ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 445 บัญชาสี่พิภพ (1)
ตอนที่445 บัญชาสี่พิภพ (1)
ตอนที่445 บัญชาสี่พิภพ (1)
ทันทีที่ได้ยินคำว่าบัญชาสี่พิภพ บรรยากาศตลอดทั่วทั้งชุมนุมโอสถพลันเงียบสงัดดุจป่าช้าในพริบตา ทุกคนต่างสบมองไปที่สองร่างที่ยืนอยู่บนลานประลองจนเป็นตาเดียว
เซียถงจ้องหน้าองค์จักรพรรดิซีฉินอยู่สักครู่ด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ
ทางฝั่งชิงเยวี่ยมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างชัดเจน จากที่ตอนแรกพูดไม่ออกอยู่แล้ว ยามนี้แทบจะลืมหายไปชั่วขณะ ก่อนจะค้นพบว่า มือไม้ตนเองกำลังสั่นเทาอย่างหนักเนื่องด้วยความตกใจสุดขีด
พินิจได้จากสีหน้าแววตาขององค์จักรพรรดิซีฉินในเวลานี้ ปรากฏว่าเขาคำนวณทุกอย่างไว้แล้วตั้งแต่แรก! และทั้งหมดก็เป็นไปตามแผนการที่วางไว้โดยสมบูรณ์!
นัยน์ตาดำเซียถงสั่นไสวหดแคบลง คล้อยหลังความฉงนงุนงงที่รู้สึก ก็ตามมาด้วยร่องรอยความตื่นตระหนกที่ก่อเกิดขึ้นในจิตใจ จากความทรงจำเจ้าของร่างเดิมที่ได้รับสืบทอดมา สิ่งที่เรียกว่า ‘บัญชาสี่พิภพ’ จะเป็นอะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เกินมวลมนุษย์อาจเอื้อม แต่มันว่าสิ่งนี้จะดูสำคัญและยิ่งใหญ่ปานใด ทว่าเซียถงกลับนึกไม่ออกมันคืออะไร ความทรงจำในส่วนนี้ช่างคลุมเครือเสียเหลือเกิน
สรุปแล้ว…บัญชาสี่พิภพคืออะไร?
ภายในห้วงความคิดของนาง ร่างดวงแสงสีม่วงของเสี่ยวฮั่วสว่างวูบวาบขึ้นในทันทีที่ได้ยินสามคำนี้ และด้วยความตื่นตระหนกของมัน ส่งผลให้ดวงแสงสีม่วงลุกลือไปโดนตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ลอยเคว้งอยู่เคียงข้าง หลิวซูถึงกับเอ่ยปากบ่นเสี่ยวฮั่วขึ้นทันใด “ระวังหน่อย!”
“เสี่ยวฮั่ว เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่า บัญชาสี่พิภพ งั้นรึ?”
สังเกตเห็นพฤติกรรมผิดแปลกออกไปของเสี่ยวฮั่ว เซียถงสื่อจิตเอ่ยถามออกไปทันที เพราะคิดว่า มันควรจะต้องรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า บัญชาสี่พิภพเป็นแน่! เพราะปฏิกิริยาการตอบสนองของเสี่ยวฮั่ว มันเหมือนกับตอนที่หลิวซูได้ยินชื่อมังกรเพลิงโลหิตในตอนนั้นไม่มีผิด
“ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้”
น้ำเสียงเสี่ยวฮั่วฟังดูลังเลอยู่หลายส่วน เหมือนจะรู้จักเจ้าสิ่งนี้ดี แต่ก็ไม่รู้จักในเวลาเดียวกัน ทุกอย่างมันดูสับสนไปหมด
แลเห็นทีท่าของเสี่ยวฮั่วผิดแปลกไปดังนั้น หลิวซูก็รีบเอ่ยปากสนับสนุน และประกาศกร้าวทันทีอย่างอาจหาญว่า
“บอกมาเถอะ ไอ้สิ่งที่เรียกว่า บัญชาสี่พิภพ คืออะไร? อย่ามาโกหกทำเป็นไม่รู้เรื่อง! หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าจะเคยถูกบัญชาสี่พิภพนั่นรังแกในอดีต? หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้า หลิวซูผู้นี้จะออกโรงล้างแค้นให้แก่เจ้าเอง!”
