ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 444 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (2)
ตอนที่444 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (2)
ตอนที่444 เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (2)
หลังจากทดลองโอสถของเซียถงเสร็จ คราวนี้องค์จักรพรรดิซีฉินก็หันมาลองโอสถในถาดหยกในมือชิงเยวี่ยต่อ ผ่านไปสักครู่ใหญ่จึงค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“โอสถทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากันโดยสมบูรณ์ เช่นนี้แล้วควรจะตัดสินเช่นไรล่ะ?”
เขารีบโยนคำถามไปให้คณะกรรมการตัดสินโดยทันที
คณะกรรมการเหล่านั้นส่ายหัว
ไม่นานนัก มีชายชราเครายาวสีขาวโพลนซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดในหมู่กรรมการตัดสิน เอ่ยปากเสนอขึ้นว่า
“เนื่องจากโอสถทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากันจนแยกแยะไม่ออก จึงสมควรได้เป็นอันดับหนึ่งร่วม”
องค์จักรพรรดิซีฉินก่นเสียงเย็นชืดระเบิดหัวเราะลั่น กล่าวว่า
“ก็มิผิดที่ตัดสินให้เป็นอันดับหนึ่งร่วม แต่ข้าผู้นี้จะแบ่งรางวัลเช่นไรล่ะ?”
ทุกคนต่างตกตะลึงไปตามกัน เพราะในเมื่อผลการตัดสินไม่ลงตัวจนเกิดเป็นอันดับหนึ่งร่วม แน่นอนว่า พวกเขาควรได้รับผลบัวศักดิ์สิทธิ์ไปคนละผล แต่ทันทีที่ได้ยินองค์จักรพรรดิซีฉินออกตัวกล่าวเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่น่าจบลงโดยง่ายเสียแล้ว
องค์จักรพรรดิซีฉินปรายหางตามองไปทางสาวรับใช้ที่อยู่ข้างเคียง นางเร่งโค้งศีรษะและถอยออกไปอย่างเงียบๆ สักครู่หนึ่งต่อมา ก็มีสาวรับใช้อีกนางเดินถือกล่องสมบัติที่ทำมาจากทองคำออกมา ขนาดมิได้ใหญ่เท่าไหร่นัก แต่เนื่องด้วยเป็นทองคำทั้งแท่ง จึงทำให้มีน้ำหนักมากกว่าที่เห็นหลายเท่า
พอเซียถงเห็นแบบนั้น มุมปากถึงกับกระตุกยิ้มเหยียดหยามเล็กน้อย องค์จักรพรรดิซีฉินผู้นี้มันบ้าทองคำอะไรปานนี้! ขนาดกล่องบรรจุผลบัวศักดิ์สิทธิ์ยังต้องทำมาจากทองคำทั้งดุ้น?
เห็นร่องรอยเหยียดหยามฉายแสดงผ่านใบหน้าของเซียถง ชิงเยวี่ยก็เร่งอธิบายเสียงต่ำทันทีว่า
“ผลบัวศักดิ์สิทธิ์นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินที่มีค่าหาประเมินไม่ หลังจากเด็ดมันออกจากต้นบัวศักดิ์สิทธิ์ จำต้องนำบรรจุลงกล่องที่ทำมาจากทองคำทันที มิฉะนั้นหากปล่อยเอาไว้จะทำให้เน่าและใช้การไม่ได้ในที่สุด เพราะเหตุนี้เลยต้องนำมาบรรจุใส่กล่องทองคำอย่างที่เห็น”
เซียถงยักไหล่ตอบอย่างไม่แยแส กับแค่เรื่องนี้นางหรือจะไม่ทราบ? วิธีการเก็บรักษาผลบัวศักดิ์สิทธิ์แบบง่ายๆก็มี เพียงเคลือบชั้นทองด้านในกล่องก็เกินพอแล้ว ไม่เห็นจะต้องลงทุนหลอมทองคำกว่าหลายสิบแท่ง เพื่อนำมาทำกล่องให้หนักคนอื่นเวลายกถือเช่นนี้เลย?
สาวรับใช้นางนั้นยกกล่องทองคำมาวางไว้ตรงหน้าองค์จักรพรรดิซีฉินอย่างยากลำบาก เขาเอื้อมมือไปเปิดกล่องทองคำออกมาด้วยตัวเอง เพื่อเผยโฉมผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่หลับใหลอยู่ภายในนั้นเป็นขวัญตาแก่สาธารณชน
ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ในตำนานนี้ เป็นผลไม้อัญมณีสีแดงรูปหัวใจโปร่งแสง มองผ่านๆดูคล้ายกับทับทิมชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นเด็ก
เมื่อทุกคนได้ยลโฉมเจ้าสิ่งนี้ ประกายความโลภก็ฉายปรากฏขึ้นในดวงตาทันที คงจะดีทีเดียว…หากผลบัวศักดิ์สิทธิ์ในตำนานชิ้นนั้นเป็นของพวกเขา!
