ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 446 บัญชาสี่พิภพ (2)
ตอนที่446 บัญชาสี่พิภพ (2)
ตอนที่446 บัญชาสี่พิภพ (2)
กล่าวคือ ไม่ว่าข้อตกลงนี้จะจบลงอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชนะ!
อย่างไรเสีย ใครจะไปคาดคิดว่าเซียถงจะใสซื่อถึงขนาดไม่รู้จักบัญชาสี่พิภพเสียได้ และนี่ยังทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด!
“บัญชาสี่พิภพที่ว่ามันอยู่บนยอดเขาคุนหลุน และได้รับการพิทักษ์ปกป้องเป็นอย่างดีจากอสูรบรรพกาล ขอเพียงได้รับบัญชาสี่พิภพมา ไม่เพียงข้าจะมอบผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีแก่เจ้า แต่ข้ายังจะให้จักรวรรดิซีฉินส่วนหนึ่งแก่เจ้าได้ปกครองได้ตามใจนึก!”
ทันทีที่คำสัญญานี้หลุดจากปากองค์จักรพรรดิซีฉินออกมา ทุกคนโดยรอบต่างก็ยิ่งตื่นตกใจเป็นทวีเท่า!
วาทศิลป์ลูกเล่นขององค์จักรพรรดิซีฉินช่างแพรวพราวจัดจ้านดีเหลือเกิน! เนื่องด้วยปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คนโดยรอบเมื่อได้ยินคำว่า บัญชาสี่พิภพ คนหัวไวอย่างเซียถงไม่มีทางถูกหลอกโดยง่ายว่า เจ้าสิ่งที่ว่าเป็นของหายากทั่วไป และหากเสนอเพียงผลบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัลเพียงอย่างเดียว นางคงอาจไม่ติดเบ็ดและเหลียวหลังกลับโดยไม่สนใจไยดีใดๆอีกเลยก็เป็นได้
ดังนั้นแล้วในตอนนี้ ไม่ว่ากรณีใด ห้ามทำให้เซียถงลังเลโดยเด็ดขาด!
เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายที่นางจะสนใจ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็ร้องอุทานขึ้นลั่นอย่างร้อนรนขึ้นว่า
“นายท่าน! สัญญากับเขาสิ!”
“หื้ม? เพราะเหตุใดล่ะ?”
คนที่ไม่ยอมเอ่ยปากรับคำอันใดโดยง่ายอย่างเสี่ยวฮั่ว การที่จู่ๆจะพูดจาโผลงผางออกมาทันทีทันใด แสดงว่านี่อาจเป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์ต่อตัวนางจริงๆและไม่ควรจะปฏิเสธ
แต่ชั่วอึดใจเดียวกัน กระบี่ทัณธ์ฟ้าในห้วงความคิดของนางพลันสั่นกระเพื่อมรุนแรง หลิวซูรีบกล่าวแย้งขึ้นทันทีว่า
“เจ้าบ้าไปแล้วรึไง! ก็ได้ยินมันพูดอยู่ว่า บัญชาสี่พิภพอะไรนั่นมันได้รับการพิทักษ์ปกป้องจากอสูรบรรพกาล เจ้าเองก็เคยเป็นอสูรบรรพกาลตนหนึ่ง ไยจะไม่ทราบถึงขุมพลังความน่ากลัวของพวกมัน?!”
จากมุมมองภายนอก เมื่อเห็นว่าเซียถงเกิดอาการลังเลขึ้นมา โม่ซวนที่เฝ้ามองอยู่ก็ถึงกับหน้าซีด!
นายท่านสั่งให้ตนเองค่อยเฝ้าอารักขานายหญิงระหว่างที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมโอสถในซีฉิน แต่ไม่เพียงแค่เขาต้องกลับกลายมาเป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องเสียเองในตอนหมู่บ้านที่ฝูงสัตว์อสูรบุกมา ทว่าตอนนี้ เขายังปล่อยให้นายหญิงตกหลุมพรางขององค์จักรพรรดิซีฉินอีก โทษหนักหนาสาหัสปานนี้ ต่อให้ตายนับพันชีวิตก็เกรงว่าไม่เพียงพอ!