สิ้นเสียงดังว่า กระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่ลอยเคว้งในห้วงความคิด บินขึ้นหน้าลอยออกมาปกป้องดวงไฟสีม่วงของเสี่ยวฮั่ว
แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปหน่อย ทำให้ใบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าโดนดวงไฟสีม่วงของเสี่ยวฮั่วลวกเข้าให้ หลิวซูถึงกับร้องจ๊าก อุทานขึ้นลั่นว่า
“ร้อนโว้ย! ร้อน! ไฉนร่างดวงวิญญาณของเจ้าถึงต้องมีไฟติดอยู่ตลอดเวลา? หากกระบี่ติดคราบเขม่าดำขึ้นมาจะทำยังไง!”
เซียถงที่ได้รับรู้เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นภายในห้วงความคิดของนาง ก็อดหัวเราะมิได้ ปรากฏว่าเจ้าสองตนนี้มันเข้ากันได้ดีกว่าที่คิด
“หลิวซู แล้วเจ้ารู้จักบัญชาสี่พิภพหรือไม่?”
“ย่อมต้องไม่รู้อยู่แล้ว! ข้าถูกปิดผนึกมาแสนนานตั้งแต่พิภพยังมีเทพเซียนอาศัยอยู่เลยด้วยซ้ำ!”
“เสี่ยวฮั่วล่ะ?”
“นายท่าน ข้าเองก็ไม่ทราบจริงๆ แต่แวบแรกที่ได้ยินชื่อนี้ กลับรู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน แต่พยายามนึกเท่าไหร่กลับนึกไม่ออก”
น้ำเสียงของเสี่ยวฮั่วฟังดูแผ่วลง ตัวมันรู้สึกผิดไม่น้อยที่ช่วยอะไรเซียถงไม่ได้
“ไม่เป็นไร เจ้าอย่าเศร้าไปเลย”
เซียถงเชื่อว่าเสี่ยวฮั่วจำไม่ได้จริงๆ จึงมิได้ถือโทษโกรธอันใด สักครู่หนึ่งนางก็เอ่ยขึ้นอีกว่า
“แต่ในเมื่อเจ้าเคยได้ยินชื่อนี้ แสดงว่าตัวตนของเจ้าในอดีตอาจเกี่ยวข้องกับมันก็เป็นได้”
แลเห็นว่าเซียถงยืนเงียบไม่ตอบสนองอยู่สักครู่ใหญ่ องค์จักรพรรดิซีฉินจึงแสยะรอยยิ้มชั่วร้ายกล่าวขึ้นว่า
“อะไรกัน? เจ้ากำลังกลัวรึ? แต่ข้าผู้นี้ไม่คิดว่า องค์ราชินีแห่งดินแดนอี้เฉิงจะหวั่นเกรงต่อสิ่งใดโดยง่าย?”
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาเลือกที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการหยิบใช้คำพูดเชิงยั่วยุแทน
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติก็อาจจะได้ผล แต่สำหรับเซียถงที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า บัญชาสี่พิภพ คืออะไร กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง…
เซียถงก็ยังจ้องห้าองค์จักรพรรดิซีฉินอยู่แบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของนางนิ่งเฉยปราศจากคลื่นอารมณ์ผวนใดๆ แต่นั่นก็ทำให้นางในเวลานี้ดูงดงามเกินพรรณนาอย่างแท้จริงเช่นกัน ทั้งคู่คิ้วทรงโค้งได้รูปสวยดั่งคันธนู ดวงตาใสพิสุทธิ์ดั่งหมู่ดาวบนฟากฟ้ารัตติกาลระยิบระยับ และอุปลักษณ์นิสัยที่เย็นชาและยากจะคาดเดาได้ ต่อให้เสาะหาทั่วผินพิภพอีกสักกี่สิบรอบ อิสตรีเฉกเช่นนางคงหาไม่ได้อีกแล้ว!