สุ้มเสียงขององค์จักรพรรดิซีฉินค่อยๆแผดดังขึ้นอีกครั้ง
“ประมาณหลายสิบปีก่อน ระหว่างที่ต้นบัวศักดิ์สิทธิ์กำลังจะออกผลผลิต จู่ๆได้เกิดไฟป่าครั้งรุนแรงในหุบเขาซีเยว่ ถึงแม้ไฟป่าดังกล่าวจะถูกควบคุมได้อย่างรวดเร็วในเวลาถัดมา แต่นั่นก็ทำให้ต้นบัวศักดิ์สิทธิ์ที่ควรจะออกผลทุกสิบปี ไม่สามารถออกผลได้อีกเลย กล่าวคือ…ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเจ้าเห็นอยู่ในขณะนี้คือผลสุดท้ายแล้ว!”
ทันทีที่กล่าวจบ คลื่นเสียงความโศกเศร้าเสียใจก็ปะทุขึ้นกลางฝูงชนในทันใด
“ว่ากระไร!? เหลือแค่ผลเดียว!!?”
“แล้วใครกันที่จะได้เป็นเจ้าของผลบัวศักดิ์สิทธิ์ผลนี้?”
พอได้ฟังดังนั้น สายตาของชิงเยวี่ยก็ฉายแววสงสัยขึ้นทันควัน
“นี่เป็นเรื่องจริงงั้นรึ? เหลือแค่ผลเดียวแล้ว?”
เผชิญหน้ากับคำถามที่เปี่ยมไปด้วยข้อกังขาสงสัยของเซียถง ถึงชิงเยวี่ยเองก็จะฉงนสงสัยไม่น้อยไปกว่า แต่ก็กล่าวตอบไปตามจริงว่า
“เรื่องไฟป่าครั้งใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อนเป็นความจริง แต่สำหรับเรื่องผลบัวศักดิ์สิทธิ์กลับไม่ทราบเลย”
ต่อให้ตอนนี้จะเหลือแค่ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ผลเดียวบนผืนพิภพ แต่เซียถงก็ไม่ยอมให้ใครได้ไปครอบครองเท่านั้น นางจำต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา! อาการเจ็บปวดของท่านแม่มิอาจล่าช้าไปเกินกว่านี้แล้ว จะให้รออีกสิบปีเพื่อเสี่ยงดวงว่าจะออกผลมาหรือไม่ก็นานเกินไป! จะอย่างไรก็ตามแต่ ท่านแม่ของนางอุตส่าห์กลับมามีชีวิตอย่างสงบสุขกับเซี่ยอี้เฉิงอีกครั้งแล้วแท้ๆ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรือตะลุยนรกโลกันตร์ยังไง นางก็ต้องได้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์นี้มาครอบครอง!
“มีผู้ชนะถึงสองคน แต่รางวัลกลับมีชิ้นเดียว เช่นนั้นควรทำเยี่ยงไรดีล่ะ?”
องค์จักรพรรดิฉีฉินเล่ห์สายตาจับจ้องไปที่เซียถงและชิงเยวี่ย เขาเอ่ยขึ้นอีกว่า
“พวกเจ้าสองคนมีความเห็นหรือไม่?”
ชิงเยวี่ยยกมือขึ้นเท้าคางก้มศีรษะครุ่นพินิจอยู่สักพัก ก่อนจะเดินหน้าตรงออกมาโค้งคำนับให้ ประสานมือกล่าวขึ้นว่า
“เสด็จพ่อ องค์ราชินีแห่งฉี้เฉิงนางนี้เป็นยอดอัจฉริยะที่น่าทึ่งยิ่งยวด สามารถบรรลุขึ้นเป็นเซียนโอสถได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังมีระดับพลังลมปราณสูงถึงขอบเขตราชันย์ม่วง หากพิจารณาจากจุดนี้ ลูกกลับพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง”
แต่ทันทีที่สิ้นเสียงจางหายไป สีหน้าการแสดงออกขององค์จักรพรรดิซีฉินพลันมิดทมิฬลงในบัดดล เขากล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นว่า
“แต่เจ้าเองก็เป็นเซียนโอสถคนหนึ่ง ทั้งยังสามารถหลอมกลั่นโอสถไพหยกได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับนาง แล้วไยข้องเกี่ยวกับอายุ หากเรื่องอายุมีส่วนสัมพันธ์กับคำตัดสินใจ ปานนี้คงแบ่งแยกการแข่งขันตามรุ่นอายุไปนานแล้ว เหตุใดเจ้าถึงต้องพูดดูถูกตัวเองด้วย?”
รับรู้ได้ถึงสายตาคู่เฉียบคมที่มุ่งจดจ่อเข้าใส่ขององค์จักรพรรดิซีฉิน ชั่วพริบตาขณะ ชิงเยวี่ยถูกคลื่นลมปราณขุดใหญ่เข้ากดดันอย่างหนัก ประหนึ่งว่าถูกก้อนหินขนาดยักษ์ทับร่างกายเอาไว้ เขาไม่สามารถเอ่ยปากกล่าวใดๆได้อีกเลยหลังจากนั้น กระทั่งจะกระดิกนิ้วยังไม่มีปัญญา
การที่ชิงเยวี่ยออกโรงช่วยพูดแทนกันขนาดนี้ ทำให้เซียถงที่ยืนอยู่เคียงข้างรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ลึกๆ เป็นที่แน่นอนว่า นางต้องการผลบัวศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าอะไร แต่หากต้องลากชิงเยวี่ยมาโดนลูกหลงด้วยเพราะตัวนางเอง เซียถงก็คงยอมรับไม่ได้เช่นกัน เพราะยังไงท้ายที่สุดนี้ เป้าหมายหลักขององค์จักรพรรดิซีฉินก็คือตัวนาง
“เรียนองค์จักรพรรดิแห่งซีฉิน เนื่องด้วยผลบัวศักดิ์สิทธิ์เหลือแค่ผลเดียว และคณะกรรมการไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของโอสถได้ เช่นนั้นขอเสนอให้ท่านกำหนดเงื่อนไขในการได้รับมันใหม่ ตราบเท่าที่เซียถงคนนี้สามารถทำได้ ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ก็สมควรที่เซียคงคนนี้จะได้รับ!”
นางตระหนักชัดแจ้งดีว่า องค์จักรพรรดิซีฉินไม่ยอมเต็มใจมอบผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีในมือโดยง่าย เช่นนั้นแล้ว เลยจำเป็นต้องหลอกล่อให้อีกฝ่ายคลายความต้องการออกให้ฟังก่อน ในเวลานั้นนางจะได้หาทางรับมือแก้ไขได้
เมื่อได้ยินดังนั้น องค์จักรพรรดิซีฉินก็ตาเป็นประกายสว่างวาบ!
“เจ้ากล่าวเช่นนั้น?”
นัยน์ตาคู่ละโมบขององค์จักรพรรดิซีฉินสั่นไสวตื่นเต้น ค่อยๆย่างเท้าก้าวเข้ามาใกล้เซียถง ภาพฉากในตอนนี้ล้วนเป็นที่ดึงดูดต่อสายตาของทุกคน เขาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ค่อยๆยื่นศีรษะเข้าหาและเอ่ยขึ้นว่า
“เซียถง ชื่อเสียงของเจ้าในเวลานี้เป็นที่ร่ำลือแผดไพศาลไกลว่า ยอดอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหลาง กระทั่งข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาเช่นกัน สงสัยเสียเหลือเกิน เจ้ามาถึงจุดนี้ได้เยี่ยงไรตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้คนทั่วสารทิศต่างประหลาดใจในความสามารถของเจ้า ทั้งระดับพลังลมปราณที่ทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงได้ภายในเวลาอันสั้น และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจ้ายังเป็นถึงเซียนโอสถ…”
ขณะที่เขาเอ่ยกล่าว เสี่ยวฮั่วก็เร่งส่งเสียงผ่านห้วงความคิดของเซียถงทันที
“นายท่านระวังตัว! มันกำลังวางแผนคิดร้ายต่อท่าน!
“ข้าทราบ รู้ดีว่ามันกำลังจะทำอะไร”
เซียถงส่งเสียงผ่านห้วงความคิดเป็นคำตอบกลับไป ภายใต้แขนเสื้อยาวที่ปิดคลุม ปรากฏประกายแสงสีเงินสะท้อนวูบวาบ คมเข็มทั้งสามเลื่อนเข้าสอดระหว่างง่ามนิ้วอย่างพร้อมเพรียง อาศัยระยะเผาขนขนาดนี้ นางมั่นใจว่าไม่มีพลาด หลังจากที่จับองค์จักรพรรดิซีฉินมาเป็นตัวประกันได้ ขอดูเสียหน่อยว่า มันยังจะมีฤทธิ์เดชอันใดหลงเหลืออยู่อีก?
คนที่อยู่ใกล้ตัวเซียถงที่สุดในเวลานี้รองจากองค์จักรพรรดิซีฉินก็คือ ชิงเยวี่ยกับโม่ซวน พวกเขาทั้งคู่ต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนาง เพียงทราบเช่นนั้น ถึงกับเสียวสันหลังวาบตามๆกัน พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยสักนิดว่า หัวจิตหัวใจของเซียถงเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นคิดจะลอบปรงพระชนม์องค์จักรพรรดิซีฉินเชียว! นางใจกล้าเกินไปหรือไม่!
แต่นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆที่คิดจะหยิบใช้ ระหว่างนั้นเอง องค์จักรพรรดิซีฉินก็เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าผู้นี้ย่อมสามารถประทานผลบัวศักดิ์สิทธิ์แก่เจ้าได้? แต่เจ้ามีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน?”
“เช่นนั้นต้องการอันใดล่ะ?”
ในเมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดแจ้งแล้ว เซียถงก็ไม่มีความจำเป็นใดๆจะต้องให้เกียรติอีกฝ่าย
“บัญชาสี่พิภพ!”
เพียงสามคำห้าพยางค์ ‘บัญชาสี่พิภพ’ ถูกเปล่งออกมาจากปากองค์จักรพรรดิซีฉิน ผู้คนทั่วทั้งงานชุมนุมโอสถต่างตกสู่บรรยากาศเงียบงันในทันใด!