ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 443 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (1)
ตนที่443 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (1)
ตนที่443 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (1)
เวลาสองก้านธูปได้หมดลงตามกำหนด ใครที่สามารถหลอมกลั่นโอสถที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะกลายมาเป็นผู้ชนะ และได้รับผลบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัล
แต่ผลบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งล้ำค่าหาประเมินไม่ กระทั่งองค์จักรพรรดิซีฉินยังมองมันเป็นมหาสมบัติชิ้นหนึ่ง แล้วไม่แปลกใจหน่อยรึว่า ไฉนเขาถึงยอมให้โดยง่าย? ในปัจจุบัน องค์จักรพรรดิซีฉินเปล่งเสียงให้ทุกคนหยุดมือ เวลาได้หมดลงแล้ว!
ทุกคนต่างหยุดมือในทันที!
เซียถงเพิ่งจะเก็บถอนเพลิงพิภพเก้าดุษณีกลับไปแท้ๆ แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง ก็แลเห็นสีหน้าการแสดงออกของบรรดานักหลอมโอสถทั้งหลายจับจ้องมาที่นางด้วยความอิจฉาริษยา ทุกสายตาพวกนั้นที่เพ่งเล็งเข้าใส่ ก็ทำเอาเซียถงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ราวกับคนพวกนั้นปรารถนาหวังจะกลืนกินนางทั้งเป็น
ชำเลืองเหลือบมองไปด้านหนึ่ง นางก็เห็นชิงเยวี่ยยืนอยู่ข้างๆ
ในเวลานี้ ชิงเยวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย จู่ๆก็ก้าวย่างตรงเข้ามาหา จับจ้องเม็ดโอสถในถาดหยกตรงหน้าเซียถง
“!? เจ้าเองก็ด้วยรึ…”
ชิงเยวี่ยเงยหน้าจับจ้องเซียถงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ โอสถที่บรรจุอยู่ในถาดหยกของทั้งเขาและนางต่างเป็นชนิดเดียวกัน!
คาดไม่ถึงเลยว่า ทั้งสองจะตัดสินใจเลือกหลอมกลั่นโอสถอำไพหยกเหมือนกัน!
ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ชิงเยวี่ยกล่าวทั้งเสียงหัวเราะว่า
“พวกเราใจตรงกันดีแท้”
โม่ซวนที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบตบเท้าก้าวขึ้นหน้าโดยไว เข้าแทรกตัวขวางกั้นระหว่างเซียถงกับชิงเยวี่ย และกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจขึ้นว่า
“เรียนองค์รัชทายาทแห่งซีฉิน ท่านเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้เกรงว่าไม่เหมาะสม อย่างไร คนเดียวที่ใจตรงกันกับนายหญิงก็คือนายท่านของข้า!”
แลเห็นโอสถทั้งสองเม็ดบนถาดหยก คณะกรรมการตัดสินใจทั้งหลายต่างก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินลงมาพินิจตรวจสอบ แววตาฉายลิงโลดและกล่าวขึ้นอย่างตื่นอกตื่นเต้นขึ้นว่า
“นี่มันโอสถอำไพหยกจริงๆด้วย!”
ทุกคนที่อยู่โดยรอบงานชุมนุมโอสถต่างตื่นตกใจยิ่งยวด เมื่อได้ยินคำว่า โอสถอำไพหยก!
“โอสถอำไพหยกเม็ดนี้หาใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถธรรมดาทั่วไปจะสามารถรังสรรค์ขึ้นมาได้! ไม่เพียงแต่จะต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าที่หาได้ยากเกินจินตนาการเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก แต่ยังต้องอาศัยทักษะการหลอมกลั่นขั้นสูง และการควบคุมอุณหภูมิความร้อนที่ต่างระดับกว่าสิบรูปแบบ!”
มีกรรมการตัดสินท่านหนึ่งร้องอุทานชื่นชม
โอสถอำไพหยกเป็นโอสถชั้นสูงที่อยู่เหนือระดับสามไปแล้ว สรรพคุณสำหรับอิสตรี ช่วยให้ผู้หญิงคนใดที่กินลงไปจะสามารถคงรักษาความอ่อนเยาว์ได้ชั่วนิรันดร์ หากเป็นท่านบุรุษกิน จะช่วยยืดอายุขัยได้มากโข ทั้งยังช่วยเสริมสร้างพลังลมปราณให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด กล่าวคือ โอสถชนิดนี้เป็นของวิเศษดั่งเทพเซียนประทาน
แต่เงื่อนไขสำคัญในการหลอมกลั่นโอสถอำไพหยกคือ นักหลอมโอสถผู้นั้นจะต้องบรรลุเป็นเซียนโอสถให้ได้เสียก่อน และเซียนโอสถเพียงคนเดียวในจักรวรรดิซีฉินก็คือ ไป๋ปิงที่ซึ่งเมาค้างหมดสภาพอยู่ในบ้านกระท่อมขณะนี้ และเหตุผลสำคัญที่ไป๋ปิงได้รับพระราชฐานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นพิเศษ จนกลายมาเป็นผู้มีสถานะสูงศักดิ์ในซีฉิน ก็เพราะในทุกๆเดือน นางจะหลอมกลั่นโอสถอำไพหยกจำนวนสองเม็ดส่งให้แก่ราชวงศ์ และศิษย์ของนางเพียงคนเดียวอย่าง ชิงเยวี่ย ก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย อย่างการถูกองค์จักรพรรดิซีฉินรับเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม และได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทอย่างในปัจจุบัน
พินิจวิเคราะห์จากโอสถอำไพหยกทั้งสองเม็ดตรงหน้า หรือเป็นไปได้ไหมว่า…สองคนจะบรรลุกลายมาเป็นเซียนโอสถแล้ว?
ผู้ที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นปราชญ์โอสถชั้นสูงได้ ก็ถือได้ว่าคนเหล่านั้นได้ขึ้นมาเป็นผู้นำในหมู่นักหลอมโอสถทั้งมวลแล้ว และเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเสียยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์ สำหรับการบรรลุขึ้นสู่ขอบเขตเซียนโอสถ แต่ในปัจจุบัน กลับมีเซียนโอสถถึงสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน!?
เซียถงจับจ้องโอสถอำไพหยกเม็ดนั้นบนถาดหยกของชิงเยวี่ย จู่ๆก็ย้อนกลับไปนึกถึงคำกล่าวก่อนหน้าของเขาได้ ที่บอกว่าตนกำลังจะบรรลุขึ้นเป็นเซียนโอสถแล้วในอีกไม่ช้า แต่ใครจะไปคาดคิด ชายคนนี้กลับกลายมาเป็นเซียนโอสถได้แล้วจริงๆภายในเวลาอันสั้น!
เสี่ยวฮั่วสื่อจิตส่งเสียงผ่านห้วงความคิดของเซียถงขึ้นทันทีว่า
“นายท่าน เขาเป็นเซียนโอสถแล้วจริงๆ! ดูเหมือนท่านจะเจอเข้ากับคู่แข่งโหดหินเข้าเสียแล้ว!”
เซียถงตั้งสติเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง
“หากเปรียบเทียบกันแล้ว ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน?”
จวบจนปัจจุบัน เซียถงก็ยังติดอยู่ที่ขอบเขตราชาโอสถชั้นสูง และกำลังจะบรรลุขึ้นเป็นปราชญ์โอสถในอีกไม่ช้า ส่วนเหตุผลที่นางสามารถหลอมกลั่นโอสถที่มีเพียงเซียนโอสถเท่านั้นที่ทำได้ ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากเพลิงพิภพเก้าดุษณี
เสี่ยวฮั่วครุ่นคิดอยู่สักระยะ ก่อนจะให้คำตอบขึ้นว่า
“ควรจะเป็นโอสถที่ได้รับการขัดเกลาจากเพลิงพิภพเก้าดุษณี เพราะประสิทธิภาพโอสถที่ได้น่าจะบริสุทธิ์กว่า”
ถึงแม้จะได้ยินเสี่ยวฮั่วกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่ท่ามกลางเสียงถกเถียงของเหล่ากรรมการ กลับทำเอาเซียถงมิได้รู้สึกใจชื้นขึ้นเลย ทั้งสองเม็ดต่างเป็นโอสถชั้นสูงทั้งคู่ แถมมีคุณภาพใกล้เคียงกันอีก ถือเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากเสียแล้วในการเสาะหาผู้แพ้ชนะ เพราะจะให้กรรมการลองกินโอสถที่หายากปานนี้เพื่อทดสอบประสิทธิภาพก็หาใช่เรื่อง แต่หากให้องค์จักรพรรดิซีฉินเป็นผู้ทดลองล่ะ? เพราะอย่างไรเสีย เขาเองก็เจ้าภาพจัดงานชุมนุมโอสถครั้งนี้ขึ้นมา ก็คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาแล้ว?
