ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 448 ยอดบัวสมุทร(2)
ตอนที่448 ยอดบัวสมุทร(2)
ตอนที่448 ยอดบัวสมุทร(2)
ไป๋ปิงส่ายศีรษะสะบัดอย่างแรงหวังให้ลืมเลือนมันไป มองหน้าชิงเยวี่ยจับจ้องอยู่สักครู่ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแววความมุ่งมั่นของเจ้าเด็กนี่ มันหาใช่แบบเดียวกับนางในตอนนั้นเลยหรอกรึ? แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ตอนนี้เขายังมีโอกาส…โอกาสในการแก้ไขหลายสิ่งอย่างมิให้สายเกินไป
“อนิจจา…นี่หรือลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เจ้าศิษย์โง่ เจ้ารีบไปเกลี้ยกล่อมนางก่อนเถอะ บอกว่าห้ามไปหุบเขาคุนหลุนเด็ดขาด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังแบบข้า!”
ทันทีที่ได้ยินไป๋ปิงกล่าวออกมาเช่นนั้น ชิงเยวี่ยก็ไม่มีเวลามามัวลังเลแล้ว คู่เท้าแปรไสวเป็นเงาสายหนึ่ง รีบวิ่งออกไปหาเซียถงประดุจสายลมกระโชก
“ในตอนนั้น อดีตจักรพรรดิซีฉินพระองค์ก่อนได้มีพระราชโองการลับ ส่งกองทหารจำนวนหนึ่งแสนนายเพื่อเดินทางไปที่หุบเขาคุนหลุน เป้าหมายก็คือบัญชาสี่พิภพ โดยหวังจะอาศัยกำลังคนเข้าว่า ซึ่งทหารทุกนายล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างเข้มงวด กล่าวคือทั้งทรงพลังและแข็งแกร่งทั้งสิ้น ทว่าพวกเขาเพิ่งจะเดินทัพมาถึงตีนเขาเท่านั้น ก็เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ณ ตอนนั้น แต่แล้วสุด ก็มีทหารนายหนึ่งแอบนำหินมณีที่บรรจุอณูพลังวิญญาณเข้มข้นลงมาจากหุบเขาคุนหลุนติดมาด้วย ตอนไปมีหนึ่งแสนนาย แต่ตอนกลับลงมาเหลือกันแค่สิบนายเท่านั้น!”
ได้ยินเช่นนั้น แม้แต่เซียถงยังแอบตื่นตกใจอยู่เล็กน้อย ทหารจำนวนหนึ่งแสนนาย! กลับมีเพียงสิบคนเท่านั้นที่เหลือรอดกลับมาได้! แล้วหนึ่งในนั้นเองก็ได้นำหินมณีบรรจุอณูพลังวิญญาณเข้มข้นขนาดเท่ากำปั้นกลับมาด้วย
องค์จักรพรรดิซีฉินในเวลานี้ เขาตกพระทัยยิ่งยวดทันทีที่เห็นว่า ผู้ใต้บัญชาซึ่งเป็นทหารระดับชั้นสูงจำนวนหนึ่งแสนนาย เหลือรอดชีวิตกลับมาเพียงสิบคนเท่านั้น นี่นับเป็นเหตุสะเทือนใจครั้งใหญ่หลวงที่สุดในชั่วชีวิตที่เขาเคยประสบพบเจอ! ต่อมา เขาได้นำเจ้าหินมณีบรรจุอณูพลังวิญญาณเข้มข้นชิ้นนั้นไปฝังไว้บนหุบเขาซีเยว่ด้วยมือตัวเอง แต่ใครจะไปคาดคิดว่า หินมณีบรรจุพลังวิญญาณเข้มข้นชิ้นนั้นจะปลดปล่อยพลังที่เก็บสั่งสมออกไปกระจายทั่วบริเวณ ทำหน้าที่เป็นแหล่งสารอาหารหลักที่หล่อเลี้ยงหุบเขาซีเยว่ให้มีสมุนไพรเจริญเติบโตจนอุดมสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้
ชิงเยวี่ยยังกล่าวกับนางอีกว่า
“เซียถง ฟังข้าให้ดี อันที่จริงแล้ว ท่านอาจารย์ของข้าก็มียอดบัวศักดิ์สิทธิ์ที่เคยได้รับเมื่อสิบปีก่อนเก็บไว้อยู่เช่นกัน ข้าทราบดี เจ้าต้องการนำเจ้าสิ่งนี้เพื่อไปรักษาท่านแม่ จากนี้ข้าจะลองไปขอท่านอาจารย์ดู และหากอีกฝ่ายไม่ยอมจริงๆ ข้าก็จะขโมยมาให้เจ้า! ด้วยวิธีนี้ เจ้าก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปหุบเขาคุนหลุนอีก!”
ด้วยความกังวลที่มากล้นในหัวของเขา ชิงเยวี่ยเอื้อมมือไปเขย่าไหล่เซียถงอยู่สองสามทีต่อเนื่อง
เซียถงตกใจอย่างมาก ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า อีกฝ่ายจะวิตกจริตเกินเหตุได้ขนาดนี้ แลเห็นอีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัว นางก็แอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเจือร่องรอยไม่พอใจผ่านสายตา เพราะตั้งแต่ที่นางตัดสินใจลงหลักปักฐานกับไป๋หลี่หาน จากนี้ก็จะพยายามอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนอื่นมากที่สุดเช่นกัน
ถึงแม้นางจะตระหนักดีว่า อีกฝ่ายมีเจตนาดีถึงได้มาเอ่ยเตือนเช่นนี้ แต่อย่างไร ทุกอย่างก็ได้ตัดสินใจไว้หมดแล้ว นางจะเดินทางไปที่หุบเขาคุนหลุนก็เพื่อเสี่ยวฮั่ว
เซียถงออกแรงสะบัดร่างเล็กน้อยคล้ายส่งสัญญาณออกไป ชิงเยวี่ยที่เพิ่งได้สติก็รีบถอยออกห่างรักษาระยะกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งในความหวังดีของเจ้ามาก ขอบคุณจริงๆ แต่อย่างไร ข้าก็ต้องไปหุบเขาคุนหลุน”
“เพราะเหตุใดกัน?”
ได้ยินคำตอบของนางไปแบบนั้น เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด!
“มีบางเหตุผลที่มิอาจบอกได้ แต่อย่างไรเสียก็ขอบใจเจ้ามาก!”
ชิงเยวี่ยยังคงดื้อรั้นไม่ยอมจบโดยง่าย พยายามจะเกลี้ยกล่อมอีกสักครา ทว่าสายตาพลันชำเลืองไปเห็นใครบางคนที่กำลังยืนพิงอยู่มุมห้องด้านใน กำลังกอดอกมองดูทั้งสองอย่างสบายใจ
“ท่าน! ท่านอาจารย์ผู้พี่!”
ทันทีที่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านอาจารย์ของตนและหยุนซี ชิงเยวี่ยก็แตกตื่นเรียกขานเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามแปลกๆออกมา
สีหน้าของหยุนซีในเวลานี้ยังคงติดซีดเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง คมกระบี่ของไป๋ปิงเมื่อวานนี้อาจไม่ทำให้ถึงตาย แต่ก็นับว่าโหดเหี้ยมไร้ปรานี!
“อาจารย์เจ้าตื่นแล้วรึยัง?”
ชิงเยวี่ยคล้ายกับว่าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบขานรับทันที
“ท่านอาจารย์ตื่นแล้ว และนางเองก็ฝากเจ้าสิ่งนี้ให้ศิษย์มอบแก่ท่าน”
จากนั้นเขาก็รีบหันไปหยิบกล่องผ้าไหมเนื้อเนียนละเอียดออกมาจากกระเป๋าที่หิ้วติดมาด้วยออกมา และส่งให้แก่หยุนซี
หยุนซีตกใจอย่างมากเมื่อเปิดกล่องผ้าไหมใบนี้ ภายในปรากฏเป็นดอกบัวสีน้ำเงินครามวิจิตรสวยงามนอนนิ่งอยู่ต้นหนึ่ง
เซียถงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับโพล่งอุทานขึ้นว่า
“นี่มันยอดบัวสมุทร!”
แต่เริ่มเดิมที หยุนซีตั้งใจไว้ว่าวันนี้ตนจะออกไปพบไป๋ปิง ไม่ว่านางจะต้องคุกเข่าหรือพนมมือไหว้ ยังไงก็ต้องขอยอดบัวสมุทรต้นนี้มาจากอีกฝ่ายให้จงได้ แต่ใครจะไปคาดคิดกัน ไป๋ปิงกลับฝากเจ้าสิ่งนี้แก่ศิษย์ตนเอง เพื่อนำมาส่งมอบให้นางโดยตรง!