หากไม่รีบเข้าแทรกแซงยามนี้ เกรงว่าได้เกิดหายนะในภายหลังเป็นแน่! ทันทีที่คิดได้ดังนั้น โม่ซวนก็รีบตบเท้าขึ้นหน้าเดินตรงออกไป โค้งศีรษะให้เซียถงอยู่ข้างนางและกล่าวขึ้นว่า
“นายหญิง ห้ามสัญญาเด็ดขาด!”
เซียถงเหลียวหน้าชำเลืองมองโม่ซวนส่อแววสงสัยหนึ่งส่วน
เห็นดังนั้น โม่ซวนเร่งกระซิบข้างหูในทันใดว่า
“อสูรบรรพกาลที่คอยเฝ้าพิทักษ์ปกป้องบัญชาสี่พิภพเป็นกิเลนศักดิ์สิทธิ์ ราชาแห่งอสูรบรรพกาลทั้งมวล! สำหรับเรื่องนี้ นายท่านของข้าเองก็เคยทดลองเดินทางขึ้นเขาคุนหลุนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก่อนที่จะปีนถึงตีนเขาคุนหลุนเสียด้วยซ้ำ กลับถูกลมหายใจกิเลนศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นพ่นใส่ จนกระเด็นร่วงตกลงมา”
แท้ที่จริง รากฐานพลังลมปราณของไป๋หลี่หาน ณ ปัจจุบันทะลวงขึ้นถึงขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าแล้ว! ต่อให้กวาดสายตาเสาะหาทั่วทวีปเทียนหลาง นับเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะมีคู่ต่อสู้ระดับชั้นพลังเดียวกันกับเขา อย่างไรเสีย กระทั่งยอดปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเฉกเช่นเขา ยังถูกลมหายใจกิเลนพัดปลิวลงมาโดยที่ยังไม่ทันไปถึงไหนด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วจะนับประสาอะไรกับนางล่ะ!
องค์จักรพรรดิซีฉินที่ต้องการหยิบใช้ความไม่รู้อะไรเลยของเซียถงทำให้นางหลงกลก็เดือดดาลเป็นฟืนไฟขึ้นทันใด สายตาคู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืด คำรามเสียงดังสนั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นว่า
“บังอาจ!! ข้าผู้นี้กำลังตรัสอยู่กับเซียถง แล้วเจ้าเป็นใครถึงกล้ามาขัดจังหวะ!?”
สิ้นเสียงกล่าวจบ องค์จักรพรรดิซีฉินชักหอบกระแสลมปราณขุมใหญ่ ตบฝ่ามืออัดใส่ทางโม่ซวนโดยตรง หวังจะดับลมหายใจฆ่าทิ้งในหนึ่งกระบวนท่า
แต่มีหรือที่คนอย่างเซียถงจะยอมให้ใครรังแกข่มเหงกันต่อหน้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนของนางเอง? แม้จะเป็นองค์จักรพรรดินางก็ไม่มีละเว้นเช่นกัน!
เซียถงผลักร่างโม่ซวนให้ถอยหลบอยู่ด้านหลังนางในทันใด และเร่งระดมกระแสลมปราณสายหนึ่งเข้าปะทะชนกับฝ่ามือลมปราณขององค์จักรพรรดิซีฉินโดยตรง และแน่นอน ขุมพลังความแข็งแกร่งของนางที่สูงถึงขอบเขตราชันย์ม่วง ย่อมสามารถสลายพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แลเห็นรัศมีลมปราณสีม่วงทอประกายจัดจ้านอยู่บนร่างอรชรหญิงสาวตรงหน้า องค์จักรพรรดิพลันรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งยวด ใบหน้าของเขาถอดสีซีดแล้วซีดอีกจนแทบปราศจากเลือดหล่อเลี้ยง แข้งขาคู่นั้นสั่นผับด้วยความหวาดกลัวจนเกือบทรงตัวยืนไม่ไหว
เมื่อเห็นว่าเซียถงกำลังสำแดงใช้รัศมีแรงกดดันขุมใหญ่เข้ากดขี่ บีบบังคับให้องค์จักรพรรดิซีฉินคุกเข่าลงต่อแทบเท้านาง และเพียงเสี้ยวพริบตาก่อนที่คู่เข่าทั้งสองข้างของเขากำลังสัมผัสแตะพื้นดิน จู่ๆก็มีเงาดำสองร่างเปล่งแสงสีม่วงประกายเงินแพรวพราวท่ามกลางเงามืด มันไสวพุ่งออกมาประดุจสายฟ้าสายเกรี้ยวกราด ตรงเข้ามายืนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังองค์จักรพรรดิซีฉิน ทั้งยังอัดฉีดลมปราณกระแสใหญ่ลงสู่ร่างของอีกฝ่ายเพื่อใช้ต้านรับกับรัศมีแรงกดดันของเซียถง
เซียถงตาเป็นประกายขึ้นทันควัน เมื่อเห็นสองชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำเข้าช่วยเหลือองค์จักรพรรดิซีฉิน พินิจจากคลื่นลมปราณสีม่วงบริสุทธิ์ปนประกายเงินบนเรือนร่าง อีกฝ่ายควรจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นสูงคนหนึ่ง!
โม่ซวนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเซียถง ยามนี้ก็กำลังจับจ้องเซียถง สีหน้าแววตาคงไว้ซึ่งความตื่นตระหนกตกใจไม่จางหาย เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่า นายหญิงจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตนอีกแล้ว และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ครั้งนี้ยังถึงขั้นออกโรงเป็นปฏิปักษ์กับองค์จักรพรรดิซีฉิน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวเองเสียเหลือเกิน ในฐานะผู้อารักขาปกป้อง เขาปฏิบัติหน้าที่ได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
เซียถงตระหนักได้ชัดแจ้ง ทั้งสองคนนี้กำลังระงับยับยั้งพลังลมปราณในกายอยู่ เพราะฝ่ายหนึ่งต้องเข้าปกป้ององค์จักรพรรดิซีฉิน ส่วนอีกฝ่ายกำลังเข้าต้านรับกับตัวนางเองอยู่
หากสองคนนี้เอาจริง คาดการณ์ได้ว่า ระดับพลังลมปราณของพวกเขาอาจจะสูงถึงขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น และคงเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่นางจะสามารถรับมือกับยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ้งขั้นได้ถึงสองคนในเวลาเดียวกัน
คิดได้ดังนั้น นางจึงถอนพลังลมปราณตนเองเก็บกลับมา
เห็นว่าเซียถงยอมหยุดมือ สองคนนั้นเองก็เก็บถอนพลังลมปราณออกไปเช่นกัน
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาเดียวเท่านั้น และผู้คนอื่นๆในงานชุมนุมโอสถก็เห็นแค่เพียง เงาร่างของสองคนนั้นไสววูบวาบไปมา เร็วซะจนมิอาจทราบว่า ภาพฉากเบื้องหน้าเมื่อครู่นี้ ได้มีบุคคลอีกสองตัวละครเพิ่มเข้ามา พลางคิดว่าตาฝาดกันไปเอง
เซียถง มุ่งสายตาสะกดมององค์จักรพรรดิซีฉินตรงหน้าและเอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อครู่ที่กล่าวไปคงพูดจริงกระมัง?”
“แน่นอน!”
“เหตุที่ต้องกล่าวถามย้ำเตือน เนื่องด้วยก่อนเริ่มงานชุมนุมโอสถ ท่านเองก็เคยให้สัญญาไปว่า ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งจะได้รับผลบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัล แต่กระทั่งตอนนี้ ข้าเองก็ยังไม่ได้มันมาเลย?”