เซียถงและชิงเยวี่ยยืนเคียงข้างกันและกัน ต่างคนต่างถือถอดหยกที่บรรจุโอสถไว้ในมือ
ส่วนผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆเองก็ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ข้างเคียงพวกเขา โดยมีถาดหยกที่บรรจุเม็ดโอสถของแต่ละคนอยู่ในมือเช่นกัน
กลุ่มชายชราเหล่านั้นที่เป็นกรรมการผู้ตัดสิน เดินตรวจสอบอย่างละเอียดรายคน กวาดสายตามองอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวกันอย่างพร้อมเพรียง เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนโดยไม่ต้องพูดกันให้เสียเวลา มีสองคนเท่านั้นที่โดดเด่นที่สุดภายในงาน
ทำอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น และเหลือเพียงสองคนสุดท้ายที่ผ่านเข้าไปชิงชัยเพื่อคว้าอันดับหนึ่ง กรรมการผู้ตัดสินทุกท่ายืนอยู่ต่อหน้าชิงเยวี่ยและเซียถง
องค์จักรพรรดิซีฉินเองก็เสด็จลงมาจากแทนบัลลังก์ทองคำอันทรงเกียรติ เฝ้าพินิจดูโอสถเม็ดนั้นในถาดหยกของเซียถง เวลานี้ กะจิตกะใจของเขาทั้งกระวนกระวายและยุ่งเหยิงกว่าใครทั้งมวล หญิงสาวนางนี้ช่างเป็นยอดอัจฉริยะที่น่าทึ่งอันใดปานนี้! นางคือบุคคลผู้มากความสามารถในแทบทุกด้านอย่างแท้จริง! ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คน ณ ปัจจุบันได้ที่ครอบครองคัมภีร์วรยุทธ์ลับ และแท้ที่จริงแล้ว นางเองก็ยังเป็นถึงเซียนโอสถ! และเขาจะต้องยิ่งใจสั่นตื่นตะลึงไปมากกว่านี้อีก หากได้รู้ว่า นางเองก็ยังเป็นผู้อัญเชิญอสูรคนหนึ่ง!
ยอดของยอดอัจฉริยะเฉกเช่นนาง หากไม่สามารถดึงเข้ามาเป็นพวกได้ ก็จำเป็นจะต้องกำจัดทิ้งลูกเดียวเท่านั้น แต่คำถามก็คือ…ข้าควรกำจัดนางทิ้งตอนนี้เลยดีหรือไม่? มิก็บางที…ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะชักชวนเข้าร่วมเป็นพวกพ้อง?
สองขั้วความคิดตีกันโกลาหลอยู่ในหัว องค์จักรพรรดิซีฉินยกมือขึ้นลูบคาง กำลังครุ่นพินิจอย่างหนักหน่วง
สังเกตเห็นท่าทางการแสดงออกที่เปลี่ยนไปขององค์จักรพรรดิซีฉิน ชิงเยวี่ยถึงกับตกใจไปชั่วขณะ และดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างได้ในทันควัน
ผ่านไปสักพักใหญ่ เหล่ากรรมการก็เชิญให้องค์จักรพรรดิซีฉินเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันในครั้งนี้ และหลังจากที่เขาลองกลืนโอสถอำไพหยกของเซียถงลงไป ก็เริ่มหลับตาตกสู่ภวังค์สมาธิเพื่อทดสอบประสิทธิภาพโอสถ
ระหว่างนั้นเอง จู่ๆชิงเยวี่ยก็แอบกระตุกแขนเสื้อของเซียถงที่อยู่ข้างกันเบาๆ
เซียถงชำเลืองหางตามองเล็กน้อย
ชิงเยวี่ยโน้มศีรษะเข้ามาใกล้หนึ่งส่วนเพื่อมิให้เป็นที่สงสัย และเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วอ่อนที่ควรจะได้ยินกันแค่สองคนว่า
“หลังจากงานชุมนุมโอสถครั้งนี้จบลง เจ้ารีบออกไปจากเมืองซีเยว่โดยเร็วที่สุด หนีให้พ้นเงื้อมคนพวกนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องผลบัวศักดิ์สิทธิ์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง แล้วค่อยหาทางเจอกันทีหลัง”
ดวงตาคู่สวยของเซียถงเย็นยะเยือกลงทันใด นางตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันได้ทันที พลางสะดุดมองชิงเยวี่ยอยู่แวบหนึ่ง
เรื่องที่องค์จักรพรรดิซีฉินต้องการจะเอาชีวิตนาง มีหรือจะไม่ทราบ? ในคราวนี้ นางเดินทางมาที่จักรวรรดิซีฉินก็เพื่อผลบัวศักดิ์สิทธิ์ และนางจะไม่มีวันจากไปจนกว่าจะได้มันมา โดยไม่สนใจทั้งสิ้นว่าใครหน้าไหนจะพูดอะไร! แต่อย่างไร การที่ชิงเยวี่ยมีเจตนาหวังดีกล่าวเตือนกันเช่นนี้ นางเองก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจนี้อย่างมาก จึงพยักหน้าส่งสัญญาณกลับไปเบาๆเป็นการขอบคุณ
ตามความเห็นของเซียถง โอสถอำไพหยกของนางควรจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า อันเนื่องมาด้วย นางมีตัวช่วยพิเศษอย่างทั้งเสี่ยวฮั่วและเพลิงพิภพเก้าดุษณี กับแค่ชิงเยวี่ยที่เพิ่งบรรลุขึ้นเป็นเซียนโอสถได้หมาดๆ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเหนือกว่านางได้เลย
ชิงเยวี่ยพยักหน้ายิ้มตอบด้วยความโล่งอกโดยหารู้ไม่ว่า สิ่งใดที่เซียถงตัดสินใจไปแล้ว นางจะไม่มีทางเปลี่ยนใจกลางคันเด็ดขาด