวกับเพลิงพิภพเก้าดุษณีบนฝ่ามือ ชายชราเหล่านั้นแทบจะลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจสุดขีด
“ดูนั่น! เปลวเพลิงสีทองคำบริสุทธิ์เฉกเช่นนั้น มัน…มันคือเพลิงพิภพเก้าดุษณี? ไฟวิเศษในตำนาน!?”
ชายชราเครายาวสีขาวโพลนคนหนึ่งถึงกับเนื้อตัวสั่นเทา จับจ้องเปลวเพลิงสีทองที่ร่ายระบำโชติช่วงอยู่ใต้เตาหลอมด้วยความตื่นเต้น
“ดูท่าจะเป็นเช่นนั้น ข้าขอลงไปดูเสียหน่อย!”
กรรมการอีกคนหนึ่งเดินลงจากนี่นั่งตำแหน่งผู้ตัดสิน ยืนรักษาระยะอยู่หลายช่วงตัว เฝ้าจับจ้องเตาหลอมกลั่นโอสถของเซียถงชนิดไม่มีคลายอ่อน ยิ่งได้เห็นใกล้ๆก็ยิ่งชัดแจ้ง นี่คือ เพลิงพิภพเก้าดุษณีไม่มีผิดเพี้ยน!
สิ่งมหัศจรรย์แห่งฟ้าดินที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง เพลิงพิภพเก้าดุษณีในตำนาน แท้จริงแล้วกลับอยู่ในมือของเด็กสาวแรกรุ่น!
บรรดากรรมการผู้ตัดสินทั้งหลายต่างอ้าปากค้างตกตะลึงกันเป็นแถบ สายตาที่พวกเขามุ่งจับจ้องไปทางเซียถงแตกต่างจากผู้เข้าแข่งขันรายอื่นๆโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องกล่าวถึงทักษะด้านการหลอมกลั่นโอสถ อาศัยแค่เปลวไฟที่มี นางดูมีภาษีดีกว่าคู่แข่งทุกคนหลายทวีเท่าแล้ว! และที่ยิ่งไปกล่าวนั้นคือ จากที่เฝ้าพินิจสังเกตเซียถงอยู่สักครู่ใหญ่ ทั้งทักษะการควบคุมเปลวไฟที่ไร้ที่ติ รวมไปถึงกลวิธีการหลอมกลั่นที่ช่ำชอง เกรงว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นภายในนี้ที่มีคุณสมบัติเทียบชั้นนางได้!
“ไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนสาวน้อยนางนั้นถึงกลายมาเป็นนักหลอมโอสถได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ปรากฏว่ามีไฟวิเศษในตำนานอยู่ในครอบครอง เกรงว่าภูมิหลังของนางจะหาใช่ธรรมดา และบางทีอาจมีขุมพลังอำนาจยักษ์ใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่!”
กรรมการตัดสินท่านนั้นที่ขอตัวออกไปดู ได้เดินกลับเข้ามานั่งประจำตำแหน่งดังเดิม พลางกล่าวกับพวกกรรมการคนอื่นที่เหลือรอบข้าง
ในไม่ช้า เหล่ากรรมการทั้งหลายต่างก็เริ่มจับกลุ่มสนทนากันในทันที
องค์จักรพรรดิซีฉินจับจ้องเซียถงเขม็งไม่มีคลายอ่อน ร่องรอยความขุ่นแค้นเกลียดชังอัดแน่นอยู่ในดวงตา เพราะสาวน้อยนางนี้มิเพียงแต่จะไม่ยอมจำนนต่อแทบเท้าของเขา แต่นางยังเป็นคนสังหารพ่อที่แท้จริงของเขาอีกด้วย! บัญชีเลือดครั้งนี้จะสามารถล้างชำระออกไปโดยง่ายได้เยี่ยงไร? จุดประสงค์ของงานชุมนุมโอสถในครั้งนี้ก็เป็นที่ชัดเจนมาก ทั้งหมดก็เพื่อหลอกล่อให้นางเดินทางมาที่ซีฉิน แต่น่าเสียดาย ที่แผนการลอบสังหารของหลินซวนเต๋อระหว่างทาง กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
กระนั้นเอง ในเมื่อนางมาถึงจักรวรรดิซีฉินแห่งนี้แล้ว เขาเองก็ไม่สามารถปล่อยนางกลับไปทั้งที่ยังมีชีวิตได้!
แค่คิดได้ดังว่า เขาก็อดแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย็นชามิได้
เวลาสำหรับสองก้านธูปนับว่าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อองค์จักรพรรดิส่งสัญญาณขานสิ้นสุดการแข่งขัน เซียถงก็หลอมกลั่นโอสถเสร็จเรียบร้อยพอดี นางยกมือขึ้นปากเหงื่อที่เปียกชุ่มบนหน้าผากทีหนึ่ง เพียงตวัดฝ่ามือพลิกกลับ เพลิงพิภพเก้าดุษณีก็ถูกเก็บถอนออกไปในพริบตา ในเวลาเดียวกัน นางก็เหลือบมองไปทางชิงเยวี่ยที่หลอมกลั่นอยู่ข้างๆนาง
“เอ๊ะ? เจ้าหลอมกลั่นโอสถอะไรรึ?”
“!? เซียถงเจ้าเองก็ด้วยรึ?”