องค์จักรพรรดิที่ได้ยลโฉมความงามของเซียถงใกล้ๆ ก็พลันรู้สึกใจสั่นเกินควบคุม หากมิใช่ว่า นางในปัจจุบันเป็นพระชายาเอกของราชาหมาป่าสวรรค์ และลดความหัวรั้นแข็งกระด้างลงสักครึ่งหนึ่ง คงเป็นเรื่องที่ดีเกินจินตนาการ หากได้นางมารวมอยู่ในรังสวาทของเขา
แค่นึกได้ดังนั้น รัศมีจิตสังหารที่ควบรวมอยู่ในดวงตาขององค์จักรพรรดิซีฉินก็พลันอ่อนลงหนึ่งส่วน จ้องมองเซียถงด้วยความประณีตอ่อนโยนลงเล็กน้อย
เซียถงลอบกระตุกนิ้วเบาๆทีหนึ่ง ชักคมเข็มทั้งหมดที่สอดแทรกตามซอกนิ้วเก็บกลับไปดังเดิม ตีหน้าฉงนงุนงง เอ่ยถามออกไปทั้งไม่รู้แบบนั้นไปว่า
“บัญชาสี่พิภพคืออะไร?”
ได้ยินแบบนั้น องค์จักรพรรดิถึงกับผงะพูดไม่ออก สำหรับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า บัญชาสี่พิภพ ทุกคนทั่วทั้งทวีปเทียนหลางต่างเป็นที่รู้จักกันอย่างดีเยี่ยม กระทั่งลูกเล็กเด็กแดง ยังต้องเคยได้ฟังมหากาฬตำนานแห่งบัญชาสี่พิภพผ่านหูบ้างไม่มากก็น้อย แต่คำถามแรกที่เซียถงปริปากเอ่ยออกมาคือ…บัญชาสี่พิภพคืออะไร?
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่า บัญชาสี่พิภพคืออะไร! คนเฉกเช่นนี้ยังมีอยู่บนผืนพิภพอีกงั้นรึ!!
ตามตำนานกล่าวเล่าเอาไว้ว่า แต่เริ่มเดิมที ทวีปเทียนหลางถูกสถาปนาขึ้นจากสามเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้แก่ เทพเซียน มารปีศาจ และมนุษย์ ในยุคแรก ทุกอย่างได้เกิดความโกลาหลไปหมด เนื่องจากการสู้รบกันอย่างยาวนานของทั้งสามเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ต่อมา เมื่อสัตว์เทพจตุรเทวะผู้อยู่เหนือความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งได้ทรงเห็นว่า ผืนพิภพแห่งนี้ป่าเถื่อนและไร้อริยธรรมเพียงใด เพื่อรักษาสมดุลความสงบสุขเอาไว้ สัตว์เทพจตุรเทวะแต่ละองค์ จึงได้สละรากฐานพลังบำเพ็ญตบะกว่าครึ่งหนึ่ง และเปลี่ยนกลายมาเป็น ตราบัญชาเทพชิ้นหนึ่ง โดยมีอสูรบรรพกาลในยุคสมัยนั้นทำหน้าที่เป็นดั่งผู้ส่งสาสน์ นำตราบัญชาเทพชิ้นนี้จุติสู่แดนมนุษย์ ส่งผลให้เวลาต่อมา เหล่ามวลมนุษย์ได้สำแดงใช้ตราบัญชาเทพชำระล้างทั้งเผ่าเทพเซียน และเผ่ามารปีศาจจำกัดไปโดยสิ้น และกลายมาเป็นทวีปเทียนหลางที่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ปกครองอย่างในปัจจุบัน
ต่อมา พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เคยอัดแน่นอยู่ในตราบัญชาเทพก็ได้หมดสิ้นลง ส่วนทางด้านสัตว์เทพจตุรเทวะก็ไม่มีทีท่าเคลื่อนไหวใดๆอีกต่อไป และอาศัยอยู่ในดินแดนสวรรค์ชั้นสูงสุดอย่างสงบสุข
แต่อย่างไรเสีย ตราบัญชาเทพที่สูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วชิ้นนั้น จู่ๆมันก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยไม่มีใครคิดในทวีปเทียนหลาง! และจากคำพูดที่เล่าขานต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ใครก็ตามที่ได้ครอบครองตราบัญชาเทพชิ้นนั้น ก็เท่ากับได้ปกครองทั่วทั้งใต้หล้าเหนือสรรพชีวิตใด!
ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากแห่งหนใด ขอแค่ได้ตราบัญชาเทพอยู่ในมือ เพียงออกคำสั่งแค่คำเดียว ทั่วผืนพิภพใต้หล้าล้วนต้องสดับฟังอยู่แทบเท้า!
ด้วยขุมพลังอำนาจที่แสนล่อตาล่อใจของตราบัญชาเทพชิ้นนี้ ส่งผลให้องค์จักรพรรดิของทั้งสี่จักรวรรดิหมายมั่นต้องการได้มันมาครอบครองตลอดมาตั้งแต่ยุคสมัยอดีตกาลแล้ว และเพราะเหตุนี้เองมันจึงถูกเปลี่ยนชื่อว่า บัญชาสี่พิภพ
ถึงกระนั้น ตามคำบอกเล่าที่เคยตกทอดได้ยินกันมา สถานที่สุดท้ายที่ค้นพบบัญชาสี่พิภพ มันอยู่บนยอดเขาคุนหลุน
ทวีปเทียนหลางอันกว้างใหญ่ไพศาล เหนือใต้ออกตก ถูกแบ่งแยกอาณาเขตการปกครองโดยสี่จักรวรรดิชัดเจน ได้แก่ ตงหลี่, หน่านเฟิง, ซีฉินและเป่ยฮั่นตามลำดับ ซึ่ง ณ ใจกลางที่อยู่ขวางกั้นระหว่างสี่จักรวรรดิเป็นหุบเขาขนาดมหึมาที่ถูกเรียกว่า หุบเขาคุนหลุน บริเวณยอดเขาอยู่สูงตระหง่านเสียดฟ้าซะจนไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ ตามตำนานกล่าวว่า ยอดเขาคุนหลุนคือจุดเชื่อมต่อระหว่างผืนปฐพีและแดนสวรรค์ บนนั้นหลุนมีอสูรบรรพกาลอยู่มากมาย กระทั่งสมุนไพรอันแสนล้ำค่าหลากหลายชนิดก็มีอยู่หนาแน่นอุดมสมบูรณ์นับไม่ถ้วน แต่ใครที่คิดจะเดินทางไปกลับไม่ง่ายเลย
ทั้งสี่จักรวรรดิเคยพยายามส่งกองทัพขึ้นไปสำรวจแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครเหลือรอดชีวิตกลับมาแม้สักคน จนท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหลายจำต้องวางมือยอมแพ้ไป และตามที่วิเคราะห์สันนิษฐานกันเอาไว้ พื้นที่ทั้งหมดบนหุบเขาคุนหลุนมันกว้างใหญ่ไพศาลเสียยิ่งกว่าพื้นที่ในทวีปเทียนหลางทั้งทวีปมาจับมัดรวมกันเสียอีก!
และในตอนนี้ องค์จักรพรรดิซีฉินก็กำลังกล่าวเสนอเงื่อนไขที่ยากเกินเป็นไปได้ให้แก่เซียถงอยู่!
ตราบเท่าที่เซียถงแค่ยอมตอบตกลงว่า จะเดินทางไปยังหุบเขาคุนหลุน เขาก็ยอมมอบผลบัวศักดิ์สิทธิ์ผลสุดท้ายนี้ให้แก่นางทันที หากโชคชะตาสวรรค์เข้าข้างเซียถงจริงๆ และนางกลับมาพร้อมกับบัญชาสี่พิภพ กระทั่งหุบเขาซีเยว่ที่เป็นดั่งสวรรค์ของนักหลอมโอสถ เขาก็ยอมให้ได้ทั้งลูกเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนกับบัญชาสี่พิภพเพียงชิ้นเดียว
แต่พึงทราบ ผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะมีอยู่ทั่วไปบนหุบเขาคุนหลุน แลกเปลี่ยนกับบัญชาสี่พิภพที่ใครได้ไป ก็เท่ากับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นข้อเสนอนี่ไม่คุ้มเอาเสียเลย!!