สำหรับการเดินทางไปหุบเขาคุนหลุนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในเวลานี้นางเพิ่งคว้าอันดับหนึ่งของงานชุมนุมโอสถไป ดังนั้นแล้ว ก็ควรได้รับผลบัวศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตน และหากอีกฝ่ายยังคงผิดสัญญาเช่นนี้ ครั้งหน้าที่มีเรื่องไหว้วานคงไม่ต้องพูดถึงอีกต่อไป
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ สีหน้าการแสดงออกของจักรพรรดิซีฉินก็เห่อแดงเล็กน้อยด้วยความอับอาย ถูกอีกฝ่ายแอบหัวเราะเยาะใส่ หาว่าเป็นพวกผิดสัญญา มีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกรู้สา แต่เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เขาก็กลับสู่สภาวะปกติดังเดิม และกล่าวขึ้นอย่างไม่แยแสขึ้นว่า
“เนื่องจากทั้งเจ้าและชิงเยวี่ยต่างเป็นอันดับหนึ่งร่วม หากเจ้าไม่ต้องการไปยังหุบเขาคุนหลุน เช่นนั้นก็จะแบ่งผลบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นสองส่วน เพื่อมอบแก่ผู้ชนะทั้งสอง จะเอาเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
การจะรักษาอาการป่วยของท่านแม่จำเป็นจะต้องได้รับผลบัวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นที่ชัดเจน องค์จักรพรรดิซีฉินมีเจตนาก่อกวนสร้างปัญหา ทว่าเซียถงหาได้สนใจไม่ เพราะขนาดลูกชายบุญธรรมของตัวเองอย่างชิงเยวี่ย อีกฝ่ายยังไม่สนใจไยดีด้วยซ้ำ แล้วมีหรือที่มันจะไว้หน้านาง?
หากดื้อดึงแข็งขืนต่อไป เกรงว่าชิงเยวี่ยจะต้องออกโรงช่วยเหลือนางอีกแน่ และหากถึงตอนนั้น ชีวิตของเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ แต่นางไม่ยอมให้เรื่องเป็นเช่นนั้นแน่นอน และที่สำคัญที่สุด ดูจากปฏิกิริยาของเสี่ยวฮั่วเอง หุบเขาคุนหลุนที่ว่าก็ดูน่าสนใจมากจริงๆ ต่อให้ปฏิเสธไปตอนนี้ สักวันนางจะต้องหาเวลาไปที่นั่นอย่างแน่นอน!
เซียถงตบเท้าก้าวขึ้นหน้าอย่างห้าวหาญ ตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า
“เช่นนั้นข้าจะไปหุบเขาคันหลุน แต่ท่านจะต้องเขียนหนังสือสัญญาและลงนามกันตรงนี้เลย!”
การที่เสนอให้เขียนหลักฐานสัญญาแบบเป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นมา มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตัวนางไม่มีความเชื่อมั่นในตัวองค์จักรพรรดิซีฉินเลย และที่สำคัญคำพูดประโยคนี้ ทุกคนต่างได้ยินโดยทั่วกัน ทำเอาองค์จักรพรรดิซีฉินรู้สึกเสียหน้าครั้งใหญ่หลวง แต่พอนึกถึงบัญชาสี่พิภพ ความรู้สึกแย่ๆพวกนั้นก็ดูจะคลายอ่อนลงมาก
หลังจากที่ทำหนังสือสัญญาพร้อมลงลายลักษณ์อักษรกันเสร็จสรรพ องค์จักรพรรดิซีฉินก็เหม่อมองเซียถงเดินจากออกไปพร้อมกับหนังสือสัญญาที่ว่า ดวงตาของเขาฉายแววอำมหิตเหี้ยมเกรียมสะท้อนปรากฏ พลางคิดกับตัวเองอยู่ในใจว่า
‘เซียถง หลังจากที่ข้าได้บัญชาสี่พิภพมา เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้มีชีวิตอยู่บนผืนพิภพนี้อีกเลย…’