“ท่านอาจารย์ยังฝากบอกมาอีกว่า ยอดบัวสมุทรต้นนี้ขอมอบแก่ท่าน และนางไม่อยากพบหน้าท่านอีกแล้ว ส่วนเรื่องของจือหยวน…”
เมื่อชิงเยวี่ยกล่าวทวนคำพูดของไป๋ปิงมาถึงตรงนี้ ก็ทำให้เขานึกย้อนกลับไปถึง ภาพฉากใบหน้าของท่านอาจารย์ในเวลานั้นได้
ก่อนที่ชิงเยวี่ยจะได้วิ่งออกไปเตือนเซียถง จู่ๆก็ถูกไป๋ปิงหยุดเอาไว้เสียก่อน นางกลับเข้ากระท่อมไปอาบน้ำแต่งตัว ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกรวบมัดจัดเป็นทรงหางม้าพร้อมกับใช้ปิ่นปักผมที่แกะสลักมาจากไม้ไผ่ทัดติดไว้อย่างสวยงาม ใบหน้าของนางล้างน้ำสะอาดกลับมาสดใสงดงามดงเดิม ปราศจากคราบสิ่งสกปรกใดๆอีกต่อไป แต่งกายในชุดแพรพรรณสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ ไป๋ปิงในเวลานี้ช่างดูงดงามราวกับเทพธิดานางสวรรค์ หลังจากอาบน้ำครั้งนี้ ก็ดูเหมือนว่านางจะปลดเปลื้องปล่อยวางทุกอย่างไปจนหมดสิ้นได้แล้ว นางเดินตรงมาหาเขาพร้อมกับกล่องผ้าไหมใบหนึ่งในมือ กล่าวว่า
“ชิงเยวี่ย นำกล่องผ้าไหมใบนี้มอบให้แก่หยุนซี พอให้นางไปแล้ว ก็บอกด้วยว่า ข้ามีประโยคหนึ่งอยากจะฝากให้”
“ขอรับท่านอาจารย์”
กระทั่งชิงเยวี่ยเองยังตื่นตะลึงกับความงดงามของไป๋ปิง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า ท่านอาจารย์ของเขาจะสวยได้ขนาดนี้
“ฝากบอกนางทีว่า จากนี้ต่อไป ข้าไม่อยากพบหน้านางอีกแล้ว ส่วนเรื่องของจือหยวน ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นหรือตาย ข้า ไป๋ปิงจะไม่ขอมีส่วนข้องเกี่ยวใดๆอีกชั่วชีวิต”
ไป๋ปิงชะงักหยุดไปชั่วจังหวะหนึ่ง จ้องมองใบหน้าชิงเยวี่ยด้วยความเอ็นดูรักใคร่ ถึงแบบนั้นแววตาคู่นั้นของนางก็ยังเผยสะท้อนร่องรอยความเศร้าโศกออกมาหนึ่งส่วน นางกล่าวอีกว่า
“ชิงเยวี่ย เหตุที่ชีวิตของข้าต้องพังลงไม่เป็นท่า ก็เพราะความรักที่ผิดหวังและไม่สามารถก้าวข้ามผ่านมันออกมาได้ และข้าเองก็หวังว่า เจ้าจะสามารถก้าวข้ามผ่านจุดนี้ออกมาได้ อย่าซ้ำรอยเหมือนอาจารย์คนนี้ของเจ้า มันทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เจ้าได้เป็นเซียนโอสถ ข้าในฐานะอาจารย์รู้สึกภูมิใจจริงๆที่มีเจ้าเป็นลูกศิษย์! ชิงเยวี่ย ต่อจากนี้เจ้าต้องเดินด้วยตัวเองแล้ว คำสอนสุดท้ายจากอาจารย์คนนี้ที่อยากจะบอกเจ้าก็คือ จงใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขซะ!”
ละอองน้ำยังคงเปรอะเปื้อนอยู่ในดวงตาของชิงเยวี่ยไม่จางหายไป ทำให้วิสัยทัศน์รอบตัวพลันพล่ามัวไปเสียหมด และทันทีที่เขาก้มศีรษะเช็ดน้ำตาและเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ภาพฉากเบื้องหน้ากลับเหลือเพียงกระท่อมไม้ที่ว่างเปล่า เหลือเพียงเสียงสะท้อนจากคำสอนสุดท้ายที่ยังดังกึกก้องอยู่ภายในใจของเขา และกลิ่นสุคนธรสหอมกรุ่นจากสมุนไพรหลากหลายชนิด เสมือนกับว่าท่านอาจารย์ล่องลอยหายไปในอากาศ แต่อย่างไรเขาเองก็ทราบ ในที่สุด ท่านอาจารย์ของเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านวัฏจักรแห่งความทุกข์โศกได้แล้ว นางเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างพร้อมกับจากไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง….